"...จำเลยที่ 1 สั่งการให้ผู้ปกครองท้องที่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าสองยาง ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองท้องที่ (บางรายมีอาชีพขายของชำ เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ทำเกษตรกรรม ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านเขียนหนังสือไม่ได้) ให้ไปดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์จัดตั้งร้านค้า โดยระบุวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง และนำเอกสารหลักฐานดังกล่าวพร้อมกับเอกสารหลักฐานส่วนบุคคลไปมอบให้แก่จำเลยที่ 6 และหรือที่ 2 ใช้เข้าเป็นคู่สัญญารับจ้างในโครงการพิพาททั้ง 423 โครงการ..."
คดีกล่าวหา นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก กับพวกรวม 10 ราย ทุจริตในการดำเนินการโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เมื่อปี 2554 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 มีคำพิพากษาลงโทษ นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล และพวก อีก 5 ราย รวม 423 กระทง รวมลงโทษจำคุก 1,269 ปี 1,692 เดือน แต่ติดจริง 50 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือโดนลงโทษคนละร้อยปีพันปีเช่นกันนั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดผลการสอบสวนคดีเบื้องต้น ของ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 6 และสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดตาก รวมไปถึงข้อมูลจำเลยว่ามีใครบ้าง แต่ละรายถูกศาลฯ พิพากษาตัดสินลงโทษจำคุกคนละกี่ปี มาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปแล้ว
- คุก 1,269 ปี 1,692 ด.! อดีต นอภ.ท่าสองยาง-พวก ทุจริตโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยปี 54
- คุกพันปีพันเดือน! ใครเป็นใคร? อดีต นอภ.ท่าสองยาง-พวก ทุจริตโครงการช่วยเหลือน้ำท่วม
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดพฤติการณ์กระทำความผิดในคดีนี้ ตามคำฟ้องของอัยการ (ฟ้องแทน ป.ป.ช.) ที่ยื่นต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ซึ่งมีการระบุข้อมูลสำคัญว่า จำเลยที่ 1 ได้สั่งการให้ผู้ปกครองท้องที่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าสองยาง ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองท้องที่ (บางรายมีอาชีพขายของชำ เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ทำเกษตรกรรม ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านเขียนหนังสือไม่ได้) ให้ไปดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์จัดตั้งร้านค้า โดยระบุวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง และนำเอกสารหลักฐานดังกล่าวพร้อมกับเอกสารหลักฐานส่วนบุคคลไปมอบให้แก่จำเลยที่ 6 และหรือที่ 2 ใช้เข้าเป็นคู่สัญญารับจ้างในโครงการพิพาททั้ง 423 โครงการ เป็นการเอื้อประโยชน์หรือช่วยเหลือจำเลยที่ 10 หรือบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคู่สัญญาหรือบุคคลที่มีการจัดเตรียมไว้ให้เป็นผู้ทำงานจ้างนั้น โดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นเป็นคู่สัญญาแทน ทำให้ไม่ต้องผูกพันรับผิดตามสัญญาจ้าง แต่ได้รับเงินค่าจ้าง ได้รับประโยชน์ในทางภาษีอากร และได้รับเงินค่าจ้าง ทั้งที่มิได้เป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยางและไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้าง
ปรากฏข้อมูลดังต่อไปนี้
@ รายชื่อจำเลย
จำเลยจำนวน 10 ราย มีดังนี้
- นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล จำเลยที่ 1 ขณะเกิดเหตุดำรงตำแหน่ง นายอำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก
- นางกมลทิพย์ ต๊ะอ่อน จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าพนักงานการเงินและบัญชีชำนาญงาน (เสมียนตราอำเภอ) ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นายประทีป โพธิ์เที้ยม จำเลยที่ 3 เป็นปลัดอำเภอฝ่ายบริหารงานปกครอง ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นายขุนทอง จอมประเสริฐ จำเลยที่ 4 เป็นปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนและบัตร ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นายกฤตธัช นนทวฤทธิ์ จำเลยที่ 5 เป็นปลัดอำเภอ ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นายเกรียงศักดิ์ ประโลม จำเลยที่ 6 เป็นปลัดอำเภอ ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นายเกรียงไกร ประไพศรี จำเลยที่ 7 เป็นเจ้าหน้าที่ปกครองชำนาญงาน ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นางสาวศิริลดา ธินา จำเลยที่ 8 เป็นพนักงานราชการ ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง
- นายนพรัตน์ สมอนาค จำเลยที่ 9 เป็นหัวหน้าส่วนโยธาองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สอง อำเภอท่าสองยาง
- นางทองสี ศรีบัว จำเลยที่ 10 เป็นประชาชน มีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง
นอกจากจำเลยทั้ง 10 รายตามรายชื่อด้านบนแล้ว ยังมีนายฉลองชัย อร่ามรุ่งโรจน์ ตำแหน่งปลัดอำเภอ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ที่ทำการปกครองอำเภอท่าสองยาง อีกราย ที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง
@ พฤติการณ์กระทำความผิด
เมื่อปี 2555 มีฝนตกหนักจากพายุโซนร้อน "นกเตน" ส่งผลทำให้เกิดเหตุอุทกภัยในเขตพื้นที่อำเภอท่าสองยาง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนทางด้านที่อยู่อาศัย การเกษตร สิ่งสาธารณประโยชน์ และอื่นๆ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ประกาศจังหวัดตากให้พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จำเลยที่ 1 มอบหมายให้จำเลยที่ 6 และที่ 9 ทำการสำรวจความเสียหายและจัดทำโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และประมาณราคางางานค่าก่อสร้างในแต่ละโครงการ ต่อมาจังหวัดตาก มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ ตก 0034/13774 ลงวันที่ 14 สิงหาคม 2554 จัดสรรวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพินัติกรณีฉุกเฉินให้แก่อำเภอท่าสองยาง 8,000,000 บาท อำเภอท่าสองยางจึงดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ปี 2554 พิพาทครั้งที่ 1 จำนวน 52 โครงการ วงเงิน 7,999,600 บาท อันได้แก่โครงการลำดับที่ 1 ถึงที่ 52 ต่อมาจังหวัดตากอนุมัติจัดสรรรวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเพิ่มเติมตามหนังสือจังหวัดตาก ด่วนที่สุด ที่ ตก 0034/ว 14765 ลงวันที่ 1 กันยายน 2554 จัดสรรเงินให้อำเภอท่าสองยางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โดยด่วน 8,000,000 บาท อำเภอท่าสองยาง จึงดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ) 2554 พิพาทครั้งที่ 2 จำนวน 52 โครงการ วงเงิน 7,997,600 บาท อันได้แก่โครงการลำดับที่ 1 1งที่ 52 และจังหวัดตากอนุมัติจัดสรรวงเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเพิ่มเติมตามหนังสือจังหวัดตากด่วนที่สุด ที่ ตก 0034/15184 ลงวันที่ 9 กันยายน 2554 แจ้งจัดสรรเงินให้อำเภอท่าสองยางไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ โดยด่วน 60,000,000 บาท อำเภอท่าสองยาง จึงดำเนินการโครงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ปี 2554 พิพาทครั้งที่ 3 จำนวน 319 โครงการ วงเงิน 59,999,600 บาท อันได้แก่โครงการลำดับที่ 53 ถึงลำดับที่ 371 รวม 3 ครั้ง 423 โครงการการดำเนินการจัดจ้างโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ปี 2554 พิพาทครั้งที่ 1 รวม 52 โครงการ วงเงิน 7,997,600 บาท
จำเลยที่ 2 มีบันทึกข้อความ ที่ 0517.1/ ลงวันที่ 1 กันยายน 2554 ขออนุมัติดำเนินการใช้จ่ายเงินทดรองราชการโครงการพิพาท ผ่านความเห็นชอบจากจำเลยที่ 3 และรับการอนุมัติจากจำเลยที่ 1 พร้อมกับลงนามในคำสั่งอำเภอท่าสองยาง ที่ 306/2554 ลงวันที่ 1 กันยายน 2554 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการโครงการพิพาท โดยแต่งตั้งจำเลยที่ 7 และที่ 8 เป็นเจ้าหน้าที่จัดหาเจรจาต่อรองและตกลงราคา จำเลยที่ 3 ที่ 6 และนายฉลองชัยเป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้าง โครงการลำดับที่ 1 ถึงที่ 15 จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้าง โครงการลำดับที่ 16 ถึงที่ 30 และจำเลยที 3 ที่ 5 และที 6 เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 31 ถึงที่ 52 โดยจำเลยที่ 3 เป็นประธานกรรมการทุกโครงการ และจำเลยที่ 9 เป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมงาน การดำเนินการจัดจ้างโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัย (อุทกภัย) ปี 25554 พิพาทครั้งที่ 2 รวม 52 โครงการ วงเงิน 7,997,600 บาท
จำเลยที่ 2 มีบันทึกข้อความลงวันที่ 13 กันยายน 2554 ขออนุมัติดำเนินการใช้จ่ายเงินทดรองราชการโครงการพิพาที่ผ่านความเห็นชอบจากจำเลยที่ 3 และรับอนุมัติจากจำเลยที่ 1 พร้อมกับลงนามในคำสั่งอำเภอทำสองยาง ที่ 315/2554 ลงวันที่ 13 กันยายน 2554 แต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการตามโครงการพิพาท โดยแต่งตั้งจำเลยที่ 7 และที่ 8 เป็นเจ้าหน้าที่จัดหา เจรจาต่อรอง และตกลงราคา จำเลยที่ 3 ที่ 6 และนายฉลองชัย เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 1 ถึงที่ 15 จำเลยที่ ที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 16 ถึงที่ 30 จำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 31 ถึงที่ 52 โดยจำเลยที่ 3 เป็นประธานกรรมการทุกโครงการ และจำเลยที่ 9 เป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมงาน การดำเนินการจัดจ้างโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ (อุทกภัย) ปี ปี 2554 พิพาทครั้งที่ 3 รวม 319 โครงการ วงเงิน 59,999,600 บาท
จำเลยที่ 2 มีบันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/- ลงวันที่ 15 กันยายน 2554 ขออนุมิติดำเนินการใช้จ่ายเงินทดรองราชการโครงการพิพาท ผ่านความเห็นชอบจากจำเลยที่ 3 และรับอนุมัติจากจำเลยที่ 1 พร้อมลงนามคำสั่งอำเภอท่าสองยาง ที่ 316/2554 ลงวันที่ 15 กันยายน 2554 แต่งตั้งคณะกรรมการดันนินการโครงการพิพาท โดยแต่งตั้งจำเลยที่ 7 และที่ 8 เป็นเจ้าหน้าที่จัดหาเจรจา ต่อรอง และตกลงราคา จำเลยที่ 3 ที่ 6 และนายฉลองชัย เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 1 ถึงที่ 100 จำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 5 คณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 101 ถึงที่ 200 และจำเลยที่ 3 ที่ 5 และที่ 6 เป็นคณะกรรมการตรวจรับงานจ้างโครงการลำดับที่ 201 ถึงที่ 319 โดยจำเลยที่ 3 เป็นประธานกรรมการทุกโครงการ และจำเลยที่ 9 เป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมงาน การจัดหาผู้รับจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2546 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2552 ข้อ 40 กำหนดให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่คนหนึ่งหรือหลายคนตามความจำเป็น เพื่อทำหน้าที่รับผิดชอบในการจัดหาเจรจาต่อรองและตกลงราคากับผู้มีอาชีพขายหรือรับจ้างทำงานนั้น โดยตรงในราคาซึ่งไม่สูงกว่าราคาตลาดของท้องที่ในช่วงเวลาที่ภัยพิบัติเกิดขึ้น
แต่การจัดหาผู้รับจ้างตามโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ พิพาททั้ง 3 ครั้ง จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 ร่วมกันกระทำการไม่ให้มีการจัดจ้างจากผู้มีอาชีพดำเนินการให้มีการจัดทำเอกสารการจัดจ้าง และเบิกจ่ายเงินเอื้อประโยชน์ให้แก่จำเลยที่ 10 ผู้ปกครองท้องที่และบุคคลที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 6 ต้องการให้เป็นทำงานจ้าง โดยใช้ชื่อและเอกสารของบุคคลอื่นแสดงตนเป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยาง แทน ทำให้บุคคลที่จำเลยที่ 1 กับพวกดังกล่าวต้องการให้เป็นผู้ทำงานจ้าง ไม่ต้องผูกพันรับผิดในสัญญาจ้าง แต่ได้รับเงินค่าจ้าง และรับประโยชน์ในทางภาษีอากร
โดยจำเลยที่ 1 สั่งการให้ผู้ปกครองท้องที่ในเขตพื้นที่อำเภอท่าสองยาง ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับผู้ปกครองท้องที่ (บางรายมีอาชีพขายของชำ เป็นอาสาสมัครสาธารณสุข ทำเกษตรกรรม ไม่ได้เรียนหนังสือ อ่านเขียนหนังสือไม่ได้) ให้ไปดำเนินการจดทะเบียนพาณิชย์จัดตั้งร้านค้า โดยระบุวัตถุประสงค์ในการรับเหมาก่อสร้าง และนำเอกสารหลักฐานดังกล่าวพร้อมกับเอกสารหลักฐานส่วนบุคคลไปมอบให้แก่จำเลยที่ 6 และหรือที่ 2 ใช้เข้าเป็นคู่สัญญารับจ้างในโครงการพิพาททั้ง 423 โครงการ ถ้าเป็นงานก่อสร้างเกี่ยวกับการก่อสร้างพนังกั้นน้ำ ซ่อมแซมตลิ่ง ซ่อมแชมฝ่ายน้ำล้นจะให้ผู้ปกครองท้องที่หรือรายชื่อที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ปกครองท้องที่ เป็นผู้เสนอราคาและเข้าเป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยาง โดยบุคคลดังกล่าวไม่เคยประกอบอาชีพรับเหมา ก่อสร้างมาก่อน และจดทะเบียนพาณิชย์ตั้งร้านค้าและเข้าเป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยางตามคำสั่งของจำเลยที่ 1
นอกจากการก่อสร้างในครั้งนี้แล้วบุคคลดังกล่าวไม่เคยรับจ้างก่อสร้างที่อื่น ส่วนการก่อสร้างซ่อมแซมถนนดิน ซึ่งต้องใช้เครื่องจักรในการทำงาน จำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 10 ซึ่งมีอาชีพรับเหมาก่อสร้างและมีเครื่องจักรใช้ทำงานเป็นผู้ทำการซ่อมแซมถนนดินทั้งหมด หรือให้ช่วยหาผู้มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างรายอื่นไปช่วยดำเนินการ โดยเอกสารใบสั่งจ้างใช้ชื่อของบุศคลอื่น ซึ่งเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 10 หรือบุคคลที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 หรือที่ 6 เป็นผู้จัดเตรียม โดยบุคคลดังกล่าวมิใช่ผู้ทำการก่อสร้าง และบางรายเป็นผู้ถูกนำชื่อและเอกสารไปใช้ โดยไม่ทราบเรื่องหรือเคยเดินทางใปในพื้นที่ก่อสร้าง จำเลยที่ 10 ได้ให้นางวันสาข์ศิริ ชุมเกิด ผู้มีอาชีพรับเหมาก่อสร้างอีกรายหนึ่งไปรับงานช่วงต่อจากจำเลยที่ 10 เมื่อได้รายชื่อผู้เป็นผู้รับจ้างแล้ว จำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำบันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/- ลงวันที่ 5 กันยายน 2554 บันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/- ลงวันที่ 14 กันยายน 2554 และบันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/- ลงวันที่ 19 กันยายน 2554 ตามลำดับให้จำเลยที่ 7 และที่ 8 เจ้าหน้าที่จัดหาเจรจาต่อรองและตกลงราคาลงชื่อเสนอให้จำเลยที่ 1 ลงนามอนุมัติให้จัดจ้าง โดยจำเลยที่ 7 และที่ 8 ไม่ได้ทำหน้าที่จัดหาเจรจาต่อรองและตกลงราคากับผู้มีอาชีพรับจ้างดำเนินการโครงการพิพาททั้ง 423 โครงการ
แต่ลงนามในเอกสารที่มีการจัดเตรียมรายชื่อผู้รับจ้างไว้ล่วงหน้าเสมือนหนึ่งว่า ตนได้ทำหน้าที่ตามที่ดังกล่าว เป็นเหตุให้มีการนำชื่อและเอกสารของบุคคลอื่นมาใช้เป็นผู้รับจ้างแทนกันอันเป็นการเอื้อประโยชน์หรือช่วยเหลือจำเลยที่ 10 หรือบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคู่สัญญาหรือบุคคลที่มีการจัดเตรียมไว้ให้เป็นผู้ทำงานจ้างนั้น โดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นเป็นคู่สัญญาแทน ทำให้ไม่ต้องผูกพันรับผิดตามสัญญาจ้าง แต่ได้รับเงินค่าจ้าง ได้รับประโยชน์ในทางภาษีอากร และได้รับเงินค่าจ้าง ทั้งที่มิได้เป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยางและไม่มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้าง
โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดทำเอกสารให้แก่ผู้มีรายชื่อเป็นผู้รับจ้างหรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องลงนามทั้งหมด โดยจำเลยที่ 3 ไม่ได้ใช้ความรอบคอบในการตรวจสอบปล่อยให้มีการจ้างผู้มีใช่ผู้มีอาชีพโดยใช้ชื่อและเอกสารบุคคลอื่นแสดงตนเป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยางแทน เอื้อประโยชน์ให้จำเลยที่ 10 ผู้ปกครองท้องที่และบุคคลที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 6 กับพวก ประสงค์ให้เป็นผู้ทำงานจ้างและทำให้บุคคลนั้นไม่ต้องผูกพันรับผิดในสัญญาจ้าง แต่ได้รับเงินค่าจ้าง และได้รับประโยชน์ในทางภาษีอากร ส่วนงานก่อสร้างจำเลยที่ 9 ไม่ได้ทำหน้าที่ควบคุมงานโครงการพิพาททั้ง 423 โครงการ แต่ลงนามในบันทึกรายงานการปฏิบัติงานรายประจำวันและรายสัปดาห์ระบุรายละเอียดการทำงานของผู้รับจ้างตามที่มีผู้จัดทำให้แก่จำเลยที่ 9 ลงลายมือชื่อเสมือนหนึ่งว่าว่าตนได้ไปทำหน้าที่ควบคุมงานตามที่ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และนายฉลองชัยคณะกรรมการตรวจงานจ้างไม่ได้ลงพื้นที่ไปตรวจการจ้างพร้อมกันในโครงการพิพาททั้ง 423 โครงการ ปล่อยให้ผู้ที่ไม่ใช่คู่สัญญาจ้างเข้ามาทำงานก่อสร้างหรือซ่อมแขม แสวงหาประโยชน์จากงานจ้างดังกล่าว โดยลงนามในเอกสารตรวจการจ้าง ทั้งๆ ที่ไม่มีการตรวจการจ้างตามวันเวลาและข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเอกสารใบตรวจการจ้าง อันเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ทำให้มีการเอื้อให้มีการจ่ายเงินกับผู้รับผู้รับจ้าง หรือบุคคลที่ต้องการให้เป็นผู้รับเงิน
จนเป็นเหตุให้จำเลยที่ 10 หรือบุคคลอื่นเข้ามาหาประโยชน์ทำงาน จ้างและรับเงินค่าจ้างทั้งๆ ที่ไม่ใช่เป็นคู่สัญญากับอำเภอท่าสองยาง และไม่มีสิทธิจะได้รับเงินค่าจ้าจ้าง โดยใช้ชื่อของบุคคลอื่นเป็นคู่สัญญาแทน โดยไม่ต้องผูกพันรับผิดในสัญญาจ้าง จนกระทั่งมีโครงการส่วนหนึ่งในโครงการพิพาทครั้งที่ 3 โครงการซ่อมแชมถนดิน (ดินสไลด์ปิดทับถนน) ลำดับที่ 64 ถึงที่ 81 รวม 18 โครงการ รวมเป็นเงิน 2,357,000 บาท ไม่ได้มีการทำงานจ้าง แต่มีการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างไป โดยมีจำเลยที่ 2 เป็นผู้จัดทำเอกสารต่างๆ ให้จำเลยที่ 3 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 กับบุคคลที่เกี่ยวข้องลงลายมือชื่อทั้งสิ้น ใช้เป็นหลักฐานในการเบิกจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ผู้มีชื่อรับจ้างตามสัญญาจ้างหริอใบสั่งจ้างทุกโครงการ
การจ่ายเงินค่าจ้างโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยฯ พิพาททั้ง 423 โครงการ เมื่อสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตาก โอนเงินเข้าบัญชีธนาค่ารของอำเภอท่าสองยาง จำเลยที่ 1 มีบันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/- ลงวันที่ 23 กันยายน 2554 บันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/- ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2554 และบันทึกข้อความ ที่ ตก 0517.1/ ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2554 อนุมัติจ่ายเงินนอกงบประมาณเป็นเงินค่าจ้างให้แก่ผู้รับจ้าง โดยแต่งตั้งให้จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 6 เป็นคณะกรรมการรับเงิน โดยจำเลยที่ 3 เป็นประธานกรรมการ ทำหน้าที่เบิกเงินสดจากบัญชีธนาคารของอำเภอท่าสองยาง และนำเงินสดไปจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิ์รับเงินค่าจ้างในโครงการพิพาท 423 โครงการ แต่เวลาจ่ายเงินจริงกลับเป็นจำเลยที่ 1 2 และที่ 6 เป็นผู้ทำหน้าที่จ่ายเงินสด โดยทำการจ่ายเงินเป็นเงินสด เพื่อเอื้อให้มีการจ่ายเงินกับบุคคลที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่6 กับพวกต้องการให้เป็นผู้รับเงินและหรือรับเงินในจำนวนเงินที่จำเลยที่ 1 กับพวกต้องการ ผู้ที่มีชื่อในใบสั่งจ้างบางรายได้รับเงินไม่เต็มตามใบสั่งจ้าง และบางรายก็ไม่ได้รับเงิน โดยไม่คำนึงถึงถึงสิทธิตามใบสั่งจ้างและผู้มีสิทธิได้รับเงินค่าจ้าง เบียดบังเงินส่วนหนึ่งเป็นประโยชน์ของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต
เมื่อดำเนินงานโครงการพิพาททั้ง 3 ครั้งเสร็จแล้ว จำเลยที่ 1 ทำการส่งเอกสารหลักฐานใบสำคัญ เพื่อขออนุมัติโอนเงินและชดใช้เงินยืมทดรองราชการที่ได้รับจัดสรรให้ดำเนินโครงการ โดยมีหนังสืออำเภอท่าสองยาง ที่ ตก 0517.1/5886 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2554 ชดใช้เงินยืมทดรองราชการโครงการพิพาทครั้งที่ 1 รวม 52 โครงการ เป็นเงิน 7,999,600 บาท หนังสืออำเภอท่าสองยาง ที่ ตก 0517.1/5887 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2554 ใช้เงินทดรองราชการโครงการพิพาทครั้งที่ 2 รวม 52 โครงการ เป็นเงิน 7,999,600 บาท และหนังสืออำเภอท่าสองยาง ที่ ตก 0517.1/5888 ลงวันที่ 7 ธันวาคม 2554 หนังสืออำเภอท่าสองยาง ที่ ตก 0517.1/5897 ถึง 5898 ลงวันที่ 9 ธันวาคม 2554 หนังสืออำเภอท่าสองยางที่ตก 0537.1/5900 ถึง 5901 และ 5908 ถึง 5909 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2554 รวม 7 ฉบับ ชดใช้เงินยืมทดรองราชการโครงการพิพาทครั้งที่ 3 รวม 301 โคร่งการ เป็นเงิน 57,642,600 บาท
ส่วนโครงการพิพาทครั้งที่ 3 ลำดับที่ 64 ถึงที่ 81 รวม 18 โครงการ มีชื่อนางสาว น. (ตัวย่อ) และนาย ส. (ตัวย่อ) เป็นผู้รับจ้างตามใบสั่งจ้าง แต่ความจริงแล้วเป็นการนำชื่อไปใช้เป็นคู่สัญญา โดยไม่ได้ทำงานก่อสร้าง เมื่อเจ้าหน้าที่กรมสืบสวนคดีพิเศษ ตรวจพบว่าไม่ได้มีการก่อสร้างเกิดขึ้นจริง เนื่องจากเป็นพื้นที่ช้ำซ้อนกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่อุสุ ดำเนินการก่อสร้างไปก่อนหน้านั้นแล้ว จำเลยที่ 1 จึงนำเงินส่วนตัวคืนให้จังหวัดตาก ตามหนังสืออำเภอท่าสองยางที่ ตก 0517.1/5749 ลงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554
พฤติการณ์การกระทำของจำเลยทั้งสิบและนายฉลองชัยดังกล่าวเป็นการดำเนินการจัดจ้างโครงการพิพาททั้งสาม รวม 423 โครงการ โดยไม่ชอบด้วยระเบียบ
การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 และที่ 6 เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นเสีย ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ใดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระร่าชบัญญัตินี้หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายโดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่จังหวัดตาก ผู้อื่นหรือประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 9 กับพวกเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่จังหวัดตาก ผู้อื่นหรือประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
จำเลยที่ 7 เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้ภิกความเสียหายแก่จังหวัดตาก ผู้อื่นหรือประชาทน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมีให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ
จำเลยที่ 8 เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่จังหวัดตาก หรือประชาชน หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์โดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น
จำเลยที่ 10 เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์โดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทำการใดๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคาคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ เหตุเกิดที่ตำบลแม่อุสู ตำบลแม่สอง ตำบลแม่แม่หละ ตำบลแม่ต้าน และตำบลท่าสองยาง อำเภอท่าสองยาง จังหวัดตาก เกี่ยวพันกัน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86, 90, 91, 147, 151, 157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 12 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธธรรมนูญว่าด้วยการ ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172, 192
จำเลยทั้งสิบให้การปฏิเสธ แต่จำเลยที่ 7 และที่ 8 ให้การรับสารภาพความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ทั้งหมดนี้ คือ รายละเอียดพฤติการณ์กระทำความผิดในคดีนี้ ตามคำฟ้องของอัยการ ที่ยื่นต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 6 ก่อนที่จะมีคำพิพากษาลงโทษ นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล และพวก อีก 5 ราย รวม 423 กระทง รวมลงโทษจำคุก 1,269 ปี 1,692 เดือน แต่ติดจริง 50 ปี ส่วนจำเลยที่เหลือโดนลงโทษคนละร้อยปีพันปีเช่นกันตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
นับเป็นอีกหนึ่งคดีใหญ่เกี่ยวกับการทุจริตโครงการช่วยเหลือน้ำท่วม ที่ต้องบันทึกเอาไว้
อย่างไรก็ดี สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งหมด มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้
แต่ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายผลการต่อสู้คดีจะออกมาเป็นอย่างไร นายสมชาย ไตรทิพย์ชาติสกุล และพวก นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญของข้าราชการไทย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานอื่น ไม่ให้กระทำความผิด เดินย้ำซ้ำรอยเดียวกันทั้งในปัจจุบันและอนาคตสืบไปอีกหนึ่งกรณี
โดยเฉพาะโครงการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ที่บทลงโทษมีความรุนแรงจำคุกเป็นพันปีพันเดือนแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมความเดือนร้อนของประชาชนให้บอบช้ำรุนแรงมากขึ้นไปอีก