
“…เงินเยียวยากรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ อัตรา 8,000,000 บาทต่อราย โดยคำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยประจำต่อคนตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทย (GDP per capita) ณ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งเท่ากับ 269,000 บาท ชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับทุกครอบครัวในอัตราเดียวกันเป็นเวลา 30 ปี ประมาณว่าผู้เสียอายุที่ 30 ปี จะมีโอกาสทำงานจนถึงอายุ 60 ปี จึงเท่ากับขาดโอกาสทำงานไปเป็นเวลา 30 ปี และกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาทิ ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ให้ได้รับเงินเพิ่มเติมในลักษณะค่าเสี่ยงภัยอีก 2,000,000 บาทต่อราย โดยคิดจากอัตราร้อยละ 25 ของกรอบอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ…”
หมายเหตุ : สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติกรอบอัตราเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา นับตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. 2568 จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) เสียชีวิตและทุพพลภาพ 10 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 1 ล้านบาท บาดเจ็บมาก 5 แสนบาท กับ ประชาชน เสียชีวิตและทุพพลภาพ 8 ล้านบาท บาดเจ็บสาหัส 8 แสนบาท บาดเจ็บมาก 4 แสนบาท
@ ที่มาตัวเลขเยียวยาเสียชีวิต 10 ล้าน-8 ล้านบาท
สำหรับที่มา-ที่ไปของตัวเลขเยียวยาผู้เสียชีวิตและทุพพลภาพ กับผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและบาดเจ็บมากตามมติครม. เกิดขึ้นภายหลัง สมช. จัดการประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กระทรวงกลาโหม กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงบประมาณ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบความเหมาะสมในการกำหนดกรอบอัตราเงินเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 โดยมีเกณฑ์กำหนดกรอบออกมาดังนี้
1.เงินเยียวยากรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ อัตรา 8,000,000 บาทต่อราย โดยคำนวณตามฐานข้อมูลรายได้เฉลี่ยประจำต่อคนตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทย (GDP per capita) ณ เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568 ซึ่งเท่ากับ 269,000 บาท ชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับทุกครอบครัวในอัตราเดียวกันเป็นเวลา 30 ปี ประมาณว่าผู้เสียอายุที่ 30 ปี จะมีโอกาสทำงานจนถึงอายุ 60 ปี จึงเท่ากับขาดโอกาสทำงานไปเป็นเวลา 30 ปี และกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาทิ ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ให้ได้รับเงินเพิ่มเติมในลักษณะค่าเสี่ยงภัยอีก 2,000,000 บาทต่อราย โดยคิดจากอัตราร้อยละ 25 ของกรอบอัตราเงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ
2.เงินเยียวยากรณีบาดเจ็บสาหัส อัตรา 800,000 บาทต่อราย โดยคำนวณตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเฉลี่ยในพื้นที่ 7 จังหวัดชายแดน ตามประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง เรื่อง อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ (ฉบับที่ 14) ประกาศ ณ วันที่ 17 มิถุนายน 2568 ซึ่งเท่ากับ 351 บาท ชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับทุกครอบครัวในอัตราเดียวกันตามประมาณการวันทำงาน 250 วันต่อปี เป็นระยะเวลา 10 ปี และกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาทิ ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ให้ได้รับเงินเพิ่มเติมในลักษณะค่าเสี่ยงภัยอีก 200,000 บาทต่อราย โดยคิดจากอัตราร้อยละ 25 ของอัตราเงินเยียวยากรณีบาดเจ็บสาหัส
3.เงินเยียวยากรณีบาดเจ็บมาก อัตรา 400,000 บาทต่อราย โดยคำนวณตามอัตราร้อยละ 50 ของเงินชดเชยกรณีบาดเจ็บสาหัส และกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ อาทิ ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน ให้ได้รับเงินเพิ่มเติมในลักษณะค่าเสี่ยงภัยอีก 100,000 บาทต่อราย โดยคิดจากอัตราร้อยละ 25 ของอัตราเยียวยากรณีบาดเจ็บมาก
@ นิยาม ผู้เสียชีวิต-ทุพพลภาพ-บาดเจ็บสาหัส
นอกจากนี้ ที่ประชุมสมช.ยังพิจารณาเห็นชอบกำหนดหลักเกณฑ์และอัตราเงินเยียวยาให้แก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยเทียบเคียงจากหลักเกณฑ์จากสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้
“ผู้เสียชีวิต” หมายถึง การเสียชีวิตทั้งทางตรงหรือทางอ้อมโดยการวินิจฉัยจากคณะทำงานหรือทางการแพทย์มีหนังสือรับรองจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา
“ทุพพลภาพ” หมายถึง การสูญเสียประการใดประการหนึ่ง ดังต่อไปนี้
-
ขาทั้งสองขาด
-
เท้าข้างหนึ่งกับขาอีกข้างหนึ่งขาด
-
มือหรือแขนข้างหนึ่งกับเท้าหรือขาอีกข้างหนึ่งขาด
-
มือทั้งสองข้างขาด
-
แขนทั้งสองข้างขาด
-
มือข้างหนึ่งกับแขนอีกข้างหนึ่งขาด
-
บกพร่องทางการเห็น ซึ่งหมายถึง (ก) สูญเสียลูกตาทั้งสองข้าง (ข) สูญเสียลูกตาข้างหนึ่งและความสามารถในการมองเห็นโดยสายตาอีกข้างหนึ่งเมื่อใช้แว่นสายตาธรรมดาแล้วอยู่ในระดับแย่กว่า 3/60 (ค) ความสามารถในการมองเห็นโดยสายตาทั้งสองข้างอยู่ในระดับแย่กว่า 3/60
-
ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่ศีรษะ และ/หรือกระดูกสันหลังเป็นเหตุให้มือหรือแขนทั้งสองข้าง มือข้างหนึ่งกับแขนข้างหนึ่ง เท้าหรือขาทั้งสองข้าง เท้าข้างหนึ่งกับขาอีกข้างหนึ่ง มือหรือแขนข้างหนึ่งกับเท้า หรือขาอีกข้างหนึ่ง สูญเสียสมรรถภาพในการทำงานโดยสิ้นเชิง
-
ประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยที่ศีรษะอันเป็นเหตุให้เกิดความผิดปกติของความรู้สึกตัว และ/หรือจิตฟั่นเฟือน และ/หรือวิกลจริตจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้และไม่สามารถรักษาให้หายได้
-
สูญเสียอวัยวะหรือสูญเสียสมรรถภาพในการทำงานของอวัยวะในส่วนหนึ่งส่วนใดหรือในหลายส่วนของร่างกาย นอกจากขาทั้งสองขาด เท้าข้างหนึ่งกับขาอีกข้างหนึ่งขาด ซึ่งคณะทำงานหรือแพทย์มีหนังสือรับรองวินิจฉัยว่าทุพพลภาพ
“สูญเสียอวัยวะไม่สำคัญ” หมายถึง สูญเสียอวัยวะอื่น ๆ ที่ไม่อยู่ในความหมายของการสูญเสียอวัยวะสำคัญเป็นการถาวร
“การสูญเสียอวัยวะสำคัญ” หมายถึง สูญเสียอวัยวะประการใดประการหนึ่งดังต่อไปนี้เป็นการถาวร
-
เสียลูกตาข้างหนึ่งหรือเสียสมรรถภาพในการมองเห็นร้อยละห้าสิบขึ้นไป
-
เสียแขนหรือมือข้างหนึ่ง
-
เสียขาหรือเท้าข้างหนึ่ง
“ได้รับบาดเจ็บสาหัส” หมายถึง เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะเป็นผู้ป่วยในเป็นเวลาเกิน 20 วัน
“ได้รับบาดเจ็บมาก” หมายถึง เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะเป็นผู้ป่วยใน เป็นเวลาตั้งแต่ 2 วันแต่ไม่เกิน 20 วัน
@ เจ้าหน้าที่รัฐเสียชีวิต 19 ราย-ประชาชน 17 ราย
ทั้งนี้ กรอบวงเงินในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากกรณีเหตุการณ์สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย - กัมพูชาเบื้องต้น นับตั้งแต่เกิดเหตุเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม - 2 สิงหาคม 2568 จำนวน 404.6 ล้านบาท จำแนกรายละเอียด ประกอบด้วย
1.เจ้าหน้าที่ของรัฐ รวม 239,000,000 บาท
-
-เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 190,000,000 บาท
-
บาดเจ็บสาหัส จำนวน 19 ราย คิดเป็นเงิน 19,000,000 บาท
-
บาดเจ็บมาก จำนวน 60 ราย คิดเป็นเงิน 30,000,000 บาท
2. ประชาชน รวม 165,600,000 บาท
-
เสียชีวิตหรือทุพพลภาพ จำนวน 17 ราย คิดเป็นเงิน 136,000,000 บาท
-
บาดเจ็บสาหัส จำนวน 37 ราย คิดเป็นเงิน 29,600,000บาท

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา