
ก่อนฟังผลคดีจริยธรรม ‘แพทองธาร ชินวัตร’ กรณีคลิปเสียงเจรจาฮุน เซน : ย้อนฟังคำพูด ‘ประเสริฐ นาสกุล’ ปธ.ศาลรัฐธรรมนูญคดีทักษิณซุกหุ้น 3 ส.ค.2544 วรรคทอง “ถ้าคำวินิจฉัยชี้ขาดนี้ไม่ถูกใจท่านและทำให้ท่านผิดหวังเราก็เสียใจ แต่ขอย้ำและยืนยันว่าเราไม่ได้มีเจตนาจะขัดใจท่าน” เตือนสติกองเชียร์
29 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีกำหนดนัดแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ ลงมติ ในคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งความเห็น สมาชิกวุฒิสภา (สว.) 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรี ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5) หรือไม่ เนื่องจากไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับ สมเด็จฯฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ผู้กุมอำนาจตัวจริงของรัฐบาลกัมพูชา และออกนั่งบัลลังค์อ่านคำวินิจฉัย ในเวลา 15.00 น.
เป็นช่วงเวลาหยุดประเทศไทย เพราะจะรู้ผลคดีว่า ‘แพทองธาร’ จะ ‘ร่วง’ หรือจะ‘รอด’ เพราะมีผลต่อทิศทางการเมือง การบริหารราชการแผ่นดินของประเทศต่อไปด้วย
หลายคนออกมาให้ความเห็นคาดการณ์คำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่าง ๆ นา ๆ
ผลที่ออกมา มีทั้ง ‘ถูกใจ’ และ ‘ไม่ถูกใจ’
หากเทียบคดีเก่าเมื่อ 24 ปีที่แล้วเดือนเดียวกัน ‘คดีซุกหุ้นภาคแรก’ที่นายทักษิณ ชินวัตร ถูกร้องเอาหุ้นไปซุกไว้กับคนรับใช้ใกล้ชิดนับหมื่นล้านบาท คำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญในวันนั้นก็มีทั้ง ‘ถูกใจ’ และ ‘ไม่ถูกใจ’ คนจำนวนมากเช่นกัน

มาย้อนเหตุการณ์กันหน่อย
3 ส.ค. 2544 ศาลรัฐธรรมนูญประชุมนัดสุดท้ายหลังจากรับคำร้องจาก คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (คณะกรรมการ ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 16 ม.ค.2544 มีรายงานว่า บรรยากาศที่หน้าศาลรัฐธรรมนูญมีความเคลื่อนไหวตั้งแต่ยังไม่ถึงตีหนึ่ง เมื่อมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สน.พระราชวัง นับร้อยนายเดินทางมาเตรียมความพร้อมรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที และเรียกกำลังมาสมทบในช่วง 8 โมงเช้า เวลา 9 โมงเช้ากลุ่มประชาชน เริ่มทยอยเดินทางมาฟังคำตัดสินมากขึ้นท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทั้งในและต่างประเทศนับร้อยชีวิต พร้อมๆกับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ทะยอยเดินทางมาประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง
เที่ยงเศษ นายนพดล เฮงเจริญ เลขาธิการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเวลา 16.30 น.จะมีการแถลงผลการพิจารณาคดี 2 คดีคือคดีของนายประยุทธ มหากิจศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย ที่ถูกกล่าวหาว่าจงใจปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน กับ คดี พ.ต.ท.ทักษิณ
กระทั่ง 16.30 น. นายประเสริฐ นาสกุล ประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาแถลงว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติด้วยเสียง 8 ต่อ 7 เสียงว่า พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีความผิด
ตุลาการเสียงข้างมากที่มีความเห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิด ประกอบด้วย นายกระมล ทองธรรมชาติ นายจุมพล ณ สงขลา พล.ท.จุล อติเรก นายปรีชา เฉลิมวณิชย์ นายผัน จันทรปาน นายศักดิ์ เตชาชาญ นายสุจินดา ยงสุนทร นายอนันต์ เกตุวงศ์
ตุลาการเสียงข้างน้อย ประกอบด้วย นายประเสริฐ นาสกุล นายมงคล สระฏัน นายสุจิต บุญบงการ นายสุวิทย์ ธีรพงษ์ นายอมร รักษาสัตย์ นายอิสระ นิติฑัณฑ์ประภาส และ นายอุระ หวังอ้อมกลาง
นายประเสริฐประธานศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยส่วนตัวว่านายทักษิณมีความผิด และเป็นผู้อ่านคำวินิจฉัยเป็นคนสุดท้าย

ก่อนแถลงคำตัดสิน นายประเสริฐได้ยกคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาเตือนสติว่า
“...ขอเรียนว่าศาลรัฐธรรมนูญเกิดโดยรัฐธรรมนูญ มีหน้าที่ต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และในพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์ ก่อนเข้ารับหน้าที่ตุลาการทุกคนต้องถวายสัตย์ปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์และจะปฏิบัติหน้าที่ในพระปรมาภิไธยด้วยความซื่อสัตย์สุจริตโดยปราศจากอคติทั้งปวง อคติ 4 คือ รัก โกรธ หลง และกลัว เพื่อให้เกิดความยุติธรรมแก่ประชาชนและความสงบสุขแห่งราชอาณาจักร ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยและกฎหมายทุกประการ”
“เรามักจะฟังคนอื่น หรือคิดแทนคนอื่น ดังนั้น ท่านต้องคิดเอง ถ้าท่านยังคิดเองไม่ออก อย่าเชื่ออะไรหรือเชื่อใครง่ายๆ พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสาวกของท่านว่า อย่าเชื่อโดยการฟังหรือเรียนตามกันมา โดยการทำสืบกันมา โดยการเล่าลือ โดยการอ้างตำรา โดยตรรก โดยการอนุมาน เพราะถูกตามสามัญสำนึก เข้าได้กับทฤษฎีของตน ผู้พูดอยู่ในฐานะควรเชื่อ หรือเพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้เป็นครูของเรารวม 10 ข้อด้วยกัน”
“วันนี้ ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดคำร้องของ ป.ป.ช. 2 เรื่อง คือ การจงใจยื่นบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีของคุณประยุทธ มหากิจศิริ 1 เรื่อง และกรณีของท่านนายกรัฐมนตรีอีก 1 เรื่อง”
“ผมเชื่อว่าประชาชนมีคำตอบคำร้องนี้อยู่ในใจมาก่อนนานแล้ว ดังนั้น ถ้าคำวินิจฉัยชี้ขาดนี้ไม่ถูกใจท่านและทำให้ท่านผิดหวังเราก็เสียใจ แต่ขอย้ำและยืนยันว่าเราไม่ได้มีเจตนาจะขัดใจท่าน หากแต่เห็นว่าเมื่อเราต้องปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ เราต้องมีความเห็นเช่นนี้ ดังนั้น ขอให้ท่านมีอุเบกขาธรรม นอกจากนี้ ขอให้ท่านรู้รักสามัคคี และช่วยกันแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง คิด พูด ทำ ให้ดีก่อนจะตัดสินใจทำสิ่งใดๆ ลงไป”
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญในวันนั้น ทำให้คดีซุกหุ้นเสมือนบ่วงรัดคอ ‘ทักษิณ’เป็นเวลา 10 เดือนเต็มถูกถอดโดยพลัน
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา นักวิชาการคณะนิติศาสตร์รั้วธรรมศาสตร์บางคนระบุว่า คำวินิจฉัยคดีนี้ต่ำกว่ามาตรฐานจากคดีที่เคยมีมา ขณะที่นักเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกคนกล่าวหาว่าเป็นคำวินิจฉัยสีเทา ทำให้ชัยชนะของทักษิณไม่สง่างาม แต่เมื่อเป็นคำตัดสิน ทุกคนต้องยอมรับ


จากวันนี้จนถึงวันนี้!
29 ส.ค.2568 ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินชะตาชีวิตทางการเมืองของลูกสาวทักษิณอีกครั้ง
หลุดจากเก้าอี้ หรือ ได้ไปต่อ ? รอด้วยใจระทึก

อ่านประกอบ :

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา