“…กระบวนการแก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุนเป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากคู่สัญญาจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาผลดี-ผลเสีย การเจรจาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน อีกทั้งอาจมีขั้นตอนที่กำหนดไว้โดยกฎหมายที่คู่สัญญาจะต้องปฏิบัติตาม เช่น กระบวนการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.ศ. 2562 จึงมีข้อสังเกตว่า ระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงประกาศกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมอาจจะไม่เพียงพอ…”
โครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายเรือธง ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่มี ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ รองนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นสมัยที่ 2 ‘ขีดเส้น’ กันยายน 2568 ‘คนกรุง’ จะได้ขึ้นรถไฟฟ้า 20 บาท ‘ครบทุกสาย’ ภายใต้เงื่อนไข ‘พ.ร.บ.ตั๋วร่วม’ บังคับใช้ ภายหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้ทำหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... โดยคณะรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอ ต่อสภาผู้แทนราษฎรเป็นเรื่องด่วน
รายงานข่าวระบุว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2568 สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทำหนังสือถึงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ด้วนประธานสภาผู้แทนราษฎรมีคำสั่งนัดประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 29 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป โดยได้บรรจุร่างพ.ร.บ. การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ไว้ในระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วน ที่ 4
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า ในรายงานรายการสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นร่างพ.ร.บ.การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. .... ที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรเปิดรับฟังความคิดเห็นประกอบการจัดทำและเสนอร่างกฎหมายตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 77 ผ่านเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมาย www.law.go.th เว็บไซต์กระทรวงคมนาคม และเว็บไซต์สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จำนวน 10 ประเด็น กับอีก 1 ประเด็นความคิดเห็นอื่น ๆ เพิ่มเติม ระหว่าวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – วันที่ 11 มกราคม 2568 มีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น จำนวน 19 คน โดยมีผู้ร่วมแสดงความเห็นมีทั้งประชาชน ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน รวมถึงผู้ประกอบการร่วมแสดงความคิดเห็น
ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการ ปรากฏชื่อนายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ๊งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น มีรายละเอียด ดังนี้
@ ชดเชยและเยียวยาอย่างเป็นธรรม
ประเด็นที่ 1 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้คณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วมมีหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วมหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่เห็นด้วย เนื่องจากทางบริษัทฯ สนับสนุนนโยบายที่สนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึง ในราคาที่สอดคล้องค่าครองชีพและต้นทุนในการให้บริการขนส่งธารณะ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของนโยบาย กับเนื่องจากร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ยังมีความไม่ชัดเจน ในหลายประการและยังมีข้อสงสัยที่ สนข. ยังมิได้ให้ความกระจ่าง จึงยังไม่อาจเห็นด้วย โดยตัวอย่างของความไม่ชัดเจนและข้อสงสัย ดังนี้
- มาตรา 31 ให้คณะกรรมการมีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม โดยคำนึงถึงความเป็นธรรม ความเสมอภาค และไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ และหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ประกอบกัน
(1) การบูรณาการอัตราค่าโดยสารระหว่างระบบขนส่งสาธารณะที่ต่างระบบและต่างผู้ให้บริการขนส่ง
(2) ค่าใช้จ่ายตามปกติของการประกอบกิจการให้บริการขนส่งสาธารณะตามประเภทและลักษณะของการให้บริการ โดยคำนึงถึงภาวะเศรษฐกิจและดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป
(3) สิทธิของผู้โดยสารที่เป็นผู้สูงอายุ เด็ก คนพิการ หรือผู้ด้อยโอกาส
(4) สิทธิของผู้รับใบอนุญาตตามสัญญาสัมปทานหรือสัญญาร่วมลงทุน รวมถึงแนวทางการชดเชยและเยียวยาอย่างเป็นธรรม
(5) การเปลี่ยนแปลงสภาพเศรษฐกิจ สังคม การลงทุน หรือเทคโนโลยี - หนึ่งในหลักการสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม คือ หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม ซึ่งในเนื้อหาของร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ยังไม่ปรากฎรายละเอียดของหลักการสำคัญดังกล่าวแต่อย่างใด
- ในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม ควรคำนึงถึงภาระทางการเงินการคลังในระยะยาวของรัฐบาลในการให้เงินอุดหนุนต่อกองทุน เพื่อให้เกิดความยังยืนของกองทุน
- นอกจากจะกำหนดให้คำนึงถึง ‘แนวทางการชดเชยและเยียวยาอย่างเป็นธรรม’ แล้ว ควรต้องกำหนดกรอบระยะเวลาที่ต้องชดเชยและเยียวยาให้ผู้รับใบอนุญาตด้วย เนื่องจากในการประกอบธุรกิจผู้รับใบอนุญาตต้องเป็นผู้แบกรับภาระหน้าที่ตามสัญญาสัมปทานหรือสัญญาร่วมลงทุน รวมถึงต้องแบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างหน่วยงานของรัฐพิจารณาแนวทางการชดเชยและเยียวยาอย่างเป็นธรรม หากเกิดความล่าช้าก็อาจจะส่งผลต่อการให้บริการสาธารณะอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ ถึงแม้ผู้รับใบอนุญาตจะใช้ความสามารถและความพยายามอย่างถึงที่สุดแล้ว
- ‘อัตราค่าโดยสารร่วม’ หมายความว่า ค่าโดยสาร ค่าธรรมเนียม หรือ ค่าบริการ ในกรณีที่มีการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อต่างรูปแบบกัน หรือระหว่างผู้ให้บริการขนส่งต่างรายตามอัตราที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ‘ค่าบริการในกรณีที่มีการใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมต่อต่างรูปแบบกัน หรือระหว่างผู้ให้บริการขนส่งต่างราย’ หมายรวมถึง ค่าบริการจอดรถหรือไม่ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากใช้ยานพาหนะส่วนตัวมาจอด ณ จุดบริการจอดรถของโครงการขนส่งมวลชน เช่น อาคารจอดแล้วจร ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย แล้วจึงค่อยโดยสารรถไฟฟ้าไปยังจุดหมายปลายทาง
- มาตรา 32 อัตราค่าโดยสารร่วมให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยจะต้องสอดคล้องกับหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวนวณอัตราค่าโดยสารร่วมที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา 31 อัตราค่าโดยสารของการขนส่งสาธารณะได้รับการควบคุมดูแลจากกฎหมายหลายฉบับ ตัวอย่างเช่นในกรณีของธุรกิจรถไฟฟ้า นอกจากอัตราค่าโดยสารจะกำหนดไว้ในสัญญาสัมปทานแล้ว ยังถูกกำหนดไว้โดยข้อบังคับว่า ด้วยการกำหนดอัตราค่าโดยสาร วิธีการจัดเก็บค่าโดยสาร และการกำหนดประเภทบุคคลที่ได้รับการยกเว้นไม่ต้องชำระค่าโดยสารรถไฟฟ้า และในอนาคตร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางราง พ.ศ.....ได้กำหนดอัตราค่าโดยสารไว้อีก จึงมีข้อสังเกตว่า หากอัตราค่าโดยสารข้างต้นขัดแย้งกับอัตราค่าโดยสารร่วม จะมีผลอย่างไร และ สนข. มีแนวทางการดำเนินการอย่างไร
- สนข. ควรนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ ‘หลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม’ เพื่อหารือร่วมกับภาคประชาชนและผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะก่อนที่ประกาศใช้บังคับร่าง พ.ร.บ..ตั๋วร่วม โดยขอให้พิจารณาเพิ่มหลักเกณฑ์ที่ต้องคำนึงในการกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคำนวณอัตราค่าโดยสารร่วม อันได้แก่ การกำหนดกรอบระยะเวลาที่ต้องชดเชยและเยียวยาให้ผู้รับใบอนุญาต และภาระทางการเงินการคลังในระยะยาวของรัฐบาลในการให้เงินอุดหนุนต่อกองทุน และขอให้ สนข. โปรดชี้แจง ทั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่า ไม่ควรรวม เนื่องจากการให้บริการที่จอดรถเป็นบริการเพื่ออำนวยความสะดวกรูปแบบหนึ่ง แต่มิใช่การขนส่งสาธารณะ ขอให้ สนข. โปรดชี้แจงแนวทางการดำเนินการกรณีอัตราค่าโดยสารตามกฎหมายฉบับอื่นขัดแย้งกับอัตราค่าโดยสารร่วม
@ หวั่นต้องหยุดให้บริการในระหว่างขอรับใบอนุญาต
ประเด็นที่ 2 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้สำนักนโยบายและแผนการขนส่งและจราจรออกหลักเกณฑ์เกี่ยวกับรูปแบบบัตรโดยสาร มาตรฐานเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม รหัสความปลอดภัย และการเชื่อมต่อระบบตั๋วร่วมหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่เห็นด้วย เนื่องจากบริษัทฯ สนับสนุนนโยบายที่สนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะได้อย่างทั่วถึง ในราคาที่สอดคล้องค่าครองชีพและต้นทุนในการให้บริการขนส่งธารณะ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนของนโยบาย กับเนื่องจากร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วม ยังมีความไม่ชัดเจน ในหลายประการและยังมีข้อสงสัย ที่ สนข. ยังมิได้ให้ความกระจ่าง จึงยังไม่อาจเห็นด้วย โดยตัวอย่างของความไม่ชัดเจนและข้อสงสัย ดังนี้
- ‘ระบบตั๋วร่วม’ หมายความว่าการให้บริการขนส่งสาธารณะแก่ผู้โดยสารโดยผู้ให้บริการซึ่งได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ซึ่งใช้บัตรโดยสารหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้แทนบัตรที่จัดทำขึ้นตามมาตรฐานทางเทคโนโลยีที่สำนักงานกำหนดโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการในการรับชำระค่าโดยสารเพื่อให้การเดินทางในระบบขนส่งสาธารณะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ‘การให้บริการออกบัตรชำระค่าโดยสารในระบบตั๋วร่วม’ หมายความว่า การให้บริการออกบัตรหรือสิ่งอื่นใดที่ใช้แทนบัตรเพื่อชำระค่าโดยสาร ค่าธรรรมเนียม หรือค่าบริการแก่ผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะที่มีมาตรฐานทางเทคโนโลยีของระบบตั๋วร่วม
นิยามของคำว่า ‘ระบบตั๋วร่วม’ และ ‘การให้บริการออกบัตรชำระค่าโดยสารในระบบตั๋วร่วม’ ระบุถึง ‘มาตรฐานทางเทคโนโลยี’ ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ยังมิได้กำหนดลักษณะหรือรายละเอียดของเทคโนโลยีดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ประสงค์ที่จะขอรับใบอนุญาตหรือผู้ประกอบธุรกิจที่ประกอบธุรกิจอันอาจเข้าข่ายต้องขอใบอนุญาตอยู่ก่อนแล้วไม่ทราบว่าจะต้องปฏิบัติตาม ‘มาตรฐานทางเทคโนโลยี’ ใด และอาจทำให้ผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวได้รับโทษทางอาญา (เนื่องจากประกอบธุรกิจระบบตั๋วร่วมโดยมิได้รับอนุญาต) เมื่อร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วมมีผลใช้บังคับ (ซึ่งร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วมมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา) - สนข. ควรนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับ ‘มาตรฐานทางเทคโนโลยี’ ของระบบตั๋วร่วมและหารือร่วมกับภาคประชาชนและภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดความเห็นพ้องต้องตรงกันเกี่ยวกับ ‘มาตรฐานทางเทคโนโลยี’ ของระบบตั๋วร่วมที่จะนำมาใช้ก่อนที่ประกาศใช้บังคับร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎหมายฉบับใหม่และเพื่อให้ประชาชนยังคงสามารถชำระค่าโดยสารในรูปแบบต่างๆที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่องและไม่ได้รับผลกระทบอันมาเนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจที่ประกอบธุรกิจอันอาจเข้าข่ายต้องขอใบอนุญาตอยู่ก่อนแล้วต้องหยุดให้บริการในระหว่างขอรับใบอนุญาต
@ต้องจัดให้มีการเจรจาและทำความตกลงร่วมกับผู้ประกอบกิจการก่อน
ประเด็นที่ 3 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อกำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชนหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่ให้ความเห็น มีข้อเสนอแนะ มาตรา 16 ในกรณีจำเป็น เพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชนให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ก่อนเสนอให้ตราพระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งต้องจัดให้มีการเจรจาและทำความตกลงร่วมกับผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะที่จะอยู่ภายใต้บังคับแห่งพระระราชกฤษฎีกาตามวรรคหนึ่งรวมถึงดำเนินการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนตามความเหมาะสมและนำข้อมูลที่ได้รับมาประกอบการพิจารณา
- ในกรณีของธุรกิจการขนส่งทาง ร่าง พ.ร.บ. การขนส่งทางราง พ.ศ. .... อยู่ในระหว่างการพิจารณาโดยสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งร่างดังกล่าวกำหนดให้กรมการขนส่งทางรางเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลและกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการการการขนส่งรางจะต้องได้รับใบอนุญาตด้วย การกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการขนส่งทางรางต้องได้รับใบอนุญาตอีกจึงเป็นการกำหนดที่ซ้ำซ้อนและไม่เป็นการส่งเสริเสริมสนับสนุนในเกิดระบบตั๋วร่วม
- การกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะจะต้องใช้ระบบตั๋วร่วม ควรต้องพิจารณาถึงสิทธิที่ผู้ประกอบกิจการเหล่านั้นมีอยู่ตามกฎหมายและสัญญาเดิมที่ให้สิทธิในการประกอบกิจการอยู่แล้ว ดังนั้นผู้ประกอบกิจการเหล่านั้นควรได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการของตนต่อไป
- ในกรณีที่ผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะเป็นผู้รับจ้างจากหน่วยงานของรัฐมีข้อสังเกตว่า ผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะหรือหน่วยงานของรัฐจะต้องขอรับใบอนุญาต
- ไม่ควรกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะต้องได้รับใบอนุญาต
ประเด็นที่ 4 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้สามารถนำเงินกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมไปใช้ในการส่งเสริมและอุดหนุนผู้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วมหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่ให้ความเห็น มีข้อเสนอแนะ มาตรา 37 เงินกองทุนให้ใช้จ่ายเพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน ดังต่อไปนี้
(1) สนับสนุนการจัดตั้งหรือปรับปรุงศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางเฉพาะส่วนที่ดำเนินการโดยสำนักงาน
(2) สนับสนุนผู้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วม ซึ่งให้บริการขนส่งผู้โดยสารทางถนนและทางน้ำในการลงทุนพัฒนาระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ
- ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ควรเป็นเครื่องมือในการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดระบบตั๋วร่วมเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่เหตุใดศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางที่ดำเนินการโดยเอกชนจึงไม่สามารถรับเงินสนับสนุนจากกองทุน
- เหตุใดผู้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วม ซึ่งให้บริการขนส่งผู้โดยสารทางรางจึงไม่มีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุน
- ขอให้ สนข. พิจารณาทบทวนในการให้ศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง ที่ดำเนินการโดยเอกชนและผู้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วม ซึ่งให้บริการขนส่งผู้โดยสารทางรางมีสิทธิได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนด้วย
@ แก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน-สัญญาร่วมลงทุน 1 ปีไม่พอ
ประเด็นที่ 5 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมต้องส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่ให้ความเห็น มีข้อเสนอแนะ
- มาตรา 23 ให้ผู้รับใบอนุญาตมีหน้าที่ ดังต่อไปนี้ (5) นำส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 35 ในกรณีผู้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วมเป็นผู้รับจ้างให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา และได้รับค่าจ้างตามสัญญา และไม่ได้รับส่วนแบ่งรายได้ค่าโดยสารแต่อย่างใด ผู้รับจ้างรายดังกล่าวจะต้องนำเงินเข้ากองทุนหรือไม่ และหากต้องนำส่ง ขอให้ สนข. โปรดชี้แจงเหตุ
- มาตรา 33 ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบอนุญาตให้เอกชนประกอบกิจการขนส่งสาธารณะต้องนำอัตราค่าโดยสารร่วมที่กำหนดตามมาตรา 32 ไปใช้บังคับ โดยกำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี
- มาตรา 54 เมื่อรัฐมนตรีได้ออกกฎกระทรวงกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมตามมาตรา 32 แล้ว ในกรณีที่อัตราค่าโดยสารร่วมดังกล่าวจะกระทบต่อสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี ให้หน่วยงานของรัฐที่เป็นคู่สัญญากับเอกชนดำเนินการเจรจาเพื่อแก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี ให้สอดคล้องกับอัตราค่าโดยสารร่วมที่รัฐมนตรีกำหนดโดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงประกาศกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วม
(1) กระบวนการแก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุนเป็นกระบวนการที่ใช้ระยะเวลานาน เนื่องจากคู่สัญญาจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณาผลดี-ผลเสีย การเจรจาเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน อีกทั้งอาจมีขั้นตอนที่กำหนดไว้โดยกฎหมายที่คู่สัญญาจะต้องปฏิบัติตาม เช่น กระบวนการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุนตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.ศ. 2562 จึงมีข้อสังเกตว่า ระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงประกาศกำหนดอัตราค่าโดยสารร่วมอาจจะไม่เพียงพอ
(2) ในกรณีที่หน่วยงานของรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารร่วมกับเอกชนคู่สัญญาได้ภายในกรอบเวลาหนึ่งปีข้างต้น มีข้อสังเกตว่าเอกชนคู่สัญญาจะสามารถให้บริการสาธารณะและประกอบธุรกิจตามปกติได้หรือไม่ หากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้จะมีผลอย่างไร และสนข. มีแนวทางอย่างไรในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
(3) ในระหว่างที่หน่วยงานของรัฐและเอกชนคู่สัญญาไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารร่วม แต่เอกชนคู่สัญญาถูกกำหนดให้เป็นผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วมและต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 16 มีข้อสังเกตว่าเอกชนคู่สัญญาจะสามารถขอรับใบอนุญาตได้หรือไม่ และการที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราค่าโดยสารร่วมได้จะเป็นอุปสรรคหรือส่งผลให้เอกชนคู่สัญญาไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วมหรือไม่
- มาตรา 36 ให้ผู้รับใบอนุญาตนำส่งเงินเข้ากองทุน โดยเงินที่นำส่งเข้ากองทุนให้หักจากรายได้จากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม ทั้งนี้ ตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนดภายใต้กรอบนโยบายของคณะกรรมการตามมาตรา 9 (6) ให้หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบอนุญาตให้เอกชนประกอบกิจการขนส่งสาธารณะกำหนดให้มีการนำส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 35 (5) ไว้ในสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี
- ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ยังไม่ได้มีการนิยามคำว่า ‘รายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม’ ของผู้รับใบอนุญาตคือรายได้ส่วนใด และในกรณีผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะเป็นผู้รับจ้างตามสัญญาจ้างให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา ค่าจ้างตามสัญญาดังกล่าวเป็นรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมหรือไม่ เพราะเหตุใด
- สนข. ควรให้รายละเอียดเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ อัตรา และวิธีการหักรายได้จากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมดังกล่าวให้ชัดเจน
- ในกรณีที่มีการออกระเบียบว่าด้วยเงินที่นำส่งเข้ากองทุนแล้ว แต่หน่วยงานของรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการแก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุนกันกับทางผู้รับใบอนุญาต ผู้รับอนุญาตมีหน้าที่ต้องนำส่งเงินเข้ากองทุนหรือไม่
- ในระหว่างที่หน่วยงานของรัฐและเอกชนคู่สัญญาไม่สามารถบรรลุเกี่ยวกับการนำส่งเงินเข้ากองทุนดังกล่าว แต่เอกชนคู่สัญญาถูกกำหนดให้เป็นผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 16 มีข้อสังเกตว่าเอกชนคู่สัญญาจะสามารถขอรับใบอนุญาตได้หรือไม่ และการที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการนำส่งเงินเข้ากองทุนจะเป็นอุปสรรคหรือส่งผลให้เอกชนคู่สัญญาไม่มีคุณสมบัติที่จะได้รับใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วมหรือไม่
- ขอให้ สนข. โปรดชี้แจงและกำหนดให้ผู้รับจ้างไม่ต้องนำเงินเข้ากองทุน เนื่องจากค่าจ้างมิได้เป็นรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
- ขอให้ สนข. พิจารณาทบทวนกรอบระยะเวลาในการแก้ไขสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมงาน หรือสัญญาร่วมลงทุน แล้วแต่กรณี ให้สอดคล้องกับอัตราค่าโดยสารร่วม และขอให้ชี้แจงข้อสังเกต
- ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม ควรกำหนดนิยามคำว่า ‘รายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม’ ให้ชัดเจน และขอให้กำหนดให้ผู้รับจ้างไม่ต้องนำเงินเข้ากองทุน เนื่องจากค่าจ้างมิได้เป็นรายได้ที่เกิดจากการประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม
- การนำส่งเงินเข้ากองทุนที่หักจากรายได้ดังกล่าวควรมีหลักเกณฑ์ อัตรา และวิธีการที่เป็นธรรมและเป็นธรรมต่อผู้รับใบอนุญาต
- กองทุนควรมีช่องทางในการหารายได้จากมาตรการอื่น ๆ แทนการเรียกเก็บจากผู้รับใบอนุญาต อาทิ เช่น ส่วนแบ่งภาษีน้ำมัน ส่วนแบ่งจาก VAT หรือค่าธรรมเนียมการใช้รถส่วนตัวในพื้นที่เขตเมืองบางพื้นที่ เป็นต้น
@ ประกอบกิจการอยู่แล้วไม่ควรได้รับโทษทางอาญา
ประเด็นที่ 6 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้ใบอนุญาตประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมมีอายุสิบปีนับแต่วันที่ได้ออกใบอนุญาตหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่ให้ความเห็น มีข้อเสนอแนะ ใบอนุญาตการให้บริการขนส่งผู้โดยสารในระบบตั๋วร่วมควรต้องสอดคล้องกับระยะเวลาสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมลงทุน สัญญาว่าจ้างให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา แล้วแต่กรณี ซึ่งเป็นสิทธิที่ผู้ได้รับอนุญาตได้รับตั้งแต่ก่อนการมีผลของร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม และขอให้พิจารณาทบทวนให้ผู้รับสัมปทาน ผู้ร่วมลงทุน ผู้รับจ้างให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา ได้รับใบอนุญาตซึ่งมีอายุเท่ากับระยะเวลาสัญญาสัมปทาน สัญญาร่วมลงทุน สัญญาว่าจ้างให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา แล้วแต่กรณี
ประเด็นที่ 7 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตไม่สามารถขอรับใบอนุญาตอื่นในระบบตั๋วร่วมได้ หรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดคนละฐานความผิดกัน ขอให้พิจารณาทบทวน และขอให้ไม่กำหนดให้ผู้รับใบอนุญาตที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตไม่สามารถขอรับใบอนุญาตอื่นในระบบตั๋วร่วม
ประเด็นที่ 8 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดมาตรการปรับเป็นพินัยสำหรับผู้รับใบอนุญาตที่ไม่นำส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วมหรือไม่ แก้ปัญหาจากการร้องทุกข์จากผู้ใช้บริการหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่มีความเห็น ไม่มีข้อเสนอแนะ
ประเด็นที่ 9 ท่านเห็นด้วยกับการกำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้ประกอบกิจการระบบตั๋วร่วมโดยมิได้รับอนุญาตหรือผู้ประกอบกิจการศูนย์บริหารจัดการรายได้กลางที่ไม่ดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้หรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่ให้ความเห็น มีข้อเสนอแนะ
- มาตรา 16 ในกรณีจำเป็นเพื่อรักษาการให้บริการระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อประโยชน์ในการเสริมสร้างระบบตั๋วร่วม หรือเพื่อป้องกันความเสียหายต่อสาธารณชน ให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้การประกอบกิจการขนส่งสาธารณะใดเป็นกิจการที่ต้องใช้ระบบตั๋วร่วม และต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
- การกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการขนส่งสาธารณะจะต้องใช้ระบบตั๋วร่วมควรต้องพิจารณาถึงสิทธิที่ผู้ประกอบกิจการเหล่านั้นมีอยู่ตามกฎหมายและสัญญาเดิมที่ให้สิทธิในการประกอบกิจการอยู่แล้ว ดังนั้น ผู้ประกอบกิจการเหล่านั้นควรได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการของตนต่อไป ด้วยเหตุนี้ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่แล้วเหล่านี้จึงไม่ควรได้รับโทษทางอาญา
- บทเฉพาะกาล ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมิได้กำหนดกรอบระยะเวลาให้ผู้ประกอบธุรกิจมีระยะเวลาในเตรียมการเพื่อขอรับใบอนุญาตและปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้ จึงอาจเป็นเหตุให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติไม่สอดดคล้องกับหน้าที่ที่กำหนดเอาไว้โดยมิได้เจตนา เป็นเหตุให้ได้รับโทษปรับหรือโทษอาญา
- ขอให้ สนข. พิจารณาให้ผู้ประกอบการที่ประกอบกิจการอยู่แล้วได้รับใบอนุญาตโดยไม่ต้องยื่นขออีก
- ขอให้ สนข. พิจารณาทบทวนกำหนดกรอบระยะเวลาให้ผู้ประกอบธุรกิจมีระยะเวลาเตรียมการเพื่อขอรับใบอนุญาตและปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้
ประเด็นที่ 10 ท่านเห็นด้วยกับอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตตามที่กำหนดในบัญชีท้ายพระราชบัญญัติหรือไม่
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ : ไม่มีความเห็น มีข้อเสนอแนะ ขอให้สนข. ชี้แจงวิธีคิดและเหตุผลของการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาต
@ เพิ่มผู้แทนจากธปท. - สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ประเด็นความคิดเห็นอื่น ๆ เพิ่มเติม
นายคณากร เอกธาดานนท์ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการ :
- ‘ศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง’ หมายความว่า การให้บริการในการประมวลผลรับส่งข้อมูลและคำนวณปริมาณการใช้งาน รวมทั้งจำนวนวนเงินจากการทำธุรกรรมในระบบตั๋วร่วม
คำว่าว่า ‘ศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง’ ควรหมายถึง ‘สถานที่’ แต่เหตุใดนิยามของคำดังกล่าวกลับให้คำนิยามเป็นลักษณะการกระทำ ขอให้พิจารณาว่า คำนิยามดังกล่าวสอดดคล้องกับข้อเท็จจริงและเจตนารมณ์ของ สนข. หรือไม่
- มาตรา 5 ‘ให้มีคณะกรรมการนโยบายระบบตั๋วร่วม ประกอบด้วย ...’ ระบบตั๋วร่วมมีความเกี่ยวข้องกับระบบการชำระเงินและข้อมูลส่วนบุคคล ในปัจจุบัน กฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงินและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอยู่ภายใต้การกำกับดูแล/ควบคุมโดยธนาคาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ตามลำดับ
จึงขอให้ สนข. พิจารณาว่า มีควรเพิ่มผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ ขอให้ สนข. พิจารณาว่า มีความจำเป็นจะต้องเพิ่มผู้แทนจากธนาคารแห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
- ‘ผู้ให้บริการขนส่ง’ หมายความว่า หน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชนที่ให้บริการขนส่งสาธารณะ คำว่า ‘ผู้ให้บริการขนส่ง’ ได้นิยามว่า ‘หน่วยงานของรัฐและผู้ประกอบการภาคเอกชน’
จึงมีข้อสังเกตว่า ผู้ให้บริการขนส่งรายหนึ่งควรจะมีสถานะเป็นหน่วยงานของรัฐหรือหน่วยงานเอกชนอย่างใดอย่างหนึ่ง ขอให้พิจารณาว่าคำนิยามดังกล่าวสอดคล้องกับข้อเท็จจริงและเจตนารมณ์ของ สนข. หรือไม่
- มาตรา 39 ในการปฏิบัติหน้าที่ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้ (1) เข้าไปในสถานที่ประกอบกิจการ สถานที่ตั้ง หรือสถานที่ซึ่งรวบรวมหรือประมวลข้อมูลของผู้ประกอบกิจการระบบบตั๋วร่วม ในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก หรือในเวลาทำการของสถานที่นั้น เพื่อตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สิน รวมทั้งเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องของผู้ประกอบกิจการระบบตั๋วร่วม (3) ยึดหรืออายัดเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดตามพระราชบัญญัตินี้เพื่อประโยชน์ในการตรวจจสอบหรือการดำเนินคดี
- เมื่อพิจารณาจากร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วมแล้ว ร่าง พ.ร.บ. ได้ให้อำนาจแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ไว้อย่างกว้างขวาง เฉกเช่นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาแก่ เช่น การให้อำนาจตาม (1) และ (3) เป็นการให้อำนาจที่ทับซ้อนกับอำนาจของเจ้าหน้าที่ตำรวจและอาจจะส่งผลกระทบต่อการให้บริการระบบบตั๋วร่วมและการสืบสวนสอบสวนตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจาก สนข. ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญในกระบวนการสืบสวนสอบสวน
- การตรวจสอบสถานะของกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สิน สามารถตรวจสอบจากฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้อยู่แล้ว จึงไม่มีความจำเป็นในการให้อำนาจดังกล่าวอีก ขอให้ สนข. พิจารณาทบทวนยกเลิกการให้อำนาจตามมาตรา 39 (1) และ (3) บทเฉพาะกาล ร่าง พ.ร.บ. ตั๋วร่วม จะมีผลใช้บังดังแต่วันถัดจากวันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมิได้กำหนดกรอบระยะเวลาให้ผู้ประกอบธุรกิจมีระยะเวลาในเตรียมการเพื่อขอรับใบอนุญาตและปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้ จึงอาจเป็นเหตุให้ผู้ประกอบธุรกิจปฏิบัติไม่สอดคล้องกับหน้าที่ที่กำหนดเอาไว้โดยมิได้เจตนา เป็นเหตุให้ได้รับโทษปรับหรือโทษอาญา ขอให้ สนข. พิจารณาทบทวนกำหนดกรอบระยะเวลาให้ผู้ประกอบธุรกิจมีระยะเวลาเตรียมการเพื่อขอรับใบอนุญาตและปฏิบัติหน้าที่ที่กำหนดไว้
ทั้งหมดคือ ความเห็นในฝั่งของ 1 ในผู้ประกอบการ ที่แสดงความ ‘ไม่เห็นด้วย’ ชัดเจน ดังนั้น จึงต้องรอดูว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทย และนายสุริยะ จะชั่งน้ำหนักอย่างไร เพราะเปล่งวาจาเป็นสัญญาประชาคมไปแล้วว่า ไม่เกินกันยายน 2568 นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ‘ทำได้จริง’ แน่นอน