
"...สิ่งแรกต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมประชุมวันนี้อย่างพร้อมเพรียง และมอบความไว้วางใจให้กับตนอีกครั้ง ตอนเดินเข้ามาสื่อมวลชนถามว่ารู้สึกอย่างไรที่กลับมาบ้าน ตอบสั้น ๆ ว่าใจไม่เคยไปไหน ตั้งแต่ที่มีเพื่อนสมาชิกหลายคนมาคุยกับตนให้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค สิ่งที่หนักใจที่สุดคือเวลาที่จำกัด จะเติมกำลังให้กับพรรคเราได้อย่างไร..."
ไม่พลิกโผ พลันที่ประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โหวตสนับสนุน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ อดีตนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 และหัวหน้าพรรค ปชป.คนที่ 8 กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคอีกหนหนึ่งในรอบกว่า 6 ปี นับตั้งแต่ ‘ค่ายพระแม่ธรณี’ พ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งปี 2562

- ‘อภิสิทธิ์’ คัมแบ็ก ‘หัวหน้าปชป.’ กู้วิกฤต ‘พรรคต่ำร้อย’ - “กรีดเลือดเป็นสีฟ้า”(อีกครั้ง)
- 'อภิสิทธิ์' คัมแบ็ก นั่งหัวหน้า ปชป.อีกครั้ง หลังที่ได้คะแนนโหวตท่วมท้น 96.18%
ท่ามกลาง ‘เลือดเก่า-รุ่นเก๋า’ หลายคน ที่ซ่านเซ็นไปหลัง ปชป.ไปล่มหัวจมท้ายกับ ‘รัฐบาลลุงตู่’ มาวันนี้คนเหล่านั้นคัมแบ็กกลับเข้าพรรค เช่น ‘กรณ์ จาติกวณิช’ อดีตรองหัวหน้าพรรคฯ อดีตขุนคลังรัฐบาล ปชป. ที่ออกจากพรรคไปทำพรรคกล้า แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ‘สกลธี ภัททิยกุล’ อดีตรองผู้ว่าฯ กทม. 1 ในก๊วน 3 ทหารเสือ กปปส. ‘นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ’ อดีตรองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย ก็กลับมาเข้าพรรคเช่นกัน นี่ยังไม่นับอีกหลายคนซึ่งต้องซ่อนเร้นบทบาท หรือหมดอำนาจนำภายในพรรคไป เช่น สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นต้น
ขณะที่ ‘ลูกหลาน-องคาพยพ’ ของอดีตแกนนำ ‘ค่ายสีฟ้า’ เดิม ต่างพาเหรดกลับพรรคเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น ‘พงศกร ขวัญเมือง’ อดีตโฆษก กทม.ลูกชาย ‘พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง’ อดีตผู้ว่าฯ กทม. ‘ม.ล.อภิมงคล โสณกุล’ ลูกชาย ‘หม่อมเต่า’ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ที่เคยไปนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคหัวหน้าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ของก๊วน กปปส. ‘รัดเกล้า สุวรรณคีรี’ อดีตรองโฆษกรัฐบาล บุตรสาว ‘ไตรรงค์ สุวรรณคีรี’ อดีตแกนนำ ปชป. นักการเมืองลายคราม ที่ไขก๊อกค่ายสีฟ้า ไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เป็นต้น

การกลับมาของ ‘เดอะ มาร์ค’ หนนี้ ถูกตั้งความหวังว่าเป็น ‘โอกาสใหม่’ ที่จะฟื้นฟูวิกฤติศรัทธาของพรรคต่อสาธารณชน หลังสูญเสียความเชื่อมั่นไปอย่างมาก นับตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 ที่ สส.ต่ำร้อย และ ‘สูญพันธุ์’ ใน กทม.หลังเลือกตั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา
ที่ผ่านมา ‘อภิสิทธิ์’ เคยถูก ‘ผู้เฒ่า’ ภายในพรรค พยายามทาบทามให้กลับมานั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคหลายครั้ง เอาแค่ครั้งล่าสุดคือช่วงที่ ปชป.ต้องลงมติว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลกับ ‘เพื่อไทย’ ซึ่งถือเป็นศัตรูคู่แค้นเบอร์ 1 ทางการเมือง มีกระแสข่าวว่า เกิดแรงผลักดันจาก ‘คลื่นใต้น้ำ’ ใน ปชป.หวังดัน ‘เดอะ มาร์ค’ ให้กลับมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าว ‘เสี่ยต่อ’ เฉลิมชัย ศรีอ่อน ยังเป็นหัวหน้าพรรค และยังเรืองบารมีภายในพรรคอยู่
แต่ ณ เวลานี้น่าจะเป็นจังหวะเหมาะเจาะสุดที่ ‘อภิสิทธิ์’ จะได้กลับมารั้งบังเหียนหัวหน้าพรรค ปชป.พา ‘ค่ายสีฟ้า’ โจนทะยานสู้ศึกเลือกตั้งครั้งถัดไป ถ้าหากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมืองใด ๆ จะมีแน่นอนภายในวันที่ 29 มี.ค. 2569 ตามไทม์ไลน์ที่ ‘บวรศักดิ์ อุวรรณโณ’ รองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ประกาศผ่านสภาฯ
สำหรับผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค และ กก.บห.ปชป.เมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา มีผลดังนี้ หัวหน้าพรรค: อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เลขาธิการพรรค: ชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ คนสนิทที่ ‘เดอะ มาร์ค’ ไว้วางใจมากที่สุด ส่วนรองหัวหน้าพรรคตามภารกิจ จำนวน 8 คน ประกอบด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช (ด้านนโยบาบย) นางการดี เลียวไพโรจน์ (ด้านเศรษฐกิจดิจิทัล) นายจุรี นุ่มแก้ว (ด้านสื่อสารองค์กร) นายวีระพงษ์ ประภา (ด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย (ด้านยุทธศาสตร์การเมือง) นายอิสรา สุนทรวัฒน์ (ด้านการต่างประเทศ) นายอัมพร พินะสา (ด้านการศึกษา) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี (ด้านสตรี เยาวชน และความยั่งยืน)
การกลับมาของ ‘อภิสิทธิ์’ ในครั้งนี้ ถูก ‘ฝ่ายอนุรักษนิยม’ จับจ้องขึ้นมาทันที เพราะในขั้วกลุ่มอนุรักษ์ปัจจุบันเหลือพรรคที่พอฟัดพอเหวี่ยงอยู่ 3 พรรค ได้แก่ พรรค ปชป. พรรค รทสช. และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ไม่นับ ‘ภูมิใจไทย’ ที่เป็น ‘อนุรักษนิยมเฉพาะกิจ’ และกำลัง ‘ถือธงนำ’ ฝ่ายอนุรักษนิยมอยู่ในตอนนี้
โจทย์สำคัญของ ‘อภิสิทธิ์’ แรกสุดคือการฟื้นวิกฤติศรัทธาของพรรคให้แฟนคลับประชาชนกลับมาเชื่อมั่นอีกครั้ง เพราะในการเลือกตั้ง 2 ครั้งหลัดสุด (ปี 2562/2566) พรรค ปชป.ได้คะแนนเสียงต่ำร้อย ได้แก่ ปี 2562 ได้ไปเพียง 53 ที่นั่ง แถมสูญพันธุ์ สส.ใน กทม.ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพรรค โดย ปชป.เคยได้ สส.กทม.น้อยที่สุดเพียงแค่ 1 คน ในการเลือกตั้งปี 2535 ซึ่ง สส.คนดังกล่าวในครั้งนั้นคือตัวของ ‘อภิสิทธิ์’ เอง
ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2566 ปชป.ที่กำลังบอบช้ำ และถูกนำโดย ‘จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์’ กำลังอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก จากสารพัดปัญหา ทั้งเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจที่ยักแย่ยักยันเมื่อครั้งร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พ่วงด้วยปัญหาภายในที่ ‘กลุ่มเสี่ยต่อ’ เริ่มอยากเข้ามาสู่ ‘ฉากหน้า’ จากเดิมที่คอนโทรล ‘หลังม่าน’ ทำให้ผลการเลือกตั้งครั้งนั้น ปชป.ได้ สส.เพียงแค่ 25 ที่นั่ง น้อยกว่าเดิมถึงครึ่งหนึ่ง
โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านหัวหน้าพรรคจาก อภิสิทธิ์ ไปสู่คนอื่น 2 ครั้งนั้น ถูกมองว่า พรรคเดินเกมหวังผลทางการเมืองมากเกินไป จนกระทบ ‘จุดยืน’ และถึงจุดขาดสะบั้นเมื่อครั้งตัดสินใจร่วมวงไพบูลย์กับ ‘รัฐบาลสีแดง’ เมื่อช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับแรงหนุนจาก สส.กลุ่มเสี่ยต่อ เช่น เฉลิมชัย ศรีอ่อน เดชอิศม์ ขาวทอง อดีตเลขาธิการพรรค แกนนำ สส.สงขลา เป็นต้น
ปฏิเสธไม่ได้ว่า สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ ปชป.ล่มสลายดังกล่าว เกิดขึ้นจากอิทธิพลสำคัญของ ‘เครือข่ายสีเขียว’ ที่พยายามล้างภาพลักษณ์ ปชป.เพื่อไปสร้างพรรคอนุรักษนิยมใหม่ ไว้รับมือการต่อสู้กับ ‘เครือข่ายสีแดง’ ตั้งแต่ปี 2562 ขณะที่ ปชป.แทนที่จะแสดงจุดยืนให้ชัดเจน กลับยอมเล่นตามน้ำ ส่งผลให้พรรคตกต่ำในปัจจุบัน แม้แต่ตำนาน ‘ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ’ ในพื้นที่ภาคใต้ซึ่งเป็นฐานเสียงหลัก ก็ถูก ‘ก๊กน้ำเงิน’ ปักเสาเข็มจนเสียกระบวนท่าไปหลายครั้ง รวมถึงโดน รทสช.พรรคอนุรักษนิยมใหม่ ซึ่ง สส.ส่วนใหญ่มาจาก ปชป.แย่งชิงเก้าอี้ไปจำนวนมาก

@ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่การกลับมาของ ‘อภิสิทธิ์’ ครั้งนี้ อาจเรียกรวมพลองคาพยพค่ายสีฟ้า ‘ยุครุ่งเรือง’ เมื่อครั้งเขานั่งเก้าอี้นายกฯคนที่ 27 ระหว่างปี 2551-2554 กลับมาได้อีกครั้ง ดังนั้นนอกเหนือจากฟื้นความเชื่อมั่นในพรรคแล้ว การคัดเลือก กก.บห. รวมถึงแกนนำที่เข้ามามีบทบาทในพรรค จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง เพื่อให้ประชาชนมองเห็นว่า ปชป.ใน ‘รูปแบบเดิม’ กลับมาแล้ว และพร้อมจะช่วยโหวตหนุนพรรคให้กลับมา ‘ชิงธงนำ’ ของฝ่ายอนุรักษนิยมอีกครั้ง
โดยมีเสียงเล่าอ้างว่า ในวันที่ ‘อภิสิทธิ์’ เตรียมคัมแบ็กกลับมานั้น ได้ไปหารือทางลับกับ ‘เสี่ยต่อ’ ที่ต้องการวางมือหน้าฉาก เพื่อขอแรงสนับสนุนให้ขึ้นสู่ตำแหน่งแบบ ‘ไร้คู่แข่ง’ ให้สมฐานะ ‘อดีตหัวหน้าพรรค-อดีตนายกฯ’ นอกจากนี้ยังขอจัดเก้าอี้ภายในพรรคเอง ซึ่ง ‘เสี่ยต่อ’ ที่เสียรังวัดทางการเมืองไปพอสมควร ‘เซย์เยส’ พร้อมขอไปเป็นที่ปรึกษาหลังม่านเช่นเดิม
ขณะเดียวกันในช่วงฝุ่นควันตลบในการแย่งชิงอำนาจในพรรค ปชป. ‘อภิสิทธิ์’ ได้ติดต่อพรรคพวกเพื่อนฝูง ‘อดีตดรีมทีม’ เพื่อเดินสายพบปะหลายแวดวง หวังขอแรงสนับสนุนพรรคอีกครั้ง ซึ่งในช่วงเวลานั้นเห็นได้ว่า ‘กรณ์’ อดีตขุนคลังคนสำคัญ เดินสายพบบุคคลแวดวงธุรกิจ ขณะที่ ‘อภิสิทธิ์’ ปรากฏภาพไปดินเนอร์กับ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ นายกฯคนปัจจุบัน
ดังนั้นโจทย์ต่อมาของ ปชป.นอกเหนือจากฟื้นฟูเรตติ้งแล้ว ยังต้องการกลับมาถือธงนำฝ่ายอนุรักษ์ แม้ขณะนี้สรรพกำลังจะยังมีไม่มาก แต่อย่างน้อยขอให้กลับมายืน ‘เบอร์ 2’ รองจาก ‘ภูมิใจไทย’ เพื่อแต่งตัวเข้าร่วมรัฐบาล สร้างผลงานกันใหม่อีกครั้ง ซึ่งโจทย์นี้ ‘อภิสิทธิ์’ กล่าวในการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคเมื่อ 18 ต.ค.ที่ผ่านมาตอนหนึ่ง
อภิสิทธิ์ ระบุว่า สิ่งแรกต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาร่วมประชุมวันนี้อย่างพร้อมเพรียง และมอบความไว้วางใจให้กับตนอีกครั้ง ตอนเดินเข้ามาสื่อมวลชนถามว่ารู้สึกอย่างไรที่กลับมาบ้าน ตอบสั้น ๆ ว่าใจไม่เคยไปไหน ตั้งแต่ที่มีเพื่อนสมาชิกหลายคนมาคุยกับตนให้กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค สิ่งที่หนักใจที่สุดคือเวลาที่จำกัด จะเติมกำลังให้กับพรรคเราได้อย่างไร
“ฉะนั้น จะใช้เวลาเกือบทั้งหมดที่ผ่านมา เชิญชวนคนใหม่ ๆ เพื่อเข้ามาอยู่กับพรรค ต้องการให้ศิษย์ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นเก่า ผสมผสานกันขับเคลื่อนพรรค ตั้งแต่ทำงานมา เพื่อร่วมงานผมอายุมากกว่าตลอด เลยขอว่าครั้งนี้ขอให้มีหลาย ๆ คนอายุน้อยกว่าบ้าง จะได้เป็นคนที่มีผมสีขาวอยู่คนเดียว ดังนั้น ต้องเสนอชื่ออีกหลายคนที่ไม่ได้เป็นองค์ประชุม บางคนต้องยกเว้นคุณสมบัติ จึงขอประธานที่ประชุมว่า เมื่อเอ่ยชื่อ จะให้ท่านนั้นมาแสดงตัวตามข้อบังคับพรรค เพราะผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องอยู่ในที่ประชุม” อภิสิทธิ์ กล่าว

เห็นได้ว่า ‘อภิสิทธิ์’ เตรียมเดินเกม ปั้น ‘คนรุ่นใหม่’ เพื่อช่วยฟื้นฟูพรรคอีกครั้ง ซึ่งแนวคิดนี้ เคยเกิดขึ้นแล้วช่วงปี 2561 นั่นคือ ‘NEW DEM’ ประกอบด้วยบรรดา ‘ลูกท่านหลานเธอ’ ภายในพรรคขณะนั้น นำโดยดาวโรจน์อย่าง ‘ไอติม’ พริษฐ์ วัชรสินธุ หลานชาย ‘อภิสิทธิ์’ ที่ปัจจุบันไปเป็นแกนนำพรรคประชาชน (ปชน.) และก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนได้รับการคาดหมายว่า อนาคตมีสิทธิถือธงนำพรรคส้มด้วยซ้ำ
ยังมี ‘ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ’ บุตรชาย ‘สุรินทร์ พิศสุวรรณ’ อดีตแกนนำ ปชป. ก็เคยไปล่มหัวจมท้ายกับ ‘ก้าวไกล’ มาแล้ว โดยเป็นอดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศของพรรค หรือแม้แต่ ‘ปลื้ม’ สุรบถ หลีกภัย ลูกชาย ‘ชวน หลีกภัย’ ยังถูกดันมาช่วยงานประธานรัฐสภา และเคยเป็น สส.บัญชีรายชื่อ มาแล้วด้วย
ดังนั้นการปั้น ‘ดาวโรจน์’ หรือ ‘NEW DEM2’ น่าจับตาว่าจะสามารถช่วงชิงฐานเสียง ‘คนรุ่นใหม่’ ซึ่งถือเป็นฐานเสียงหลักของ ‘ก๊กส้ม’ มาได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งมีหลายคนได้รับการคาดหมายว่าจะถูกผลักดัน เช่น พงศกร ขวัญเมือง ลูกชายอดีตผู้ว่าฯ กทม. รัดเกล้า สุวรรณคีรี ลูกสาว ‘ไตรรงค์’ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล ลูกชาย ‘หม่อมเต่า’ เป็นต้น และอาจพ่วงด้วย สส.กลางเก่ากลางใหม่ เช่น สกลธี ภัทธิยกุล อดีตแกนนำ กปปส.
แต่หมากฟื้นฟูพรรคครั้งนี้ของ ‘อภิสิทธิ์’ จะประสบผลสำเร็จหรือไม่ ผลการเลือกตั้งครั้งถัดไปเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์!

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา