"...โจทก์ใหญ่ของ ‘เพื่อไทย’ ณ เวลานี้ หนีไม่พ้นต้อง ‘รีแบรนด์’ ลบภาพ ‘ชินวัตร’ ออกไปจากสมการการเมืองเสียก่อน เพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ความสัมพันธ์อันขื่นขมในอดีตระหว่าง ‘ตระกูลชินวัตร-ตระกูลฮุน’ ที่นำ ‘ก๊กแดง’ และ ‘ประเทศไทย’ มาถึงจุดนี้..."
เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงขาลงอย่างหนัก สำหรับ ‘ก๊กแดง’ ที่นำโดย ‘ตระกูลชินวัตร’ เพลี่ยงพล้ำเสียรังวัดทางการเมือง ทั้งจากกรณี ‘คลิปเสียงฉาว’ ระหว่าง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ อดีตนายกฯ กับ ‘ฮุน เซน’ ประธานวุฒิสภากัมพูชา จนหล่นจากเก้าอี้ และพ้นสถานะรัฐบาล
อีกทางหนึ่ง ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ผู้เป็นบิดา อดีตนายกฯผู้มากบารมี ต้องถูกคำสั่งศาลฎีกา บังคับโทษให้กลับเข้าไปจำคุก 1 ปีในเรือนจำ ที่คราวนี้น่าจะได้อยู่จริง ๆ อาจไม่ได้ถูกส่งตัวไปไหน
ความเคลื่อนไหวของ ‘พรรคเพื่อไทย’ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา คือการแต่งตั้ง ‘เดอะ ซัน’ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ผู้มากบารมีในค่ายแดง ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งใหม่ ปูทางสู้ศึกเลือกตั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงปี 2569 โดยเป็นความพยายามจาก ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ หวังหยุด ‘เลือดไหลออก’ ที่เกิดขึ้นหลัง ‘เพื่อไทย’ พ้นรัฐบาล และ ‘ก๊กน้ำเงิน’ ศัตรูคู่อาฆาตทางการเมือง ผงาดขึ้นเป็นรัฐบาลแทน จากดีล MOA กับ ‘ก๊กส้ม’ ในช่วงเวลานี้

สภาวะเลือดไหลออกของเพื่อไทย สร้างแรงสะเทือนไปถึงฐานอำนาจของ ‘ชินวัตร’ อย่างมาก มิใช่แค่กรณีของ ‘ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์’ อดีต สส.กาญจนบุรี ที่หอบหิ้ว สส.ราว 10 คนไปสวามิภักดิ์ ‘บ้านใหญ่อีสานใต้’ จนถูกปูนบำเหน็จนั่ง มท.3 อยู่ในตอนนี้ แต่ยังมี สส.แดงอีสานใต้ อีกหลายคน อาจถูก ‘ภูมิใจดูด’ ไปซบ ‘ก๊กน้ำเงิน’ เพิ่มเติมอีก
ยกตัวอย่างล่าสุด มีมือดีเห็นภาพ ‘เกรียง กัลป์ตินันท์’ สส.บ้านใหญ่อุบลราชธานี โผล่ที่ รร.พูลแมน ฐานที่มั่นของ ‘ก๊กน้ำเงิน’ เมื่อไม่กี่วันก่อน จนทำให้คาดกันว่า ‘เกรียง’ ซึ่งครั้งหนึ่ง เคยนั่งคุกเข่าอยู่ข้าง ‘ทักษิณ’ เมื่อครั้งเจ้าตัวยังไม่ได้กลับไทย และเคยพูดอวย ‘คุณหญิง’ ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย อาจ ‘พลิกขั้ว’ หอบหิ้ว สส.ในสังกัดหลายคน ไปร่วมกับ ‘บ้านใหญ่อีสานใต้’ ส่งผลเสียอย่างหนักต่อขุมกำลัง สส.อีสาน ซึ่งเป็นฐานเสียงใหญ่ของ ‘ก๊กแดง’
ดังนั้นการหยุดสภาวะเลือดไหลชั่วคราว จึงจำเป็นต้องชู ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ขึ้นมาคุมเสียง สส.ในพรรค โดยในอดีตที่ผ่านมา ‘เดอะ ซัน’ ค่อนข้างมากบารมีเป็นที่ประจักษ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะ สส.อีสาน หลายสิบคน ทั้งบ้านใหญ่-นกแล ต่างห้อมล้อมรอบตัวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะสมัยอยู่ไทยรักไทย ย้ายไปพลังประชารัฐ และกลับมารังเก่าอย่างเพื่อไทยในการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา

@ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ
แต่ต้องไม่ลืมว่า ‘สุริยะ’ สนิทสนมอย่างมากกับ ‘สมศักดิ์ เทพสุทิน’ แม่ทัพภาคเหนือตอนล่างของเพื่อไทย ผู้เคยหล่นวาทะว่า “ไม่ถนัดเป็นฝ่ายค้าน” แม้ตอนนี้ทั้ง ‘สุริยะ-สมศักดิ์’ จะยืนกรานว่ายังอยู่กับเพื่อไทยก็ตาม แต่ยามที่ ‘ลมเปลี่ยนทิศ-ฟ้าเปลี่ยนสี’ ก็มีโอกาสที่จะโยกย้าย ‘รังใหม่’ อยู่เหมือนกัน
นี่มิพักต้องพูดถึง ‘ครูใหญ่บุรีรัมย์’ ที่ไม่ใช่แค่ครูใหญ่ของ ‘ก๊กน้ำเงิน’ เท่านั้น แต่ในอดีตคือ ‘ครูการเมือง’ ของ ‘เดอะ ซัน’ เมื่อครั้งเขาเพิ่งเข้ามาหัดเดินบนถนนการเมืองมาก่อน แน่นอนว่าสายสัมพันธ์เก่าระหว่าง 2 คนนี้ ก็ยังไม่อาจเมินเฉยได้
อย่างไรก็ดีโจทก์ใหญ่ของ ‘เพื่อไทย’ ณ เวลานี้ หนีไม่พ้นต้อง ‘รีแบรนด์’ ลบภาพ ‘ชินวัตร’ ออกไปจากสมการการเมืองเสียก่อน เพื่อแก้ไขภาพลักษณ์ความสัมพันธ์อันขื่นขมในอดีตระหว่าง ‘ตระกูลชินวัตร-ตระกูลฮุน’ ที่นำ ‘ก๊กแดง’ และ ‘ประเทศไทย’ มาถึงจุดนี้

@ วราวุธ ศิลปอาชา
เบื้องต้น จึงมีการโยนหินถามทางชื่อของ ‘ลูกท็อป’ วราวุธ ศิลปอาชา อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ ‘มังกรเติ้ง’ บรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกฯ ผู้มากบารมีในพื้นที่สุพรรณบุรี อาจเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย ก็เป็นไปได้
เมื่อไล่เรียงต้นสายปลายเหตุของเรื่อง ในข้อเท็จจริงเป็นเพียงการเสนอของ ‘นักวิชาการ’ บางคนบนโต๊ะสนทนาบางวงเท่านั้น แต่ถูกบางสื่อนำมาขยายใหญ่โต จนมีหลายสื่อเอาไปขยายผลจนเจ้าตัวที่ปัจจุบันอยู่ต่างประเทศ ต้องชี้แจงข้ามโลกว่า ยังไม่ได้ย้ายไปไหน รวมถึง 10 สส.ของพรรคชาติไทยพัฒนา ก็ยังอยู่ที่เดิมเช่นกัน
“ยืนยันว่าวันนี้เรายังไม่ได้ตกลงกับใคร เราทุกคนยังเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา หากจะมีอะไรเกิดขึ้นขอยืนยันว่า 10 เสียงสส.และกรรมการบริหารพรรค รวมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน”
"ไม่แปลกใจที่มีข่าวเช่นนี้ออกมา ท่ามกลางการแข่งขันที่เข้มข้นของการเมืองไทย วันนี้พรรคการเมืองใหญ่ๆหลายพรรคต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับจำนวนสส.ของพรรคนั้นๆ พรรคเล็กจึงเลี่ยงไม่ได้ที่มีคนนั้นคนนี้มาพูดคุยกับสส.ของพรรคบ้าง เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดขึ้นในการแข่งขันทางการเมือง เช่นขณะนี้มีการแข่งขันกันสูงระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย จึงเป็นที่มาของข่าวลือนี้ ซึ่งไม่ทราบว่าออกมาจากใครแต่ต้องขอบคุณที่ให้เกียรติ ยืนยันพรรคชาติไทยพัฒนายังอยู่กัน 10 คน ไม่ได้มีใครไปไหน" วราวุธ ระบุ
ประเด็นที่น่าสนใจ ในสมการนี้ หากชู ‘วราวุธ’ เป็นแคนดิเดตนายกฯของเพื่อไทยจริง อาจเกิด ‘ดาบ 2 คม’ ขึ้นกับเขาก็เป็นไปได้ 1.แน่นอนว่า ‘วราวุธ’ อยากตามรอยผู้เป็นบิดา ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯสักครั้งในชีวิต แต่การที่จะเป็นแคนดิเดตนายกฯนั้น จำเป็นต้องมีเสียง สส.สนับสนุน ขั้นต่ำ 25 คนตามรัฐธรรมนูญปี 2560 แน่นอนว่าเป็นไปได้ยากที่พรรคชาติไทยพัฒนา จะได้ สส.เกิน 25 ที่นั่งในสมการการเมือง 3 ก๊กแบบนี้ นั่นจะทำให้ ‘วราวุธ’ อาจต้องลาออกจากพรรค มาสังกัดพรรคเพื่อไทย
2.ถ้า ‘วราวุธ’ ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย แล้วเพลี่ยงพล้ำ ถูกเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองบิดพลิ้ว มิได้ถูกเสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯอย่างที่คาด หรืออาจถูกเสนอจริง แต่คะแนนเสียงไม่ถึงอดนั่งเก้าอี้นายกฯ การจะหันหลังกลับมารังเก่าอย่างพรรคชาติไทยพัฒนา อาจทำให้ ‘คนสุพรรณฯ’ หมดความไว้วางใจ และเชื่อถืออีกต่อไป ส่งผลเสียอย่างหนักต่อตระกูล ‘ศิลปอาชา’ ที่ก่อร่างสร้างไว้หลายสิบปี
แม้ข้อดีของ ‘วราวุธ’ คือไม่ใช่ ‘คนเพื่อไทย’ และมิใช่ดีเอ็นเอ ‘ชินวัตร’ ซึ่งจะช่วยรีแบรนด์พรรค ลบภาพลักษณ์ ‘ฮุน-ชินวัตร’ ลงได้ก็ตาม แต่การใช้ ‘คนนอก’ ย่อมคอนโทรลยากตามสไตล์ ‘สทร.’ ซึ่งเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว เมื่อครั้งเคาะเลือก ‘สมัคร สุนทรเวช’ เป็นนอมินีนั่งเก้าอี้นายกฯ ในช่วงพรรคพลังประชาชนปี 2551 จนเกิด ‘แก๊ง 4 คน’ ขึ้นมาแย่งชิงอำนาจนำกับภายใน จนสุดท้ายต้องเสียอำนาจในมือไปให้กับรัฐบาลประชาธิปัตย์
แต่ยังมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างกันอยู่ว่า ทางพรรคเพื่อไทยวาง ‘ผู้นำรุ่น 5’ เอาไว้แล้ว ต่อจาก ‘ทักษิณ-สมชาย-ยิ่งลักษณ์-แพทองธาร’ โดยหวยอาจมาออกที่ ‘ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์’ หลานของ ‘ทักษิณ’ บุตรชายคนโตของ ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์-เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์’ น้องสาว ‘ทักษิณ’
หากสังเกตในช่วง ‘ทักษิณ’ กลับไทย จนกระทั่งเข้าเรือนจำ ถูกส่งไปพักรักษาตัว รพ.ตำรวจ ก่อนจะพ้นโทษออกมา แต่ยังต้องเผชิญสารพัดคดี เช่น คดีตามมาตรา 112 และคดีชั้น 14 ซึ่งต้องไปขึ้นโรงขึ้นศาล ปรากฏภาพ ‘สมชาย’ ผู้เป็นบิดา เดินประกบเคียงข้าง ‘ทักษิณ’ แทบทุกครั้งจนเหมือนเงาตามตัว
ต่อมาในช่วงปรับ ครม.แพทองธาร 1/2 มีการโยนชื่อ ‘ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์’ มานั่งเก้าอี้ รมว.ศึกษาธิการ อย่างไรก็ดีพอโปรดเกล้าฯแล้ว ไม่ปรากฏชื่อเจ้าตัวเป็นรัฐมนตรี โดยว่ากันว่ามีการตัดสินใจเปลี่ยนตัวในนาทีสุดท้าย เนื่องจากสถานการณ์การเมืองยังไม่ชัดเจน จึงเก็บไว้เป็น ‘ไพ่ตาย’ ในการเลือกตั้งครั้งถัดไปเหมาะสมกว่า

@ ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์
บทบาทของ ยศชนัน ที่ผ่านมา คลุกคลีอยู่ในแวดวงวิชาการ เขาจบปริญญาโทด้านวิศวกรรมไฟฟ้า จบปริญญาเอกด้านคลื่นสมอง ทำดุษฎีนิพนธ์เรื่องการใช้สัญญาณสมองมาช่วยเหลือผู้พิการ เคยเป็นอาจารย์ที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชา Biomedical Engineer มหาวิทยาลัยมหิดล
อนึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2561 ว่ากันว่า ‘ยศชนัน’ เคยถูกวางตัวให้มานำทัพพรรคเพื่อไทยมาแล้ว แต่ด้วยกติการัฐธรรมนูญ และกลไกทางการเมืองขณะนั้นไม่เอื้ออำนวย ทำให้ ‘นายใหญ่’ ตัดสินใจใช้แผน ‘แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย’ แทน แต่สุดท้ายก็ไม่ประสบความสำเร็จ และแผนดัน ‘ยศชนัน’ ก็ถูกพับไป ต่อมาในการเลือกตั้งปี 2566 ก็มาดัน ‘แพทองธาร’ ลูกสาวแท้ ๆ แทน เพราะมีอายุเกิน 35 ปี สามารถนั่งเก้าอี้นายกฯได้แล้ว
แต่ในเมื่อขณะนี้ ‘ก๊กแดง’ กำลังเพลี่ยงพล้ำเสียงรังวัดทางการเมือง นั่นอาจทำให้ชื่อของ ‘ยศชนัน’ ถูกโยนขึ้นมาบนโต๊ะ เพื่อกอบกู้วิกฤติศรัทธา ‘ชินวัตร’ อีกครั้ง
ส่วนกรณีของลูกเขยอย่าง ‘ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์’ สามี ‘เอม’ พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวคนกลางของ ‘ทักษิณ’ นั้น คาดว่าคงไม่ถูกส่งลงการเมือง เพราะตระกูลชินวัตรวางตัวไว้ให้บริหารดูแลธุรกิจในครอบครัวมากกว่า ซึ่ง ‘ณัฐพงศ์’ เองก็ไม่ได้ชอบเล่นการเมืองเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว
ดังนั้นยุทธศาสตร์ใหม่ของ ‘ก๊กแดง’ ในการสลัดภาพลักษณ์ ‘ฮุน-ชินวัตร’ เพื่อกอบกู้วิกฤติศรัทธาจากประชาชน ปูทางสู้ศึกเลือกตั้งครั้งใหม่ จะสำเร็จเห็นผลเป็นรูปธรรมแค่ไหน คงต้องวัดใจคนชื่อ ‘สุริยะ’ และลุ้นชื่อว่าที่แคนดิเดตนายกฯคนใหม่ กันอีกสักตั้ง

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา