“…ทุกสายตานับจากนี้ เชื่อว่า คนที่รัก-ไม่ชอบ ‘ทักษิณ’ คงจับตาปรากฏตัวบนเวทีกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย เพื่อจับสัญญาณวาระทางการเมืองที่ต้องการส่งไปถึงมิตร-ศัตรูทางการเมืองอย่างไร ส่วนจะเข้าข่ายครอบงำ-ครอบครองหรือไม่ กกต.เท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้…”
วาทะของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ผู้ทรงอิทธิพลทางความคิดของพรรคเพื่อไทย-ฐานะวิทยากรในงานสัมมนาพรรคเพื่อไทย ภายใต้หัวข้อ ‘โครงการเสริมศักยภาพ สส.และบุคลากรทางการเมือง’ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2567 ที่โรงแรมม อินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน สั่นสะเทือนไปถึงทุกองคาพยพ
ทั้งในขั้วเดียวกัน-พรรคร่วมรัฐบาล
“เมื่อ 2 วันก่อน มีการเอา ร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เข้าครม. ปรากฏว่า มีพรรคร่วม พรรคหลบ ป่วย อย่างนี้มันไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันมันต้องด้วยกันดิ ไม่อยากอยู่ต้องบอกกันให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอก ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี”
ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมา ง่าย ๆ ก็อยู่ อยู่ ไม่อยู่ ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน คุณแถลงนโยบายเสร็จ คุณยกมือ เห็นด้วย พอได้เก้าอี้รัฐมนตรีแล้ว ค่อย ๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา
พรรคร่วมรัฐบาลต้องทำงานด้วยกันแบบร่วมกันจริง ๆ ตรงไปตรงมา มีอะไรไม่พอใจพูดกัน แต่สิ่งไหนที่เป็นนโยบายรัฐบาล ต้องทำ เพราะเราสนับสนุนร่วมกันมาแล้ว ไม่ใช่ได้ตำแหน่งแล้ว ไม่เอาแล้ว เรามาจากกลไกกระบวนการประชาธิปไตย ง่ายจะตาย มีหลายอ็อปชั่น
“อยากจะส่งสัญญาณให้รู้ว่า วันนั้นไม่สวยเลยนะ ที่มีการหลบ ลา ปุ๊บปั๊บ ๆ ๆ หายไป พอ พ.ร.ก.เข้า ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องภาษี เป็นเรื่องของ Pillar Two ของ OECD คนละเรื่องเลย หนีไปก่อน ไม่ดี ลูกผู้ชาย มาด้วยกัน ไปด้วยกันนะ ฝากทุกพรรคให้รู้ว่า การทำงานร่วมกันง่ายมาก ตรงไปตรงมา”
รวมถึงขั้วตรงข้าม องค์กรอิสระ-นักร้อง (เรียน)
“ผมไม่หมูแล้วนะ เพราะงั้นคนที่ร้องผม ร้องพรรค ร้องแล้วไม่สำเร็จ เตรียมถูกเช็กบิลด้วยแล้วกันนะ คนไม่มีอาชีพ มีฐานะและความเป็นอยู่ดีกว่าคนมีอาชีพ ถ้าสรรพากรได้ยิน ป.ป.ง.ได้ยิน ก็ไปตรวจสอบเอาเองแล้วกัน ผมไม่เกี่ยว”
“วันนี้องค์กรไม่เกี่ยวข้องไปทำงานเฮงซวยก็มี บางคน บางองค์กรถูกไล่ออกจากงานตอนสมัยไอทีวี ก็มาหาเรื่องผม ซึ่งผมไม่รู้เรื่องเลย คนไทยเจ้าคิดเจ้าแค้น ผม 17 ปี คนเล่นงานผมไม่รู้เท่าไหร่ เจ็บที่สุด ผมยังเฉย ๆ ยกหูหา จบนะ แต่เสร็จแล้วไม่จบ ไม่จบก็เตะกันคนละที ไม่เห็นเป็นไรเลย”
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลจากเว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยพรรคเพื่อไทยได้ส่งแผนหรือโครงการที่จะดำเนินกิจกรรม ในปี 2568 – เป็นปีต่อไปที่ทุกสายตาจับจ้องการปรากฏกายของผู้ชายที่ชื่อ ‘ทักษิณ ชินวัตร’
1.โครงการส่งเสริมกระบวนการเรียนรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม ประจำปี 2568
หลักการและเหตุผล : พรรคเพื่อไทยเน้นและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการให้ความรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายฉบับสำคัญๆ เพื่อให้สมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไปได้รับรู้และเข้าใจอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนออุดมการณ์ นโยบายพรรด ตลอดจนแผนปฏิบัติการที่จะทำให้แนวคิดต่าง ๆ เป็นจริง และเป็นรูปธรรม อันเป็นประโยชน์กับประชาชนโดยทั่วไป ดังนั้นการให้ความรู้กับสมาชิกพรรคและประชาชน จึงจำเป็นต้องให้สมาชิกพรรด และประชาชนมีส่วนร่วมในกิจกรรม กระบวนการให้ความรู้จึงได้กำหนดรูปแบบกิจกรรมไว้หลายรูปแบบ เช่น การอบรมสัมมนา การเสวนา การจัดนิทรรศการ ตลอดจนการบรรยายให้ความรู้ ทั้งนี้และทั้งนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับกลุ่มผู้เข้าร่วมอบรมสัมมนา
วัตถุประสงค์โครงการ :
- เพื่อให้สมาชิกพรรค และประชาชนทั่วไปที่สนใจได้รับความรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม รวมทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายฉบับสำคัญๆ
- เพื่อให้สมาชิกและประชาชนทั่วไปได้เข้าใจถึงอุดมการณ์ กรอบแนวคิดทางการเมือง และความคืบหน้าในการผลักดันนโยบายของพรรคในด้านต่างๆ ตามที่ได้ประกาศไว้กับประชาชน
- เพื่อให้สมาชิกพรรค และประชาชนทั่วไป ได้มีเวทีแสดงความคิดเห็น เสนอแนะ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างเสรี และรู้จักเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างกัน
- เพื่อให้ผู้เข้ารับการอบรม สามารถนำข้อมูลความรู้ที่ได้รับไปถ่ายทอดต่อๆ ไปไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ชุมชน สังคม ได้อย่างถูกต้องยิ่งขึ้น
วิธีดำเนินการ : จัดอบรมสัมมนาให้ความรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และรับฟังความคิดของสมาชิกพรรด และประชาชนทั่วไป จำนวน 15 ครั้ง ๆ ละ 150 คน
กลุ่มเป้าหมาย: สมาชิกพรรด และประชนทั่วไป จำนวน 2,250 คน
ระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการ : จำนวน 15 ครั้ง ๆ ละ 1 วัน ระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2568 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
งบประมาณ: จำนวน 1,122,000 บาท ประกอบด้วย
- ค่าอาหาร 675,000 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 225,000 บาท
- ค่าตอบแทนวิทยากร 72,000 บาท
- ค่าสถานที่จัดสัมมนา 75,000 บาท
- ค่าวัสดุ และอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม 75,000 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
- สมาชิกพรรค และประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมสัมมนาได้ความรู้ทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม เพิ่มขึ้น
- ประชาชนทั่วไปเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตนเอง และพรรคการเมืองมากขึ้น โดยการเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้น เพื่อมีส่วนรวมในการเสนอแนะนโยบาย แสดงความคิดเห็นต่อพรรค และคัดเลือกบุคคลสมาชิกเพื่อส่งเข้าสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
- พรรคมีสมาชิกพรรคที่มีคุณภาพพร้อมที่จะสนับสนุนกิจกรรม และมีส่วนร่วมทางการเมืองกับพรรคเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรดต่อไปในอนาคต
- พรรคมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพเป็นแกนนำในการขยายฐานสมาชิก รวมถึงสามารถยกระดับให้เป็นนักการเมืองในระดับต่างๆ ของพรรคในการเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ สส. ของพรรครวมถึงนักการเมืองของพรรค มีกิจกรรมให้สมาชิกพรรค และประชาชนทั่วไปเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองตามแนวนโยบายของพรรค
2.โครงการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ประจำปี 2568
หลักการและเหตุผล : กรรมการบริหารพรรค ผู้แทนของสาขาพรรค ตัวแทนพรรดประจำจังหวัด ผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค และตัวแทนสมาชิกพรรด ในแต่ละพื้นที่ควรมิโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับทราบผลการดำเนินงานของพรรดตลอดปีที่ผ่านมารวมถึงแผนการดำเนินงาน แนวทางการปฏิบัติงาน นโยบายของพรรคในรอบปีถัดไป
วัตถุประสงค์โครงการ :
- เพื่อให้ตัวแทนสมาชิกพรรคมาประชุมแลกเปลี่ยนความความ
- เพื่อให้ตัวแทนสมาชิกพรรครับทราบถึงผลการดำเนินงานของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา
- เพื่อให้ตัวแทนสมาชิกพรรครับทราบแนวทางการดำเนินงานนโยบายและข้อบังคับพรรคในอนาคต
- เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บริหารพรรค กับตัวแทนสมาชิกพรรค
วิธีดำเนินการ : จัดประชุมใหญ่พรรค จำนวน 1 ครั้ง
กลุ่มเป้าหมาย : กรรมการบริหารพรรค ผู้บริหารพรรค สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ตัวแทนของสาขาพรรค ตัวแทนพรรคประจำจังหวัด และตัวแทนสมาชิกพรรค จำนวน 500 คน
ระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการ: จำนวน 1 วัน ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2568
งบประมาณ: จำนวน 361,400 บาท ประกอบด้วย
- ค่าอาหาร 150,000 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 50,000 บาท
- ค่าสถานที่จัดประชุม 21,400 บาท
- ค่าเวที ค่าบริการจ้าง เหมาค่าวัสดุ และอุปกรณ์ 140,000 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ:
- สมาชิกพรรคได้รับทราบผลการดำเนินงานของพรรดที่ผ่านมา ทิศทางและแนวทางการดำเนินกิจกรรมของพรรคต่อไป
- ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตัวแทนสมาชิก กับผู้บริหารพรรค
- ตัวแทนสมาชิกพรรด และผู้บริหารของพรรค มีเวทีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
3.โครงการประชุมใหญ่สาขาพรรค ประจำปี 2568
หลักการและเหตุผล: กรรมการสาขาพรรค และสมาชิกพรรคในท้องที่สาขาพรรคได้มีโอกาสได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับทราบผลการดำเนินงานของสาสาขาพรรคตลอดปีที่ผ่านมา นอกจากนี้สมาชิกพรรคจะได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติงานของสาขาพรรคในปีต่อไป
วัตถุประสงค์โครงการ :
- เพื่อให้กรรมการสาขาพรรค และตัวแทนสมาชิกสาขาพรรคได้มาประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
- เพื่อให้ตัวแทนสมาชิกสาขาพรรครับทราบถึงผลการดำเนินงานของสาขาพรรคในรอบปีที่ผ่านมา
- เพื่อให้ตัวแทนสมาชิกสาขาพรรครับทราบแนวทางการดำเนินการของพรรคในปีต่อไป
- เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกรรมสาขาพรรค กับตัวแทนสมาชิกสาขาพรรค
วิธีดำเนินการ : จัดประชุมใหญ่สาขาพรรค 9 สาขา ๆ ละ 1 ครั้ง
กลุ่มเป้าหมาย: คณะกรรมการสาขาพรรค และตัวแทนสมาชิกพรรคที่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่ของสาขาพรรค จำนวน สาขาละ 150 คน รวม 1,350 คน
ระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการ : สาขาละ 1 วัน ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ถึงวันที่ 30 เมยายน 2568
งบประมาณ: จำนวน 1,062,000 บาท ประกอบด้วย
- ค่าอาหาร 405,000 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 135,000 บาท
- ค่าสถานที่จัดประชุม 72,000 บาท
- ค่าวัสดุ และอุปกรณ์ในการจัดประชุม 45,000 บาท
- ค่าพาหนะผู้เข้าร่วมประชุม 405,000 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
- ตัวแทนสมาชิกสาขาพรรคได้รับทราบถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของสาขาพรรค และแนวทางที่จะดำเนินการต่อไป
- สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างคณะกรรมการสาขาพรรค และตัวแทนสมาชิกสาขาพรรด
- ช่วยให้พรรคสามารถบรรลุเป้าหมายของกิจกรรมและยุทธศาสตร์ที่วางไว้ในส่วนของสาขาพรรค สามารถขับเคลื่อนงานทางด้านการเมืองของพรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นส่วนหนึ่งในการที่จะพัฒนาให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองที่เข็มแข็ง
4.โครงการประชุม สส.และบุคลากรทางการเมือง ประจำสัปดาห์ ประจำปี 2568
หลักการและเหตุผล : พรรคเพื่อไทยให้ความสำคัญในเรื่องนโยบายของพรรคอย่างจริงจัง และมีการระดมความคิดจากฝ่ายต่างๆ ในการสร้างนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน รวมไปถึงมีการนำเสนอให้ประชาชนได้ทราบและศึกษาถึงแนวความคิดของนโยบายจนสามารถพิสูจน์ได้ว่าสามารถปฏิบัติได้จริงจนนำไปสู่การเป็นนโยบายรัฐบาลต่อไป ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นถึงความสำคัญของการประชุม สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางหนึ่งที่สำคัญในการระดมความคิดเห็น แลกเปลี่ยนและนำเสนอนโยบายต่างๆ หรือแนวทางการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองตามสถานการณ์ต่างๆ ทางการเมืองไปปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมก่อให้เกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารประเทศ และการสนองความต้องการของประชาชนอย่างรวดเร็วตรงต่อความต้องการ และทันต่อสถานการณ์ทางการเมืองนั้น
วัตถุประสงค์โครงการ:
- เพื่อให้ สส. ผู้บริหารพรรค และบุคลากรทางการเมืองของพรรคได้มีโอกาสประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเสนอแนะแนวทางแก่ไข เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองเศรษฐกิจและสังคม
- เพื่อให้ สส. ผู้บริหารพรรคและบุคลากรทางการเมืองของพรรค ได้ทราบถึงผลการดำเนินการของพรรคและสามารถร่วมแสดงความคิดเห็นต่อที่ประชุม
- เพื่อให้ สส. ผู้บริหารพรรคและบุคลากรทางการเมืองของพรรคได้ทราบแนวทางการดำเนินงานของพรรคเพื่อดำเนินกิจกรรมทางการเมืองไปในทางทิศทางเดียวกัน
- เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้บริหารพรรคกับ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค
วิธีดำเนินการ : จัดประชุม สส. และบุคลากรทางการเมือง ประจำสัปดาห์ จำนวน 48 ครั้ง
กลุ่มเป้าหมาย : สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และบุคลากรทางการเมืองของพรรค จำนวน 150 - 300 คน / ครั้ง
ระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการ : จำนวน 48 ครั้ง ระหวางวันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
งบประมาณ : จำนวน 7,270,080 บาท ประกอบด้วย
- ค่าอาหาร 4,320,000 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 1,440,000 บาท
- ค่าเช่าสถานที่ประชุม 1,438,080 บาท
- ค่าวัสดุ และอุปกรณ์ในการจัดประชุม 72,000 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
- สส. ผู้บริหารพรรคและบุคลากรทางการเมืองของพรรคได้มีกิจกรรมพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
- สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรคใช้เป็นเวทีในการถ่ายทอดปัญหาความเดือดร้อนและความต้องการที่แท้จริงของประชาชนผ่านทางผู้บริหารพรรคเพื่อเสนอต่อรัฐบาลในการหามาตรการช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องและตรงต่อความต้องการ
- สส. ผู้บริหารและบุคลากรทางการเมืองของพรรคดำเนินกิจกรรมทางการเมืองไปในทิศทางเดียวกัน
- สส. ของพรรคสามารถนำข้อมูลที่ได้จากการประชุมพรรคในแต่ละสัปดาห์ไปดำเนินการต่อในการประชุมที่รัฐสภา
- มีเวทีให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ได้เรียนรู้ต่อการพูดในที่สาธารณะและได้แสดงความคิดเห็นในมุมมองของนักการเมืองรุ่นใหม่สะท้อนไปถึงนักการเมืองรุ่นเก่า
5.โครงการเสริมศักยภาพ สส.และบุคลากรทางการเมือง ประจำปี 2568
หลักการและเหตุผล: ในปัจจุบันพรรคเพื่อไทยมี สส.แบบแบ่งเขต และมีบุคลากรทางการเมืองที่มีคุณภาพเป็นจำนวนมาก ดังนั้น พรรคจึงเห็นความสำคัญของ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรคว่าควรได้มีโอกาสพบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และทราบถึงผลการดำเนินงานของพรรค ตลอดจนแนวทางการดำเนินงานที่จะปฏิบัติต่อไป และนำสิ่งเหล่านั้นไปปฏิบัติ ดำเนินการให้เป็นรูปธรรม อีกทั้งใช้เป็นข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และสมาชิกในพื้นที่ของ สส. แต่ละท่าน ซึ่งจะก่อให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุดของประชาชน และประเทศชาติ
วัตถุประสงค์โครงการ:
- เพื่อให้ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค มาประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
- เพื่อให้ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค ได้รับทราบถึงผลการดำเนินงานของพรรคในรอบปีที่ผ่านมา
- เพื่อให้ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค ได้รับทราบถึงการดำเนินงานของพรรคในอนาคต
- เพื่อให้ สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค ได้สร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันพัฒนาระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมทั้งการพัฒนาพรรคการเมืองให้เป็นสถาบันทางการเมืองของประชาชน
วิธีดำเนินการ : จัดสัมมนา จำนวน 1 ครั้ง
กลุ่มเป้าหมาย : สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค จำนวน 250 - 300 คน
ระยะเวลาคาดว่าจะดำเนินการ : จำนวน 2 วัน 1 คืน ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568
งบประมาณ : จำนวน 914,000 บาท ประกอบด้วย
- ค่าอาหาร 360,000 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 120,000 บาท
- ค่าที่พัก 360,000 บาท
- ค่าพาหนะเดินทาง 64,000 บาท
- ค่าวัสดุ และอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม 10,000 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
- เกิดความสัมพันธ์อันดีระหว่าง สส. และบุคลากรทางการเมือง ผู้บริหารพรรค
- สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค มีเวทีให้แลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
- สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค ได้ทราบถึงทิศทางการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรค
- สส. และบุคลากรทางการเมืองของพรรค ช่วยกันพัฒนาพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่มั่นคง เข้มแข็ง และเป็นที่พึ่งของประชาชน
6.โครงการเสริมศักยภาพเจ้าหน้าที่พรรคและอาสาสมัคร ประจำปี 2568
หลักการและเหตุผล: ปัจจุบันเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ และยุทธศธศาสตร์ชาติสร้างกรอบข้อจำกัดต่างๆ ที่มีผลต่อการดำเนินกิจการของพรรค ประสิทธิภาพเจ้าหน้าที่พรรคและอาสาสมัครของพรรค จึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งควรมีการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ต่อการดำเนินงานของพรรค โดยอบรมความรู้ความเข้าใจให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามกฎหมาย
วัตถุประสงค์โครงการ :
- ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่พรรคและอาสาสมัครของพรรค มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การใช้สิทธิและเสรีภาพอย่างมีเหตุผล และมีความรับผิดชอบต่อสังคม และความรู้เกี่ยวกับหน้าที่ของปวงชนชาวไทย
- อบรมให้ความรู้ความเข้าใจแก่เจ้าหน้าที่พรรคเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญและยุทธศาสตร์ชาติ
- อบรมเพื่อสร้างความรู้ เสริมทักษะและความสามารถต่างๆ ให้แก่เจ้าหน้าที่พรรค และอาสาสมัครของพรรค
- เพื่อให้เจ้าหน้าที่พรรด และอาสมัครของพรรค ได้พัฒนาศักยภาพมากขึ้น เพื่อเป็นส่วนสนับสนุนพรรดให้มีความเข้มแข็ง ก้าวหน้า และมั่นคง
- พัฒนาเจ้าหน้าที่พรรค และอาสาสมัครของพรรค เพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนให้พรรคมีความก้าวหน้าทัดเทียมสากล
วิธีดำเนินการ : จัดสัมมนา และทำกิจกรรม Work Shop จำนวน 1 ครั้ง
กลุ่มเป้าหมาย : เจ้าหน้าที่พรรค และอาสาสมัครของพรรค จำนวน 80 - 100 คน
ระยะเวลาที่คาดว่าจะดำเนินการ: จำนวน 3 วัน 2 คืน ระหว่างวันที่ 1 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568
งบประมาณ: จำนวน 534,000 บาท ประกอบด้วย
- ค่าอาหาร 160,000 บาท
- ค่าอาหารว่างและเครื่องดื่ม 50,000 บาท
- ค่าที่พัก 160,000 บาท
- ค่าจ้างเหมาหลักสูตรการจัดสัมมนา 35,000 บาท
- ค่าพาหนะเดินทาง 114,000 บาท
- ค่าวัสดุ และอุปกรณ์ในการจัดกิจกรรม 15,000 บาท
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ:
- เจ้าหน้าที่พรรคได้มีโอกาสพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนะคติ ปัญหา และข้อเสนอแนะในด้านต่างๆ ให้กับผู้บริหารพรรคได้รับทราบ
- เจ้าหน้าที่พรรคมีความกระตือรือร้นต่อการเรียนรู้และการทำงานมากยิ่งขึ้น และปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกัน มีแนวความคิดในการทำงานที่สามารถตอบสนองความต้องการของฝ่ายการเมืองได้
- เจ้าหน้าที่พรรคมีความรู้ความสามารถในสาขาวิชาชีพ และปฏิบัติงานได้เต็มความสามารถ สามารถนำความรู้ที่ได้รับมาปรับใช้กับงานที่ รับผิดชอบให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น พร้อมทั้งส่งเสริมให้การดำเนินงานของพรรคเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
- เจ้าหน้าที่พรรคและอาสาสมัครของพรรค มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การใช้สิทธิเสรีภาพอย่างมีเหตุผลมีความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นส่วนหนึ่งที่จะพัฒนาให้พรรคเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็งต่อไป
ในปี 2568 จะเป็นปีที่การเมืองร้อนระอุ เพราะ ‘คดียุบพรรคเพื่อไทย’ ที่อยู่ในมือ ‘กกต.’ เริ่มนับ 1 ภายหลังรับคำร้อง-คณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงอยู่ระหว่างเรียกผู้ร้อง-ผู้ถูกร้องมาให้ถ้อยคำชี้แจงกรณี ‘ทักษิณ’ ครอบงำ พรรคเพื่อไทย หรือไม่
โดย กกต. ได้ทำหนังสือถึง ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวพรรคเพื่อไทย ให้มาชี้แจงว่า การที่หัวหน้าพรรคพรรคร่วมรัฐบาลเข้าไปที่ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ ในคืนที่ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ โดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นการถูกครอบงำหรือไม่ โดย ‘ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย’ ได้รับหนังสือดังกล่างแล้วและจะทำหนังสือชี้แจง กกต.กลับไปภายในวันที่ 8 มกราคม 2568
ทุกสายตานับจากนี้ เชื่อว่า คนที่รัก-ไม่ชอบ ‘ทักษิณ’ คงจับตาปรากฏตัวบนเวทีกิจกรรมของพรรคเพื่อไทย เพื่อจับสัญญาณวาระทางการเมืองที่ต้องการส่งไปถึงมิตร-ศัตรูทางการเมืองอย่างไร ส่วนจะเข้าข่ายครอบงำ-ครอบครองหรือไม่ กกต.เท่านั้นที่จะตอบคำถามนี้