
"...ในการให้ข้อมูลดังกล่าว นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน มิได้ให้รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกัมพูชาเอาไว้ จึงทำให้ข้อมูลสำคัญที่ว่า ทำไมเขาได้รับสัญชาติกัมพูชา สถานะหน้าที่การงานในกัมพูชาเป็นอย่างไร รู้จักสนิทสนมกับนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชาและพันธมิตรของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงขนาดเป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้ด้วยหรือไม่ ..."
ทำไม?
นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายสมิธ เบน ผู้ถือสัญชาติกัมพูชา ตามเอกสารหนังสือเดินทางกัมพูชา เลขที่ AAoooXXXX ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน 2564 ซึ่งถูกระบุในบทความ นายทอม ไรต์ สื่อมวลชนอิสระ อดีตผู้สื่อข่าวสำนักข่าววอลสตรีทเจอร์นัล (WSJ) และยังเป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่เปิดโปงการทุจริต เงินกองทุนเพื่อการพัฒนาของรัฐ "1 มาเลเซีย ดีเวลอปเมนต์ เบอร์ฮัด" (1MDB) ที่เผยแพร่ลงบนเว็บไซต์ Whalehunting.projectbrazen.com ว่า เป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลทางการเมืองในไทย และนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชาและพันธมิตรของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และยังมีกระแสข่าวว่าเขาเป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจคนสำคัญของนักการเมืองที่ทรงอิทธิพลในประเทศไทย ของนายทักษิณ ชินวัตร คอยให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ หลายเรื่องต้องผ่านความเห็นของบุคคลคนนี้
ต้องการมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองไทย ถึงขนาดยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย
ดูเหมือนจะเป็นปริศนาสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่ยังไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนเป็นทางการในห้วงเวลานี้

หมายเหตุ เป็นภาพถ่ายที่มีการอ้างว่า นายทักษิณ เจรจากับนายเมาเออร์เบอร์เกอร์เมื่อช่วงเดือน เม.ย.2568 ที่ ร้านอาหาร Provence ในห้างเกษรพลาซ่า

- ส่องคดีทุจริตโลก:แฉฮุน เซน เซ็น ทิ้งทวนนายกฯยกอุทยานเฉียดพันเฮกตาร์ให้ลูกคนใกล้ชิดบริหาร
- นักข่าวดังสหรัฐฯ อ้างข้อมูล 'ทักษิณ' ใช้นายหน้าแอฟริกาใต้เครือข่ายฮุนเซน ซื้อเจ็ทส่วนตัว
- แกะรอย 'เบนจามิน' นายหน้าปริศนาขายเครื่องบินส่วนตัว ให้ 'ทักษิณ-เครือข่ายฮุนเซน' ?
- 'เบนจามิน' ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา แปลงเป็นไทย ยุค 'อนุทิน' นั่งมท.1 แต่ไม่ได้เซ็นให้
- เปิดรายงานลับ สน.บท.กรณี 'เบนจามิน'ยื่นสละสัญชาติกัมพูชา-ปริศนาที่ปรึกษาธุรกิจ ทักษิณ?
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา แกะรอยข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือ นายสมิธ เบน พบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเพิ่มเติมดังนี้
หนึ่ง.
ในการยื่นเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย ของนายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ต่อ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล ระบุว่า เขาเกิดที่แอฟริกาใต้ เชื้อชาติบริติช สัญชาติปัจจุบันกัมพูชา
ปัจจุบันมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งในกรุงเทพฯ พักอาศัยย่านคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา ประกอบอาชีพเป็นที่ปรึกษาบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง รายต่อเดือนเกือบหนึ่งแสนบาท มีเงินฝากในบัญชีหลายล้านบาท มีบุตร 3 คน สองคนแรกเกิดจากหญิงสาวชาวไทยรายหนึ่ง ส่วนบุตรคนสุดท้อง เกิดจากหญิงสาวชายไทยอีกรายหนึ่ง
สอง.
ในการยื่นเรื่องดังกล่าว มีผู้รับรอง 2 คน คือ
1. หญิงสาวชาวไทย มารดาของบุตรคนสุดท้อง มีสถานะเป็นกรรมการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
2. ผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในไทย เป็นหนึ่งในกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วย
สาม.
นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ให้ถ้อยคำยืนยันเรื่องขอสละสัญชาติกัมพูชา เพื่อแปลงสัญชาติเป็นไทย ในช่วงเดือนกันยายน 2567 ว่า มีความประสงค์ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย ตามกฎหมายมีสิทธิได้รับการยกเว้นคุณสมบัติการมีภูมิสำเนาในราชอาณาจักรไทย ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทยเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี และมีความรู้ภาษาไทยซึ่งมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายมานานแล้ว มีใบอนุญาตทำงาน ออกให้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 ได้ยื่นเสียภาษี ปี 2564, 2565 และปี 2566 ย้อนหลัง 3 ปี เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2567 และไม่ติดใจขอรับเงินค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอแปลงสัญชาติเป็นไทย จำนวน 5,000 บาท กรณีหากไม่ได้รับอนุญาต
ขณะที่ผู้รับรองทั้ง 2 รายข้างต้น ให้ถ้อยคำยืนยันเหมือนกันว่า นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน ควรได้รับการแปลงสัญชาติ เพราะอยู่เมืองไทยมานาน ประกอบอาชีพเป็นหลักฐาน มั่นคง รักเมืองไทย อยากอยู่ประเทศไทยตลอดไป ไม่เคยสละสัญชาติหรือแปลงสัญชาติมาก่อน แม้เจ้าตัวยังไม่เคยทำความดีความชอบต่อประเทศไทย หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่ทางราชการ แต่ชอบช่วยเหลือและบริจาคเงินการกุศลสาธารณะประโยชน์อยู่เสมอ และไม่มีการติดต่อกับบุคคลต่างชาติในลักษณะแอบแฝงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี ในการตรวจสอบข้อมูลของกรมการปกครอง และกองบัญชาการตำรวจสันติบาล พบว่า นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาโครงการและลงทุน ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีใบอนุญาตทำงานออกให้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 แต่การยื่นภาษี 3 ปี ในครั้งเดียว ทำให้คุณสมบัติไม่เป็นไปตามแนวทางประกอบการใช้ดุลพินิจของ รมว.มท. ในการอนุญาต และอาจกระทบต่อผู้ที่ รมว.มท. เคยพิจารณาไม่อนุญาตไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีปะเด็นเกี่ยวกับเอกสารการแสดงเจตนาสละสัญชาติกัมพูชา ที่เป็นการยื่นแสดงเจตนาต่อผู้บัญชาการตำรวจสันติบาลไม่ได้ยื่นต่อสถานฑูตประเทศที่มีสัญชาติ และอาจจะมีสัญชาติมากกว่า 1 สัญชาติ ซึ่งต้องแสดงเจตนาสละสัญชาติทุกสัญชาติ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมอีก
ส่วนการบริจาคเงิน ที่ตรวจสอบพบ เป็นการบริจาคเงินสนับสนุนภารกิจการจัดหาโลหิตของศูนย์บริหารโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย จำนวน 1 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 ก.ค.2567
*****************
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่า นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยนานหลายปีแล้ว ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาโครงการและลงทุน ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง มีใบอนุญาตทำงานออกให้เมื่อวันที่ 9 พ.ค.2567 ภรรยาคนปัจจุบัน มีสถานะเป็นกรรมการบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และยังรู้จักสนิทสนมกับผู้บริหารบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งในไทย เป็นหนึ่งในกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ด้วย
อย่างไรก็ดี ในการให้ข้อมูลดังกล่าว นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ หรือในชื่อ นายสมิธ เบน มิได้ให้รายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องกัมพูชาเอาไว้
จึงทำให้ข้อมูลสำคัญที่ว่า ทำไมเขาได้รับสัญชาติกัมพูชา สถานะหน้าที่การงานในกัมพูชาเป็นอย่างไร รู้จักสนิทสนมกับนายยิม เลียก ประธานกลุ่มบริษัท B.I.C ของกัมพูชาและพันธมิตรของนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงขนาดเป็นนายหน้าขายเครื่องบินส่วนตัวให้ด้วยหรือไม่
ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนในห้วงเวลานี้ เช่นกัน
หากมีข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม สำนักข่าวอิศรา จะนำมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา