
“...แน่นอนที่สุด เสียงของพรรคฝ่ายค้านในสภา เราคงไม่สามารถพึ่งหวังจำนวนเสียง สส. ในการโหวตที่จะล้มรัฐบาลได้ ลำพังจากการโหวตในสภาเท่านั้น เวทีนี้เป็นเวทีซักฟอกเพื่อตีแผ่ความจริงให้กับประชาชนมากกว่า...”
พรรคฝ่ายค้าน ‘ปักหมุด’ ปฏิทินยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2568 วางกรอบระยะเวลาอภิปราย จำนวน 5 วัน โดยเฉพาะการ ‘เปิดแผล’ กรณี ‘ชั้น14’
‘ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ’ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า ในช่วงระยะเวลาครึ่งเทอมที่ผ่านมาในการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดนี้ ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ไม่ใช่เฉพาะรัฐบาลของนายกฯแพทองธารอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นการบริหารราชการแผ่นดินที่ต่อเนื่องของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
“รัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินที่ขาดประสิทธิภาพ ปล่อยปละละเลยปัญหาสังคมในหลายเรื่อง รวมถึงประเด็นที่ส่อว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน การบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่เป็นไปตามครรลองของระบอบประชาธิปไตยที่ผู้มีอำนาจรัฐบาลต้องถูกตรวจสอบ ถ่วงดุล ชี้แจงได้ในระบบรัฐสภา”หัวหน้าฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกล่าว

“เวทีที่สำคัญคือการ เปิดโปง ตีแผ่ความจริงให้ประชาชนเห็น รัฐมนตรีที่ถูกตั้งคำถาม หรือตัวนายกรัฐมนตรีเป็นต้องเป็นผู้ตอบชี้แจงในที่ประชุมสภาเอง ทุกคำถามที่มาจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้ารัฐมนตรีตอบได้ก็เป็นประโยชน์กับประชาชน”
การทำงานร่วมกันของพรรคฝ่ายค้านหลังจากนี้ ถ้ามีประเด็นและเนื้อหาใดที่ประชาชนหรือส่วนราชการที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตคอรัปชั่นภายในรัฐบาล เปิดกว้าง ส่งมาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคได้
“แน่นอนที่สุด เสียงของพรรคฝ่ายค้านในสภา เราคงไม่สามารถพึ่งหวังจำนวนเสียง สส. ในการโหวตที่จะล้มรัฐบาลได้ ลำพังจากการโหวตในสภาเท่านั้น เวทีนี้เป็นเวทีซักฟอกเพื่อตีแผ่ความจริงให้กับประชาชนมากกว่า”
@ พลังประชารัฐ พุ่งเป้า กาสิโนถูกกฎหมาย-MOU44
‘ไพบูลย์ นิติตะวัน’ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ พรรคพลังประชารัฐ ‘เอาจริง’ และประเด็นที่จะนำมาอภิปราย ‘มีน้ำหนัก’ ที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีบางคน ‘มีปัญหา’ ต้องตอบคำถามสังคม โดยจะ ‘เปิดประเด็น’ ให้เห็น ‘พฤติการณ์’ ในเรื่องที่สังคมไม่เคยรับรู้มาก่อน

นายไพบูลย์กล่าวว่า ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ‘ประเด็นหลัก’ ที่จะหยิบยกขึ้นมาอภิปราย 2 เรื่อง คือ เรื่อง เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และ เรื่อง ‘MOU2544’ โดยจะ “พุ่งเป้าไปที่นายกรัฐมนตรีเป็นหลัก”
ส่วน ‘ศึกซักฟอก’ ครั้งนี้จะถึงขั้น ‘ล้มหัวหน้ารัฐบาล’ ได้หรือไม่นั้น ‘ไพบูลย์’ บอกว่า ก็ต้องติดตามดูต่อไป ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีปัญหาเยอะอยู่แล้ว ถึงแม้การอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีผลให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี แต่นายกรัฐมนตรีก็อาจจะมีปัญหาสืบเนื่องจากผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และทำให้สังคมได้รู้อะไรมากขึ้น และมีต่อไประลอกสอง ระลอกสาม หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
‘ไพบูลย์’ ถึงแม้จะไม่ได้เป็น สส. ไม่ได้เข้าไปอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร แต่สวมหมวกเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่แจกงาน-แบ่งหน้า-มอบหมายที่ให้ สส.ของพรรคพลังประชารัฐ โดยมี ‘คณะทำงาน’ ที่ชื่อ คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้การดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในสภาผู้แทนราษฎรเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามอุดมการณ์ โดยมี ‘ชัยมงคล ไชยรบ’ สส. สกลนคร เขต 5 เป็นประธานคณะทำงาน และคณะทำงานอีก 9 ชีวิต ได้แก่ ฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส. พังงา เขต 2
อนันต์ ผลอำนวย สส. กำแพงเพชร เขต 3 เป็นคณะทำงาน กระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส. หนองคาย เขต 1 กาญจนา จังหวะ สส. ชัยภูมิ เขต 4 คอซีย์ มามุ สส. ปัตตานี เขต 2 วิริยะ ทองผา สส. มุกดาหาร เขต 1 อัคร ทองใจสด สส. เพชรบูรณ์ เขต 6 บุรินทร์ สุขพิศาล และ สุธรรม จริตงาม สส. นครศรีธรรมราช เขต 6
@ เรืองไกร พร้อมเสิร์ฟข้อมูล-ติวเตอร์
‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ นักร้อง (เรียน) ไมค์ทองคำ แม้จะไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมสู้ศึกซักฟอกกับพรรคพลังประชารัฐเต็มตัว แต่ก็พร้อมจะเสิร์ฟข้อมูลลึก-เอกสารลับ ประเด็นตรวจสอบ และยินดีที่จะมาเป็น ‘ติวเตอร์’ หาก ‘ต้นสังกัด’ ร้องขอ

“ผมยังเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พร้อมที่จะส่งข้อมูลที่ผมไปร้องกับองค์กรตรวจสอบให้กับพรรคพลังประชารัฐในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และต้องขึงนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นจุดอ่อน อย่าอภิปรายสะเปะสะปะ อย่าพูดภาษาวิชาการเยอะ”
อาวุธหนัก-หมัดเด็ด อยู่ที่ ‘พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์’ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ออกเป็น ‘เปิดหน้า’ ปิดผนึก ‘ซองสีน้ำตาล’ เกี่ยวกับการพักรักษาตัวของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ยื่นให้กับพรรคฝ่ายค้าน
@ เปิดกติกาลงมติไม่ไว้วางใจ
รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 151 กำหนดให้ สส.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของจำนวน สส.ทั้งหมดเท่าที่อยู่ของสส. มีสิทธิเข้าชื่อเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลหรือทั้งคณะ
เมื่อได้มีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ หรือ การลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่ง

ที่มาภาพ : วิกิพีเดีย
เมื่อการอภิปรายทั่วไปสิ้นสุดลง การลงมติไม่ให้กระทำวันเดียวกับวันที่การอภิปรายสิ้นสุดลง โดยมติไม่ไว้วางใจต้องมีคะแนนเสียง ‘มากกว่ากึ่งหนึ่ง’ ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของ สส.
รัฐมนตรีคนใดพ้นจากตำแหน่งเดิมแต่ยังคงเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่งอื่นภายหลังจากวันที่ สส.ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือพ้นจากตำแหน่งเดิมไม่เกิน 90 วัน ก่อนวันที่ สส.เข้าชื่อยื่นญัตติ แต่ยังคงเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่งอื่น ให้รัฐมนตรีคนนั้นยังคงต้องถูกอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจต่อไป
@ เช็กเสียง พรรคฝ่ายค้าน-รัฐบาล
เมื่อเช็กเสียงพรรคฝ่ายค้าน ประกอบด้วย 6 พรรคหลัก 172 เสียง (รวมงูเห่า) ได้แก่ พรรคประชาชน จำนวน 143 เสียง พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 20 คน พรรคไทยสร้างไทย จำนวน 6 เสียง พรรคเป็นธรรม จำนวน 1 เสียง พรรคเสรีรวมไทย จำนวน 1 เสียง พรรคไทยก้าวหน้า จำนวน 1 เสียง

ขณะที่พรรคฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย 9 พรรค เสียง 311 เสียง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย จำนวน 142 เสียง พรรคภูมิใจไทย จำนวน 69 เสียง พรรครวมไทยสร้างชาติ จำนวน 36 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ จำนวน 25 เสียง พรรคกล้าธรรม จำนวน 24 เสียง พรรคประชาชาติ จำนวน 9 เสียง พรรคชาติพัฒนา จำนวน 3 เสียง พรรคไทรวมพลัง จำนวน 2 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ จำนวน 1 เสียง
พรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงคิกออฟ-โหมโรง เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแพทองธาร นอกจากสังคมยังจับตาการตอบคำถามของนายกรัฐมนตรี-รัฐมนตรีรายบุคคลแล้ว ยังเฝ้ามองการทำหน้าที่ของพลพรรคฝ่ายค้านว่า จะเข้มข้น-ขึงขัง-หนักแน่น แค่ไหน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา