ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเป็นบัญชีคริปโตของกองทุน CAI เพราะภรรยาผมมีหลักฐานว่าได้รับโอนเงินกลับมาเป็นเงินบาท 100 ล้านบาท ตอนลงทุนก็มีหลักฐานว่ามีเงินออกจากบัญชี 100 ล้านบาท ไม่เคยใช้เป็นคริปโต ตอนนี้ได้ขอให้กองทุน CAI ยืนยันข้อเท็จจริงของเอกสารนี้ ยังรอเขามายืนยันอยู่
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่นายวรภัค ธันยาวงษ์ ได้ประกาศลาออกจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง หลังจากถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับกลุ่มสแกมเมอร์ โดยให้เหตุผลว่าหลังจากนี้จะต้องมีการมีการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่กล่าวหาตน ซึ่งรวมถึงนายทอม ไรต์ อดีตผู้สื่อข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ)

จากกรณีดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ต.ค. นายทอม ไรต์ได้มีการโพสต์เอกสารยืนยันข้อมูลของตนบนเว็บไซต์ https://whalehunting.projectbrazen.com/ ที่ยืนยันนางกนกพร สีตะวรารัตน์หรือนางกนกพร ธันยาวงษ์ ถือหุ้นในกองทุน CAI (ย่อมาจากบริษัท Capital Asia Investment ของประเทศสิงคโปร์) ร่วมกับนางแคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ที่ตอนนี้มีรายชื่ออยู่ในร่างกฎหมายคว่ำบาตรกลุ่มสแกมเมอร์ของสหรัฐอเมริกา
โดยเอกสารฉบับแรกระบุถึงการโอนเงิน 24 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (786,816,000 บาท) มีเนื้อหาว่า
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ผู้หญิงสองคนได้ลงนามในเอกสารที่เกือบจะเหมือนกัน ณ ประเทศสิงคโปร์ เพื่อตกลงขายหุ้นของตนในกองทุนรวมแบบบริษัทจำกัด (Variable Capital Company หรือ VCC) ที่ชื่อว่า Capital Asia Investments Optimum Fund
ผู้หญิงคนแรกคือ นางแคทรียาได้ขายหุ้นจำนวน 21,511.7922 หุ้น เป็นมูลค่า 21,145,495.86 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในรูปของสกุลเงินดิจิทัล Tether (USDT) ซึ่งเทียบเท่าประมาณ 21.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (693,381,600 บาท) โดยมีผู้รับโอนหุ้นคือบริษัท Beteverse หรือบีทเวิร์สจำกัด (ดูเอกสารประกอบ)

ส่วนผู้หญิงคนที่สองคือ นางกนกพร ได้ขายหุ้นจำนวน 2,987.33 หุ้น เป็นมูลค่า 2,936,462.64 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในรูปของสกุลเงินดิจิทัล Tether (USDT) ซึ่งเทียบเท่าประมาณ 2.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (96,384,960 บาท)
สำหรับเอกสารที่นายทอม ไรต์ได้เอามาลงในส่วนของนางกนกพรนั้น เอกสารฉบับแรกมีการระบุถึงรายละเอียดผู้โอนหุ้นคือนางกนกพร และระบุรายละเอียดผู้รับโอนหุ้นคือบริษัทบีทเวิร์ส ซึ่งมีที่ตั้งบริษัทอยู่ที่ประเทศเซเชลส์ (ดูเอกสารประกอบ)

ส่วนเอกสารอีกฉบับจะเป็นเอกสารรายละเอียดการโอนแสดงการขายหุ้นจํานวน 2,987.33 หุ้นในราคา 2,936,462.64 USDT (1USDT เป็นสกุลเงินดิจิทัลมีค่าใกล้เคียงกับ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ)ผ่าน กระเป๋าเงินไอดี THgk3XFgkEbcfDFsurgNyqFoG7Mite6NG (ดูภาพประกอบ)

ส่วนเอกสารอีกฉบับเป็นเอกสารที่ยืนยันเนื้อหาว่านางกนกพรได้มีการลงนามขายหุ้นในวันที่ 7 ม.ค.2568 ในวันเดียวกับ น.ส.แคทรียา โดยมีข้อสังเกตุว่าในเอกสารนี้นั้นมีการลงลายเซ็นของนางกนกพรและลงตราประทับของบริษัท Beteverse อย่างไรก็ตาม นายวรภัคชี้แจงสำนักข่าวอิศราในภายหลังว่าเอกสารนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการ* (อ่านข้อมูลส่วนนี้ด้านล่าง)

นายทอม ไรต์อ้างว่าการซื้อขายทั้งสองรายการซึ่งดำเนินการโดย น.ส.แคทรียา และนางกนกพรนั้นมีผู้ซื้อรายเดียวกัน คือบริษัท Beteverse Limited ซึ่งเป็นบริษัทเปลือกหอย (Shell Company) ที่จดทะเบียนในประเทศเซเชลส์ การชำระเงินทั้งสองรายการถูกโอนไปยังกระเป๋าสกุลเงินดิจิทัลเดียวกัน และธุรกรรมทั้งคู่เกิดขึ้นในวันเดียวกันอย่างแน่นอน (7 ม.ค. 2568) ยอดรวมทั้งหมดคือ 24,081,958.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (789,502,927บาท)
@การชี้แจงของนายวรภัค
สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอข่าวการชี้แจงของนายวรภัคเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้วในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายวรภัคได้ชี้แจงตอนหนึ่งว่า "ภรรยาไม่เคยไปถือหุ้นอะไรใน CAI ส่วนภรรยาของนายเบนจามิน จะถือหุ้นหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ ไม่มีการซื้อกองทุนร่วมกันเลย ขอให้เอาหลักฐานมายืนยันเลย เพราะภรรยาของผมไม่เคยมีบัญชีคริปโต ถ้ามีหลักฐาน ผมก็ขอท้าให้เปิดเผยมาเลย"

อย่างไรก็ตาม หลังจากการเปิดเผยข่าวพร้อมข้อมูลเอกสารของนายทอม ไรต์ ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้นำเอาข้อมูลนี้ไปติดต่อสอบถามข้อมูลกับนายวรภัคอีกด้าน โดยติดต่อผ่านทาง Messenger Facebook ส่วนตัว เพื่อให้นายวรภัคชี้แจง
นายวรภัคได้ชี้แจงเบื้องต้นยืนยันว่าข้อตกลงการขายหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) นั้นเป็นการโอนหุ้นให้กับนายช่วงชัย นะวงศ์ ประธานบริษัท ฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) แน่นอน ไม่ได้โอนให้กับรายอื่น
ในเวลาต่อมานายวรภัคได้มีการตรวจสอบข้อมูลเอกสารบนเว็บไซต์ที่นายทอม ไรต์เขียนไป แล้วได้ติดต่อมาทางสำนักข่าวอิศราอีกครั้งหนึ่งระบุว่าเงินที่ภรรยาได้ไปนั้นคาดว่าเป็นเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการขายหุ้นบริษัทฟินันเซียออกไป
"ตอนซื้อหุ้น Finansia มา ส่วนของผมใช้เงินประมาณ 400 ล้านบาท ซึ่งผมใช้เงินกู้ 300,000,000 จากกองทุน CAI ส่วนอีก 100 ล้านบาทใช้เงินส่วนตัว CAI เป็นคนจัดการโครงสร้างไฟแนนซ์ โดยส่วนของผมทำเป็นเงินกู้และมีหุ้นมาค้ำประกัน ตอนขายหุ้นออกไปก็ได้เงินกู้คืน เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านบาทเหมือนเดิม ส่วนในสัญญามีการชำระเงินเข้าบัญชีคริปโต
ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดเป็นบัญชีคริปโตของกองทุน CAI เพราะภรรยาผมมีหลักฐานว่าได้รับโอนเงินกลับมาเป็นเงินบาท 100 ล้านบาท ตอนลงทุนก็มีหลักฐานว่ามีเงินออกจากบัญชี 100 ล้านบาท ไม่เคยใช้เป็นคริปโต ตอนนี้ได้ขอให้กองทุน CAI ยืนยันข้อเท็จจริงของเอกสารนี้ ยังรอเขามายืนยันอยู่" นายวรภัคกล่าวผ่านช่องทางแชท Messenger
นายวรภัคกล่าวต่อไปว่าถึงเอกสารที่ปรากฎบนหน้าเว็บไซต์ของนายทอม ไรต์ว่าเคยมีเอกสารชุดหนึ่งที่เตรียมเซ็นไว้ลักษณะนี้แล้วแต่ข้อตกลงการโอนหุ้นไม่เกิด ส่วนตัวเลยไม่แน่ใจว่าเอกสารชุดที่ว่า คืออันที่เตรียมไว้แล้วไม่เกิดธุรกรรมหรือเป็นอันที่ทำแล้วเกิดธุรกรรมรอกองทุน CAI มายืนยัน
"แต่ขอยืนยันว่าเงินนี้ไม่ใช่เงินสินบนแน่นอนเพราะในช่วงเวลานั้นผมก็ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีไม่มีอำนาจใดๆ ช่วงตอนซื้อหุ้นฟินันเซีย ก็มีหลักฐานเงินออก 100 ล้านบาทแน่นอน ตอนขายก็มีเงินกลับมา เข้าบัญชี ร้อยล้านบาท" นายวรภัคกล่าว
*ต่อมาในช่วงเวลาประมาณ 18.28 น.นายวรภัคได้ชี้แจงเพิ่มเติมอีกระบุว่า "ผมเช็คล่าสุดแล้วครับเอกสารข้างบนนี้ไม่ได้ถูก executed (ดำเนินการ) ครับ และภรรยาผมก็ไม่เคยมี บัญชีคริปโต ใดๆเลยครับ และสังเกตให้ดีดีมันเป็นเอกสารขายเงินลงทุน ไม่เกี่ยวกับสินบนอะไรทั้งสิ้น"
พอถึงช่วงเวลา 19.30 น.นายวรภัคได้ยืนยันข้อมูลเพิ่มเติมย้ำว่าเอกสารที่เผยแพร่มาไม่เคยถูกดำเนินการแต่อย่างใด
"ที่ CAI แจ้งผมมา ไม่มีการโอนเงินใดใดทั้งสิ้น ภรรยาผมไม่เคยรับเงินเป็นคริปโตและไม่มีบัญชีคลิปโตด้วยเดี๋ยวภายในวันสองวัน เขา(CAI) พยายามจะรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ผมครับ" นายวรภัคกล่าวทิ้งท้าย

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา