"...สำหรับวลีเด็ด “มันจบแล้วครับนาย” ถึง ‘เนวิน’ และบิ๊กเนมค่ายสีน้ำเงินจะออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยพูด แต่คนที่บอกเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะเป็นคนแรกคือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เอง โดยอ้างว่าเป็นประโยคที่ ‘เนวิน’ พูดกับเขาทางโทรศัพท์ โดยกลุ่มเนวินจะไม่สนับสนุนทักษิณอีกต่อไปแล้ว..."
กระแสข่าว ‘เนวิน ชิดชอบ’ เข้าพบ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เมื่อ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา ได้รับการยืนยันจาก ‘เสี่ยหนู’ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย ว่า “เป็นความจริง” แม้จะบอกเพียงว่าเป็นแค่การทานข้าวเพื่ออวยพรวันเกิดย้อนหลังของ ‘ครูใหญ่ค่ายน้ำเงิน’ ก็ตาม
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้ ทำให้หวนนึกถึงตำนานวลีเด็ด “มันจบแล้วครับนาย” ที่เกิดขึ้นเมื่อ 16 ปีก่อน
สำหรับคอการเมืองรุ่นเก๋าน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ตั้งแต่ปลายทศวรรษปี 2540 ‘เนวิน ชิดชอบ’ และ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ คือ ‘เจ้านาย-น้องรัก’ เดินเคียงบ่าเคียงไหล่ฟันฝ่าเส้นทางการเมือง สู้รบปรบมือกับ ‘ค่ายสีฟ้า’ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) มาโชกโชน
โดยตัวเขาเคยนั่งเก้าอี้เสนาบดีอย่างน้อย 4 ครั้ง กับ 3 รัฐบาล ได้แก่ รมช.คลัง (รัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา) รมช.เกษตรและสหกรณ์ (รัฐบาลชวน หลีกภัย 2) รมช.พาณิชย์ และ รมต.ประจำสำนักนายกฯ (รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร 2)
@ เนวิน ชิดชอบ
สำหรับ ‘เนวิน’ เขาคือนักการเมืองระดับ ‘เขี้ยวลากดิน’ คนหนึ่งในยุทธจักรการเมืองไทย เดินตามรอยบิดา ‘ปู่ชัย ชิดชอบ’ ลงเล่นการเมือง ลงเลือกตั้ง สส.ครั้งแรกปี 2531 สังกัดพรรคสหประชาธิปไตย และได้รับชัยชนะ ก่อนจะย้ายไปสังกัดพรรคสามัคคีธรรม และพรรคชาติไทย
เขาคือหนึ่งในสมาชิก ‘กลุ่ม 16’ อันลือชื่อในประวัติศาสตร์การเมืองไทยด้วย ซึ่งมีผลงานโดดเด่นจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ‘ชวน หลีกภัย’ กรณีแจกที่ดิน สปก.4-01 ทำให้ต้อง ‘ยุบสภา’ ในเวลาต่อมา โดยระหว่างปี 2531-2549 ที่เขาลงสมัคร สส.นั้น มีเพียง 1 ครั้งที่เขา ‘สอบตก’ นั่นคือปี 2544 ที่สังกัดพรรคชาติไทย
ในช่วงท้ายของรัฐบาลทักษิณ 2 ก่อนถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 นั้น ‘เนวิน’ คือหนึ่งใน ‘คนใกล้ชิด’ ร่วมนั่ง ‘วอร์รูม’ เพื่อปฏิบัติการ ‘ต้านรัฐประหาร’
แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าฝ่ายทักษิณพ่ายแพ้ โดยว่ากันว่า เขาคือคนวงใน และอาจมีส่วนเกี่ยวข้องเบื้องหลังจัดตั้งมวลชนออกมาสนับสนุนรัฐบาลทักษิณ เพื่อตอบโต้ ‘กลุ่มพันธมิตรฯ’ ที่ต่อสู้ขับไล่ ‘ตระกูลชินวัตร’
นอกจากนี้เขาคือหนึ่งในผู้อยู่เบื้องหลังให้กำเนิด ‘คนเสื้อแดง’ จากเดิมที่เป็น ‘กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ’ หรือ ‘นปก.’ สวมเสื้อสีเหลืองชุมนุมต่อต้านรัฐประหารตั้งแต่ปี 2549 แต่หลังจากพรรคพลังประชาชน ได้รับชัยชนะหลังการเลือกตั้งปี 2550 กลุ่มนี้ได้สลายตัวไป กระทั่งในปี 2551 ที่กลุ่มพันธมิตรฯกลับมารวมตัวขับไล่รัฐบาลที่เป็น ‘นอมินี’ ของ ‘ไทยรักไทย’ กลุ่ม นปก.ได้กลับมาอีกครั้งในชื่อ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ ‘นปช.’ เปลี่ยนมาสวมเสื้อสีแดง และใช้ชื่อนี้ยาวนานเรื่อยมา จนกระทั่งยุติบทบาทไปในช่วงหลังรัฐประหารปี 2557
สำหรับวลีในตำนาน “มันจบแล้วครับนาย” เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติทางการเมืองเมื่อปี 2551 ในช่วงรอยต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ก่อนที่ ‘สมัคร สุนทรเวช’ นายกฯจะพ้นจากตำแหน่งจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยว่ากันว่าขณะนั้น ‘เนวิน’ ส่งสัญญาณให้ สส.ในกลุ่ม เลิกหนุนพรรคพลังประชาชน อีกต่อไป แม้ว่าต่อมา ‘สมชาย วงศ์สวัสดิ์’ น้องเขย ‘ทักษิณ’ จะขึ้นมาเป็นนายกฯต่อก็ตาม แต่อยู่ได้เพียง 3 เดือนเศษ ศาลรัฐธรรมนูญก็วินิจฉัยยุบพรรคพลังประชาชน ส่งผลให้ ‘สมชาย’ ตกจากเก้าอี้
หลังจากนั้น ‘เนวิน’ หอบหิ้ว 30 สส.ในมือ ไปจัดตั้งพรรคภูมิใจไทย และหนุน ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขึ้นเป็นนายกฯ สร้างปมขัดแย้ง บาดแผลรอยร้าวอย่างรุนแรงระหว่าง ‘นายใหญ่’ กับ ‘เนวิน’ นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
สำหรับวลีเด็ด “มันจบแล้วครับนาย” ถึง ‘เนวิน’ และบิ๊กเนมค่ายสีน้ำเงินจะออกมาปฏิเสธว่าไม่เคยพูด แต่คนที่บอกเรื่องนี้ออกสู่สาธารณะเป็นคนแรกคือ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ เอง โดยอ้างว่าเป็นประโยคที่ ‘เนวิน’ พูดกับเขาทางโทรศัพท์ โดยกลุ่มเนวินจะไม่สนับสนุนทักษิณอีกต่อไปแล้ว
นับตั้งแต่ ‘เนวิน’ หนุน ‘อภิสิทธิ์’ เป็นนายกฯ ขั้วอำนาจทางการเมืองไทยก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป แม้ว่าเมื่อปี 2554 ตระกูลชินวัตรจะได้รับชัยชนะโดย ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ น้องสาว ‘ทักษิณ’ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกฯหญิงคนแรกของไทยก็ตาม แต่อยู่ได้ไม่ครบเทอม เธอก็ถูกสารพัดคดีความ กระทั่งโดนรัฐประหารเมื่อปี 2557 ที่ผ่านมา ทำเอาต้องหลบหนีลี้ภัยคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว โทษจำคุก 5 ปี มาจนถึงปัจจุบัน
@ ทักษิณ ชินวัตร
หลังจากนั้นอำนาจทางการเมืองอยู่ในมือของ ‘ขุนศึก-ขั้วอนุรักษนิยม’ ยาวนานเกือบ 10 ปี กระทั่งก่อนการเลือกตั้งปี 2566 ‘ทักษิณ’ บินกลับไทยเพื่อมารับโทษคดีทุจริตของเขา ทำให้อำนาจทางการเมืองเริ่มเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จาก ‘บ้านป่าฯ’ เริ่มกลับคืนสู่ ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ จนถึงปัจจุบัน
ดังนั้นกระแสข่าวที่ ‘เนวิน’ เดินเข้า ‘บ้านจันทร์ส่องหล้า’ เพื่อดินเนอร์กับ ‘ทักษิณ’ นั้น ย่อมส่งผลต่อดุลยภาพของการเมืองไทยในปัจจุบันอย่างแน่นอน แม้ ‘อนุทิน’ จะพยายามบอกว่า ไม่ได้มีการหารือกันเรื่องการเมือง พร้อมบอกปัดกระแสข่าว ‘นายกฯคนละครึ่ง’ ก็ตาม
แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบัน ‘นายใหญ่’ คือผู้อยู่เบื้องหลังแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และ สส.พรรคเพื่อไทย ขณะที่ ‘ครูใหญ่แห่งค่ายสีน้ำเงิน’ มีกำลังหลักใน ‘สภาฯสูง’ ไว้เกินกว่าครึ่ง แถมยังชี้ขาดการสรรหาบุคคลไปนั่งในองค์กรอิสระได้อีก
เมื่อ ‘ค่ายแดง+น้ำเงิน’ หวนคืนจูบปาก ปิดฉาก 16 ปีแห่งความหลัง ลืมวลีสำคัญ “มันจบแล้วครับนาย” ลงไป
ภารกิจทางการเมืองต่อไป หากไม่นับเล่ห์กลชิงเหลี่ยมแย่งเก้าอี้กันเองหลังฉากแล้ว เบื้องหน้าคือร่วมมือกันสู้รบศัตรูคนสำคัญอย่าง “ค่ายสีส้ม” ที่กำลังผงาดติดลมบนอยู่ในตอนนี้นั่นเอง?