"....คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาและมีมติในการประชุมครั้งที่ 21/2557 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 พิจารณาแล้วมีมติเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 5 เสียง ว่า การกระทําของนายเอกพจน์ ปานแย้ม มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ..."
ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.2567 ที่ผ่านมา
กรณี นายเอกพจน์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง ถูกนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ออกคำสั่งให้พันตำแหน่ง นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง ตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
เหตุผลสำคัญที่ทำให้นายเอกพจน์ ปานแย้ม ถูกสั่งให้พ้นตำแหน่งดังกล่าว เป็นผลมาจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด นายเอกพจน์ ปานแย้ม กับพวก กรณีการจัดซื้อถุงยังชีพโดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อเอื้ออำนวยให้บริษัทแฮงบก เทรดดิ้ง จำกัด ได้มีสิทธิเข้าเป็นคู่สัญญากับเทศบาลเมืองคลองหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2564
อย่างไรก็ดี นายเอกพจน์ ยังมีสิทธิโต้แย้งคำสั่งต่อศาลปกครอง ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำสั่งดังกล่าว
เพื่อให้สาธารณชนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับคดีนี้มากขึ้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำรายละเอียดผลการไต่สวนคดีของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ปรากฏอยู่ในคําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 2946/2567 เรื่อง ให้นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง อําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี พ้นจากตําแหน่ง ลงนามโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ย.2567 มานำเสนอเป็นทางการ ณ ที่นี้
@ การไต่สวนคดีของ ป.ป.ช.
ในคําสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 2946/2567 ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดําเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานในเรื่องที่มีการกล่าวหา นายเอกพจน์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง อําเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี กับพวก เพื่อดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กรณีการจัดซื้อถุงยังชีพโดยมิชอบและโดยทุจริตเพื่อเอื้ออํานวยให้บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด ได้มีสิทธิเข้าเป็น คู่สัญญากับเทศบาลเมืองคลองหลวง เมื่อปี พ.ศ. 2564 โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทําของนายเอกพจน์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง มีมูลความผิดทางอาญา และมีมูลความผิด ฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการ ไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่หรือมีความประพฤติในทางจะนํามาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตําแหน่ง หรือแก่เทศบาล หรือแก่ราชการ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
@ พฤติการณ์ในการกระทําความผิด
นายเอกพจน์ ปานแย้ม ได้สั่งการให้ผู้อํานวยการกองสวัสดิการสังคม นําใบเสนอราคา บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด เข้าเสนอต่อที่ประชุมสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสม เพื่อจัดซื้อถุงยังชีพโดยมีการตกลงซื้อขายถุงยังชีพกับบริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด ไว้ล่วงหน้าก่อนมีการดําเนินการ จัดซื้อตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยมีการกําหนดจํานวนถุงยังชีพและรายงานพัสดุที่จะซื้อในถุงยังชีพให้ตรงกับที่ บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด ได้บรรจุชุดถุงยังชีพจัดเตรียมไว้ และมีการสั่งให้เปลี่ยนวิธีการจัดซื้อโดยให้ใช้ วิธีเฉพาะเจาะจง โดยเลือกทําหนังสือเชิญเฉพาะบริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด, บริษัท แม็กเนท ดีลส์ จํากัด และห้างหุ้นส่วนจํากัด ไอเดียบุ๊คส์
เมื่อพิจารณาราคาของผู้เสนอราคาทั้ง 3 รายดังกล่าวจะเห็นได้ว่า บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด จะเป็นผู้ชนะการเสนอราคาเป็นแน่แท้สมดังเจตนาที่นายเอกพจน์ ปานแย้ม ได้สมคบคิดวางแผน ร่วมกับกรรมการผู้จัดการบริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด เนื่องจากเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในบรรดา 3 ราย โดยมิได้คํานึงถึงขอบเขตงานและคุณลักษณะเฉพาะของพัสดุที่จะซื้อ และภายหลังจากที่บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด ได้ส่งมอบพัสดุถุงยังชีพต่อเทศบาลเมืองคลองหลวงแล้ว นายเอกพจน์ ปานแย้ม ก็ไม่สามารถแจกจ่ายถุงยังชีพให้แก่ ประชาชนตามวัตถุประสงค์ของการจัดซื้อได้ เนื่องจากมีการซื้อเกินกว่าจํานวนผู้ที่ลงทะเบียนขอรับถุงยังชีพไว้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาและมีมติในการประชุมครั้งที่ 21/2557 เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2567 พิจารณาแล้วมีมติเอกฉันท์ ด้วยคะแนน 5 เสียง ว่า การกระทําของนายเอกพจน์ ปานแย้ม มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทํา จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และมาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตําแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อํานาจในตําแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ ในหน่วยงานของรัฐ กระทําความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือกระทําการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคา อย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออํานวยแก่ผู้เข้าทําการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทําสัญญากับหน่วยงานของรัฐตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 12 และมีมูลความผิดฐานปฏิบัติการฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ละเลยไม่ปฏิบัติตาม หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 73
@ ความเห็นกระทรวงมหาดไทย
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงหาดไทย พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า นายเอกพจน์ ปานแย้มนายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบในการบริหารราชการของเทศบาลให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ และนโยบาย มีอํานาจสั่ง อนุญาต และอนุมัติเกี่ยวกับราชการของเทศบาล ตามมาตรา 48 เตรส แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งเป็นผู้มีอํานาจอนุมัติ ฎีกาเบิกจ่ายเงินของเทศบาล ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547 และเป็นหัวหน้าหน่วยงานของรัฐมีหน้าที่และอํานาจให้ความเห็นชอบรายงานขอซื้อขอจ้างและเป็นผู้มีอํานาจสั่งซื้อหรือสั่งจ้างตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แต่กลับปรากฏตามความเห็น และหลักฐานของผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานีที่รายงานมาว่า นายเอกพจน์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง ได้อนุมัติจัดซื้อถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) เมื่อปี พ.ศ. 2564 โดยออกประกาศรับลงทะเบียนผู้ได้รับความเดือดร้อน จากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2564 และประกาศรับลงทะเบียน (เพิ่มเติม) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2564
แต่ในวันที่ 23 มิถุนายน 2564 นายเอกพจน์ ปานแย้ม ได้ยื่นญัตติต่อสภาเทศบาลเมืองคลองหลวง ขออนุมัติจ่ายขาดเงินสะสมจํานวน 90,000,000 บาท เพื่อจัดซื้อถุงยังชีพ จํานวน 20,000 ชุด ชุดละ 550 บาท การที่นายเอกพจน์ ปานแย้ม ขออนุมัติจ่ายขาด เงินสะสมเพื่อซื้อถุงยังชีพ 20,000 ชุด ก่อนมีการสํารวจและรับลงทะเบียน โดยมีการตกลงจํานวนถุงยังชีพ ที่จะซื้อไว้ล่วงหน้าแล้วระหว่างนายเอกพจน์ บานแย้ม กับเจ้าของบริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด ก่อนมีการดําเนินการ จัดซื้อตามขั้นตอนของกฎหมาย
จนกระทั่งได้มีการเข้าทําสัญญาและอนุมัติเบิกจ่ายเงินให้แก่บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด
อีกทั้งภายหลังที่บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จํากัด ส่งมอบพัสดุถุงยังชีพต่อเทศบาลเมืองคลองหลวงแล้ว นายเอกพจน์ ปานแย้ม ก็ไม่สามารถแจกจ่ายถุงยังชีพให้แก่ประชาชนตามวัตถุประสงค์ของการจัดซื้อได้เนื่องจากมีการซื้อเกินกว่าจํานวนผู้ที่ลงทะเบียนขอรับถุงยังชีพ อันเป็นการบริหารราชการที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการได้รับความช่วยเหลือด้านดํารงชีพที่แท้จริงของประชาชนและเกินความต้องการของประชาชน ส่งผลโดยตรงทําให้ไม่สามารถแจกถุงยังชีพได้ครบตามจํานวนที่จัดซื้อ อันกระทําไปโดยมีมูลเหตุจูงใจเพื่อแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบ และมีลักษณะเป็นการใช้อํานาจในตําแหน่งโดยทุจริตและปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเป็นเหตุให้เทศบาลเมืองคลองหลวงได้รับความเสียหาย
พฤติการณ์ ของนายเอกพจน์ ปานแย้ม นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวง จึงเป็นการละเลยไม่ปฏิบัติการตามอํานาจหน้าที่ อันจะเป็นเหตุให้เสียหายแก่ราชการอย่างร้ายแรง หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอํานาจหน้าที่ หรือประพฤติตน ฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยตามมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 73/1 แห่งพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ประกอบมาตรา 98 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 จึงให้นายเอกพจน์ ปานแย้ม พ้นจากตําแหน่งนายกเทศมนตรีเมือง คลองหลวง ในวาระการดํารงตําแหน่งอันเป็นผลมาจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564
อย่างไรก็ดี การโต้แย้งคําสั่งนี้ให้ทําคําฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครอง หรือส่งไปรษณีย์ลงทะเบียน ไปยังศาลปกครองที่มีเขตอํานาจ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคําสั่ง ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542
ขณะที่ สำนักข่าวอิศรา สืบค้นข้อมูลพบว่า บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จำกัด ปรากฏชื่อเป็นคู่สัญญาโครงการจัดซื้อถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือประชาชนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 จำนวน 15,000 ชุด โดยวิธีเฉพาะเจาะจง ของ เทศบาลเมืองคลองหลวง วงเงินตามสัญญาจ้าง 8,250,000.00 บาท ลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จำกัด เสนอราคาต่ำกว่าคู่แข่งหลักแสนบาท นายเอกพจน์ ปานแย้ม ลงนามในประกาศรายชื่อผู้ชนะ วันที่ 30 ก.ค.2564 (ดูเอกสารประกอบ)
แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า บริษัท แฮงบก เทรดดิ้ง จำกัด และเอกชนที่เกี่ยวข้อง ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด พร้อมกับ นายเอกพจน์ ปานแย้ม ในคดีนี้ด้วยหรือไม่
ขณะที่ การชี้มูลความผิดของ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหายังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้อีก
อนึ่ง สำหรับคดีความอื่นๆ ของ นายเอกพจน์ นั้น สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า ในช่วงเดือน พ.ค.2566 ปรากฏเป็นข่าว พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.(ผู้บังคับการกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ) พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รอง ผบก.ปปป. พ.ต.อ.สมบัติ มาลัย ผกก.2 บก.ปปป. พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา ผู้อำนวยการกองปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ 2 สำนักงาน ป.ป.ท. และนายศรชัย ชูวิเชียร ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกันจับสด นายสถิต ฉ่ำแฉล้ม อายุ 50 ปี ผอ.กองช่างเทศบาลเมืองคลองหลวง จ.ปทุมธานี ภายในห้องทำงานสำนักงานเทศบาลเมืองคลองหลวง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เรียกรับเงินค่าใบอนุญาตถมดินจากผู้เสียหายลูกบาศก์เมตรละ 50 บาท จากดินที่จะใช้ถมจำนวน 60,000 ลูกบาศก์เมตร รวมเป็นเงิน 3,000,000 บาท ผู้เสียหายยอมจ่ายแล้ว 500,000 บาท ที่เหลือให้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินประโยชน์อื่นใดโดยมิชอบด้วยหน้าที่ ,เป็นเจ้าพนักงาน ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหา นายเอกพจน์ ปานแย้ม อายุ 53 ปี นายกเทศมนตรีเมืองคลองหลวงด้วย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองกรณี นายเอกพจน์และผู้เกี่ยวข้องยังเป็นเพียงถูกกล่าวหา ยังไม่มีคำพิพากษาจากศาลยุติธรรมว่าได้กระทำความผิดตามข้อกล่าวหา