
"...เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2567 รายงานว่านายฮอง ซอก เล้ง ประธานกรรมการบริหาร ธนาคาร B.I.C แสดงความยินดีกับนายยิม เลียก และนาย เบน สมิธ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนีกษัตริย์กัมพูชาทรงแต่งตั้งให้ทั้งสองเป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ..."
ติดตามตรวจสอบกันต่อไป
สำหรับประเด็นตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกประวัติ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ซึ่งถูกระบุชื่อในบทความ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และยังเป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ "1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com ว่า บุคคลนี้เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชาและพันธมิตรของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยังมีกระแสข่าวว่าเขาเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร คอยให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ หลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของบุคคลคนนี้

- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร
- นักข่าวดังสหรัฐฯ อ้างข้อมูล 'ทักษิณ' ใช้นายหน้าแอฟริกาใต้เครือข่ายฮุนเซน ซื้อเจ็ทส่วนตัว
- แกะรอย 'เบนจามิน' นายหน้าปริศนาขายเครื่องบินส่วนตัว ให้ 'ทักษิณ-เครือข่ายฮุนเซน' ?
- 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา แปลงเป็นไทย ยุค 'อนุทิน' นั่งมท.1 แต่ไม่ได้เซ็นให้
- เปิดรายงานลับ สน.บท.กรณี 'เบนจามิน'ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา-ปริศนาที่ปรึกษาธุรกิจ ทักษิณ?
- เจาะลึก! เส้นทาง 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชาแปลงเป็นไทย 'บิ๊กตลท.' ให้ถ้อยคำรับรอง
- 'อนุทิน' ยันไม่ได้เซ็นอนุมัติแปลงสัญชาติ 'เบนจามิน' ตีตกชั้นปค.-อย่าโยงขัดแย้ง 'ทักษิณ'
- เปิดข้อมูล บ.ที่ทำงาน 'เบนจามิน' ไฮโซแฟนลูกนักการเมืองกัมพูชาถือหุ้น ก่อนขอแปลงสัญชาติ
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามแกะรอยข้อมูลนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือเบน สมิธ ในส่วนที่เกี่ยวกับกับประเทศไทยไปแล้วหลายส่วน อาทิ ในช่วงปลายปี 2567-ต้นปี 2568 นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ได้ยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย แต่ไม่ได้รับอนุญาต
นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน แจ้งว่า เกิดที่แอฟริกาใต้ เชื้อชาติบริติช สัญชาติปัจจุบันกัมพูชา ให้ข้อมูลประกอบการยื่นเรื่องขอแปลงสัญชาติ ว่า ปัจจุบันมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในกรุงเทพฯ พักอาศัยย่านคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา ประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีใบอนุญาตทำงานออกให้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 รายต่อเดือนเกือบหนึ่งแสนบาท มีเงินฝากในบัญชีหลายล้านบาท มีบุตร 3 คน สองคนแรกเกิดจากหญิงสาวชาวไทยรายหนึ่ง ส่วนบุตรคนสุดท้อง เกิดจากหญิงสาวชายไทยอีกรายหนึ่ง โดย
ในการยื่นเรื่องดังกล่าว มีผู้รับรอง 2 คน คือ 1. นางสาว แคทรียา บีเวอร์ ภรรยา เป็นกรรมการบริษัท เอเพกซี เอคิวตี้ เวนเจอร์ จำกัด 2. นายวราห์ สุจริตกุล ผู้บริหารบริษัท หลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด
คราวนี้ มาดูข้อมูล นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ในประเทศกัมพูชา ก่อนที่จะเดินทางมาอยู่ในประเทศไทยและยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทยกันบ้าง?
@ข้อมูลเอกสารกัมพูชายืนยันเบน สมิธ-เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ คนเดียวกัน
เบื้องต้นผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราได้สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับนายสมิธ เบน จากแหล่งข้อมูลที่กัมพูชา พบข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลชื่อว่าเบน สมิธ หรือว่านายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ได้รับสัญชาติกัมพูชา และได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาเลขาธิการวุฒิสภากัมพูชาเมื่อปี 2557(ดูเอกสารพร้อมคำบรรยายประกอบ)


เอกสารมอบสัญชาติกัมพูชาให้กับนายเบน สมิธ หรือว่านายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ ลงวันที่ 4 มิ.ย.2557

เอกสารแต่งตั้งนายเบน สมิธให้นายเบน สมิธเป็นที่ปรึกษาเลขาวุฒิสภากัมพูชาลงวันที่ 2 ก.ค. 2557
@ข้อมูล เบน สมิธ จากหน้าสื่อกัมพูชา
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรายังได้ค้นข้อมูลเกี่ยวกับนายเบน สมิธ โดยใช้ภาษากัมพูชา ซึ่งเขียนว่า បេន ស្មីត โดยผลลัพธ์การค้นหาปรากฎข่าวที่น่าสนใจ 3 ข่าวด้วยกันได้แก่
1.ข่าวเมื่อปี 2563 กรณีที่ นายฮุน เซน ขอบคุณนายยิม เลียก ประธานกรรมการธนาคาร B.I.C และสมาชิกกลุ่ม B.I.C ที่บริจาคเงินรวม 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (9,714,141 บาท)เพื่อร่วมสมทบทุนต่อสู้กับโควิด-19 โดยในภาพข่าวจะเห็นว่ามีบุคคลจากตะวันตก นั่งอยู่ทางด้านซ้าย ซึ่งคาดว่าจะเป็นบุคคลชื่อว่านายเบน สมิธ ส่วนด้านขวาคือนายยิม เลียก

(อ้างอิงข่าวส่วนนี้จาก https://www.cpp.org.kh/details/194011)
2.ข่าวเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2567 รายงานว่านายฮอง ซอก เล้ง ประธานกรรมการบริหาร ธนาคาร B.I.C แสดงความยินดีกับนายยิม เลียก และนาย เบน สมิธ ในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระบรมนาถ นโรดม สีหมุนีกษัตริย์กัมพูชาทรงแต่งตั้งให้ทั้งสองเป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ

(อ้างอิงข่าวส่วนนี้จาก:https://m.freshnewsasia.com/enwish/339574-2024-05-03-05-23-14.html)
3.ข่าวกรณีนายเบน สมิธ ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภา(ประธานวุฒิสภาคือ สมเด็จฮุนเซน)บริจาคเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (1,620,000 บาท)เพื่อเข้าร่วมกับสภากาชาดกัมพูชา เนื่องในโอกาสครบรอบ 161 ปี วันกาชาดสากล โดยบริจาคเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567

(อ้างอิงข่าวส่วนนี้จาก:https://roogrog.com/en/news/detail/15414868)
อย่างไรก็ตามปรากฎเป็นข่าวเมื่อวันที่ 4 ก.ค.2568 ที่ผ่านมาว่า สำนักข่าว Cambodia Daily ซึ่งเป็นสื่อกัมพูชาที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลได้เผยแพร่รายงานสืบสวนของเว็บไซต์ Kouprey ที่เจาะลึกข้อมูลเปิดโปงบทบาทของคณะกรรมการกาชาดกัมพูชา (Cambodian Red Cross) หรือ CRC ที่มีนางบุน รานี ภริยาอดีตนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และมารดาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ดำรงตำแหน่งเป็นประธานองค์กร โดยพบว่ามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มทุนใหญ่ที่พัวพันอาชญากรรมและธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศ
@ยิม เลียก และธนาคาร B.I.C กับบอร์ดบริหารคนไทยรายสำคัญ
หากดูข้อมูลข่าวเกี่ยวกับนายสมิธ เบน หรือที่กัมพูชาเรียกว่า เบน สมิธ อาทิ ข่าวการได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของนายฮุน เซน หรือข่าวการบริจาคช่วงโควิด-19 ก็จะเห็นได้ชัดว่ามีความเกี่ยวข้องชัดเจนกับนายยิม เลียก และธนาคาร B.I.C
เมื่อผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลเกี่ยวข้องเพิ่มเติม พบว่าธนาคาร B.I.C. หรือที่เรียกอีกชื่อว่าธนาคาร BIC นั้นพบว่ามีการระบุข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารบนเว็บไซต์ Linkedin ว่า
ธนาคารแห่งนี้ เป็นธนาคารพาณิชย์ที่จัดตั้งและจดทะเบียนกับธนาคารแห่งชาติกัมพูชา บิคแบงก์ก่อตั้งขึ้นร่วมกันโดยบริษัท เอเชีย อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด แห่ง สปป.ลาว บริษัท พาราไดซ์ อินเวสต์เมนต์ จำกัด แห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และบริษัท ไพรม์ สตรีท แอดไวเซอรี่ จำกัด จากประเทศไทย บริษัท เอเชีย อินเวสต์เมนต์ แอนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส จำกัด แห่ง สปป.ลาว เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่และเป็นเจ้าของธนาคาร B.I.C ประเทศลาว
ธนาคาร B.I.C ก่อตั้งขึ้นภายใต้หนังสือรับรองการจดทะเบียนวิสาหกิจที่ออกโดยกระทรวงอุตสาหกรรมและพาณิชย์ และใบอนุญาตธนาคารที่ออกโดยธนาคารแห่งชาติกัมพูชา
ธนาคารได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2561 กิจกรรมหลักของธนาคาร B.I.C คือการให้บริการด้านธนาคารในด้านต่างๆ ดังนี้:
1. ระดมและรับฝากเงินระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวจากบริษัท องค์กร และบุคคลต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ
2. การให้สินเชื่อระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวโดยมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แก่บริษัท องค์กร และบุคคลต่างๆ โดยพิจารณาตามลักษณะและความสามารถของแหล่งเงินทุนของธนาคาร
3. การทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศ บริการทางการเงินเพื่อการค้าระหว่างประเทศ บริการขายลดธนบัตร และเอกสารสำคัญ
และ 4. ให้บริการธุรกรรมระหว่างลูกค้า และบริการธนาคารอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการธนาคารแห่งชาติ กำหนด

ธนาคาร B.I.C ยังมีเว็บไซต์ชื่อว่า https://www.bicgroupasia.com โดยเมื่อเข้าไปดูเว็บไซต์ดังกล่าวพบว่ามีการระบุชื่อบอร์ดบริหารบริษัท 6 คนได้แก่
1.นายยิม เลียก ประธานและกรรมการบริษัท
2.นายวรภัค ธันยาวงษ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการธนาคาร โดยปัจจุบัน นายวรภัค ทำหน้าที่เป็นประธานที่ปรึกษา นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของไทย

3.นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ที่ปรึกษาคณะกรรมการบริษัท โดยนายอารีพงศ์นั้นเคยได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือ DGA ในช่วงปี 2563
4.พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ อดีตจเรตำรวจอาวุโส สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (แต่ไม่ได้ระบุตำแหน่งในบริษัท BIC ว่ามีหน้าที่อะไร)
5.นายไค-ปิง เฉินรองประธานฝ่ายปฏิบัติการ (ดูภาพประกอบ)

สำหรับข้อมูลที่อยู่ของที่ทำการในประเทศไทย มีการระบุว่าอยู่ที่เลขที่ 127 อาคารเกษร ทาวเวอร์ ชั้น 28 ห้อง เอ,บี,ดี/2 ถนนราชดำริห์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน ซึ่งเป็นที่ทำการเดียวกับที่สำนักข่าวอิศราได้เคยรายงานไปแล้วว่าเป็นที่ตั้งของบริษัท บริษัท เอเพกซ์ เอคควิตี้ เวนเจอร์ จำกัด ซึ่งจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2561 ทุนปัจจุบัน 2,000,000 บาท แจ้งประกอบธุรกิจกิจกรรมบริการเพื่อการบริหารสำนักงานแบบเบ็ดเสร็จ ปรากฏชื่อ นางสาว แคทรียา บีเวอร์ (ภรรยา นาย เบน สมิธ ) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ และถือหุ้นใหญ่สุด 99.9950% ณ วันที่ 30 เมษายน 2568
ส่วนที่อยู่ ณ ประเทศกัมพูชา ระบุว่าอยู่ที่ เลขที่ 87 ถนนพระสีหนุ สังกาส จตุมุข กรุงพนมเปญ

ทั้งหมด คือ ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวข้องกับนายสมิธ เบน ในช่วงที่ใช้ชีวิตอยู่ในกัมพูชา ตั้งแต่ปี 2557 ก่อนที่จะเดินทางมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยและยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา ในช่วงต้นปี 67 เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย และเกี่ยวข้องกับธนาคาร B.I.C ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงบุคคลสำคัญในประเทศไทย ที่สำนักข่าวอิศราสามารถสืบค้นได้ ณ เวลานี้
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ ยังไม่มีการบ่งชี้ว่ามีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายไทยแต่อย่างใด และคงต้องรอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริงเป็นทางการอีกครั้ง
หากมีข้อมูลเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา