"...การที่ ‘นายใหญ่ค่ายแดง’ ที่ปักธงลงพื้นที่ จ.อุดรฯ อาจบอกได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณ ‘ชักธงรบ’ แบบกลาย ๆ ว่า พร้อมแล้วสำหรับการทวงคืนฐานเสียงเดิมจาก ‘ค่ายส้ม’ หลังต้องเสียไปไม่น้อย กับการจัดตั้ง ‘รัฐบาลผสม’ หลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา..."
นับเป็นการเปิดหน้ารุกทางการเมือง ‘หน้าม่าน’ ครั้งแรกของ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี จากการลงพื้นที่ จ.อุดรธานี ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย ‘ป๊อป’ ศราวุธ เพชรพนมพร อดีต สส.อุดรฯ และผู้สมัครนายก อบจ.อุดรธานี ของพรรค เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เนื้อหาการปราศรัยบางห้วงบางตอน มีเล่าถึงฉากเหตุการณ์รัฐประหาร 2549 และปี 2557 (ยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว) เรียกเสียงอ้อนจากมวลชน
ขณะเดียวกันเปิดฉากพาดพิงถึง ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ประธานคณะก้าวหน้า ที่ใครหลายคนขนานนามเขาว่า ‘ศาสดาสีส้ม’ ในประเด็นการพูดคุยเรื่องประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
โดยอ้างว่าเป็นสาเหตุสำคัญที่ ‘พรรคเพื่อไทย’ ไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับ ‘พรรคก้าวไกล’ หลังการเลือกตั้ง 2566 (ชื่อพรรคขณะนั้น) ได้
@ ทักษิณ ชินวัตร ภาพจากไทยพีบีเอส
แต่ ‘ธนาธร’ ไม่ปล่อยให้ถูกพาดพิงนาน เขาสวนกลับถึง ‘ทักษิณ’ ทันควัน ยืนยันว่า ประเด็นการหารือเรื่องมาตรา 112 นั้น ไม่ใช่ ‘สาเหตุ’ ที่ทำให้ ‘ส้ม-แดง’ จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้
พร้อมซัดกลับไปยัง ‘นายใหญ่’ ว่า ตัวเองน่าจะรู้ดีที่สุดว่าเกิดจากเหตุผลอะไรกันแน่ แถมชี้ให้เห็นว่า ‘ทักษิณ’ น่าจะเป็นคนที่เข้าใจปัญหาโครงสร้างดีที่สุด แทนที่จะร่วมแก้ปัญหา กลับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา
การเปิดหน้ารบระหว่าง ‘ผู้นำจิตวิญญาณแดง’ กับ ‘ศาสดาสีส้ม’ ครั้งนี้ สะเทือนไปยังฐานเสียงแฟนคลับของทั้ง 2 ฝ่าย หลังจากก่อนหน้านี้นิ่งกันมา เนื่องจากมีกระแสข่าวว่า ‘ค่ายแดง-ค่ายส้ม’ พร้อมสงบศึกชั่วคราว หวังผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการนิรโทษกรรมทางการเมือง ซึ่งอาจพ่วงคดีตามมาตรา 112 เข้าไปด้วย ไม่ว่าจะมีเงื่อนไขหรือไม่ก็ตาม
อย่างไรก็ดีหลังจากการแก้รัฐธรรมนูญแบบรายมาตรา ถูกพับเก็บลงไป เพราะเจอคำเตือนจาก ‘มือมืดหลังฉาก’ แถมด้วยมติที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ตีตกผลการศึกษาการนิรโทษกรรมมาตรา 112 ลงไป โดยเฉพาะ ‘พรรคเพื่อไทย’ ได้ร่วมลงมติอย่างท่วมท้นในการตีตกเรื่องนี้นั้น ย่อมส่งผลให้ ‘ค่ายส้ม’ กลับมาเปิดฉากรบกับ ‘ค่ายแดง’ อีกครั้งทันที
โดยเริ่มจากขยี้ ‘คดีตากใบ’ ไล่เรียงมาถึงประเด็นรัฐบาลเตรียมเปิดสัมปทานซื้อขายไฟฟ้า ส่อเอื้อ ‘กลุ่มทุนใหญ่’ แม้แต่ ‘ธนาธร’ ยังเล่นใหญ่ ทำจดหมายเปิดผนึกถึง ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ถึงเรื่องนี้เลยด้วยซ้ำ นั่นจึงทำให้ ‘นายใหญ่’ ไม่อาจอยู่นิ่งได้ จำเป็นต้องออกมา ‘หน้าฉาก’ เพื่อสยบความเคลื่อนไหว
แม้ว่าพื้นที่ จ.อุดรธานี หลายคนอาจได้ยินคำกล่าวขานว่าเป็น ‘เมืองหลวงคนเสื้อแดง’ มาช้านาน แต่ต้องไม่ลืมว่าในการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา ‘ค่ายส้ม’ สามารถ ‘เจาะไข่แดง’ พื้นที่นี้ได้สำเร็จเป็นครั้งแรก แถมคะแนน ‘ปาร์ตี้ลิสต์’ ของจังหวัดนี้ ‘ค่ายส้ม’ ก็ตามมาเป็นลำดับ 2 สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น และ ‘แดงรากหญ้า’ เริ่มเปลี่ยนเป็น ‘ส้มรากหญ้า’ กันแล้ว
ดังนั้นการที่ ‘นายใหญ่ค่ายแดง’ ที่ปักธงลงพื้นที่ จ.อุดรฯ อาจบอกได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณ ‘ชักธงรบ’ แบบกลาย ๆ ว่า พร้อมแล้วสำหรับการทวงคืนฐานเสียงเดิมจาก ‘ค่ายส้ม’ หลังต้องเสียไปไม่น้อย กับการจัดตั้ง ‘รัฐบาลผสม’ หลังการเลือกตั้งปี 2566 ที่ผ่านมา
ว่ากันว่าการลงพื้นที่ปราศรัยหาเสียงที่ จ.อุดรฯ เป็นเพียง ‘หมุดหมายแรก’ ในการเดินทางเท่านั้น หลังจากนี้คาดกันว่า ‘นายใหญ่’ อาจทยอยลงพื้นที่อีกหลายจังหวัด เพื่อเก็บแต้มเตรียมกรำศึกชิงนายก อบจ.ที่จะเกิดขึ้นอีกหลายครั้งตั้งแต่ปลายปี 2567 นี้ ลากยาวไปถึงการเลือกตั้งนายก อบจ.แบบบิ๊กล็อตในวันที่ 1 ก.พ. 2568
แน่นอนว่า ‘บิ๊กสีส้ม’ ย่อมรู้แผนการนี้เป็นอย่างดี จึงเริ่มปฏิบัติการโต้กลับ ทั้งการรุกฆาตจุดอ่อนของรัฐบาลชุดนี้คือ ประเด็น ‘นักโทษ ชั้น 14’ ที่ กมธ.หลายคณะซึ่ง ‘ค่ายส้ม’ คอนโทรลอยู่ เริ่มเจาะเน้นไปที่เรื่องนี้ ขณะเดียวกันยังเปิดประเด็นเรื่องสัมปทานไฟฟ้าของรัฐบาล ที่ สส.พรรคประชาชน (ปชน.) ทยอยแถลงข่าวแทบจะรายวันในช่วงนี้ ส่วนอีกทางหนึ่ง ‘ค่ายส้ม’ ยังคงมุ่งมั่นชูเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยใช้ ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% เพื่อร่าง รวมถึงประเด็น ‘นิรโทษกรรม’ ที่ยังไม่ยอมแพ้ และยังเตรียมชงเรื่องเข้าสู่สภาฯอยู่
@ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ภาพจาก th.wikipedia.org
ในทางท้องถิ่น ‘คณะก้าวหน้า’ ผ่องถ่ายภารกิจนี้มาให้ ‘พรรคส้ม’ ดำเนินการ 100% โดยมี ‘ศรายุทธิ์ ใจหลัก’ เลขาธิการ ปชน. เพื่อนซี้ย่ำปึ้ก ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ เป็นหัวเรือใหญ่ดำเนินการ เริ่มกรุย ‘ปักธง’ คัดสรรผู้สมัครนายก อบจ. เบื้องต้นได้แล้ว 12 จังหวัด และคาดว่ายังมีอีกหลาย 10 จังหวัดทยอยเปิดตัวออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งการคัดสรรครั้งนี้ ได้ยินมาว่าค่อนข้าง ‘เข้มข้น’ เฟ้นหาเฉพาะ ‘ดีเอ็นเออนาคตใหม่’ มาล้วน ๆ เพื่อป้องกัน ‘งูเห่า’ หรือถูก ‘บ้านใหญ่’ ที่มีอิทธิพลในการเมืองท้องถิ่นกลืนกินไป
ที่สำคัญในเมื่อ ‘ทักษิณ’ เปิดหน้ารบทางการเมืองแบบเต็มตัว บรรดา ‘ขุนพลค่ายส้ม’ ไม่นิ่งนอนใจ ยังใช้บริการ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ซึ่งได้รับความนิยมทางการเมืองสูงอยู่ แม้จะพ้นเก้าอี้ สส.และถูกแบนทางการเมือง จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปแล้วก็ตาม
เพราะปัจจุบันสาเหตุที่คะแนนนิยม ‘พรรคส้ม’ ลดลง เนื่องจาก ‘เท้ง’ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ปชน.คนปัจจุบัน อาจยังพรรษาทางการเมืองไม่แก่กล้าพอที่จะต่อกรกับ ‘ค่ายสีแดง’ แถมยังไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนเท่าที่ควร โดยโพลที่ออกมาหลายครั้งชี้ให้เห็นว่า ประชาชนยังรู้จัก ‘ไหม’ ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค ปชน. มากกว่า นอกจากนี้ประชาชนบางพื้นที่ ยังคงไม่รู้จักหน้าค่าตาหัวหน้าพรรคส้มคนนี้ด้วยซ้ำ
จึงจำเป็นต้องใช้บริการ ‘หน้าเก่า’ อย่าง ‘พิธา’ และหัวขบวนอดีตพรรคก้าวไกล หรือแกนนำคณะก้าวหน้า คอยประคับประคองไปพลางก่อน
การแย่งชิงฐานมวลชนของพรรคใหญ่ อันดับ 1 และ 2 บนกระดานการเมืองไทยหลังจากนี้น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง
ต่างฝ่ายต่างมั่นใจต้องการ ‘แลนด์สไลด์’ เพื่อหวังจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ชี้ชะตาอนาคตประเทศไทย จะเดินไปในทิศทางไหนหลังจากนี้