"...นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ จำเลย มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 (เดิม), 200 วรรคสอง (เดิม), 201 (เดิม) และ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 173 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตาม ป.อ. มาตรา 91..."
นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ อดีตอัยการจังหวัดตะกั่วป่า สำนักงานอัยการจังหวัดตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดทางอาญาคดีเรียกรับประโยชน์จากญาติของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2566
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี 6 เดือน และให้นับโทษต่อในคดีเก่าถูกกล่าวหาเรียกรับเงิน 10 ล้านบาท แลกเปลี่ยนกับการช่วยวิ่งเต้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่ทำความเห็นแย้งเห็นตามความเห็นของอัยการที่จะไม่สั่งฟ้องคดีกระทำความผิดบุกรุกที่สาธารณะในจังหวัดภูเก็ต ที่โดนลงโทษจําคุก 12 ปี ไปแล้วด้วย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า จากการตรวจสอบฐานข้อมูลคดีทุจริตของสำนักงาน ป.ป.ช. พบว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2567 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาตัดสินในคดีนี้ ซึ่งอัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ หลังคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด เรียกรับประโยชน์จากญาติของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมในคดีครอบครองอาวุธปืน เพื่อแลกกับการช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2566 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 , 200 วรรคสอง และมาตรา 201 ประกอบมาตรา 90 และ 90 และตามพ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประกอบ มาตรา 91 และส่งสำนวนไต่สวน พยานหลักฐาน ให้อัยการสูงสุด ฟ้องร้องดำเนินคดีตามขั้นตอนกฎหมาย
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาว่า นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ จำเลย มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 (เดิม), 200 วรรคสอง (เดิม), 201 (เดิม) และ พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 173 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตาม ป.อ. มาตรา 91
ความผิดของจำเลยกระทงแรกเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานเป็น เจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่น โดยมิชอบเพื่อกระทำการ หรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือมิชอบด้วยหน้าที่ตาม ป.อ. มาตรา 201 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90 ให้จำคุก 5 ปี
ความผิดกระทงที่สองให้ลงโทษฐานเป็นพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษหนักขึ้น ตาม ป.อ.มาตรา 200 วรรคสอง (เดิม) ให้จำคุก 2 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพเป็น ประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78
กระทงแรก คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน กระทงที่สอง คงจำคุก 1 ปี รวมจำคุก 3 ปี 6 เดือน
ให้นับโทษต่อจากโทษในคดีหมายเลขแดงที่ อท 100/2566 ของศาลนี้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 26 ส.ค.2567 ได้พิจารณาแล้วมีมติเห็นชอบ ตามที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาดังกล่าว
สำหรับคดีนี้ สำนวนการไต่สวนคดีของ ป.ป.ช.ระบุว่า ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 เวลาประมาณ 02.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรเขาหลัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ได้จับกุมผู้ต้องหารายหนึ่ง พร้อมแจ้งข้อหาฐานมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้ รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันควร ภายหลังส่งสำนวนการสอบสวนให้กับพนักงานอัยการ ได้มีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติมและแจ้งข้อหาเพิ่มเติมฐานยิงปืนที่ใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุ ในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน
ระหว่างการพิจารณาสั่งฟ้องคดี นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ในฐานะอัยการจังหวัดตะกั่วป่า ได้เรียกเงินจากญาติของผู้ต้องหา จำนวน 500,000 บาท เพื่อช่วยเหลือให้มีการลงโทษผู้ต้องหาในสถานเบา ซึ่งมีหลักฐานเป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างนายธรรมะ หรือ ชินโชติ สอนใจ กับญาติผู้ต้องหา เมื่อญาติของผู้ต้องหาไม่จ่ายเงินตามที่เรียก นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ได้มีคำสั่งฟ้องโดยบรรยายฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมร่างคำฟ้องของพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนบิดเบือนข้อเท็จจริงในคดี ว่าผู้ต้องหาได้พาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในสถานบริการบิ้วแฟคทอรี่ ทั้งที่ในสำนวนการสอบสวนไม่ปรากฏว่าผู้ต้องหาได้พาอาวุธและเครื่องกระสุนปืนเข้าไปในสถานบริการบิ้วแฟคตอรี่แต่อย่างใด อีกทั้งยังได้ร่างคำฟ้องเพิ่มเติมเพื่อขอให้ศาลพิจารณาลงโทษผู้ต้องหาในสถานหนัก
คดีนี้ ป.ป.ช.เห็นว่าการกระทำของนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มาตรา 200 วรรคสอง และมาตรา 201 ประกอบมาตรา 90 และมาตรา 91 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 85 (8)
สำหรับมูลความผิดทางวินัย เนื่องจากคณะกรรมการอัยการ ได้มีคำสั่งที่ 5/2565 ลงวันที่ 25 มีนาคม 2565 ลงโทษไล่ออกนายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ ในการกระทำความผิดนี้เหมาะสมแล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้อง ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาเพื่อดำเนินการทางวินัยตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (2) อีก
สำหรับ นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ เคยปรากฏเป็นข่าวถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด และมีการส่งตัวฟ้องศาลฯ ในคดีร่วมกันเรียกรับเงินจากตัวแทนของบริษัทเอกชน เพื่อช่วยเหลือทางคดี กรณีปรากฎคลิปเสียงเจรจาต่อรองเรียกรับเงินจากนักธุรกิจเพื่อแลกเปลี่ยนกับการช่วยวิ่งเต้นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ไม่ทำความเห็นแย้งเห็นตามความเห็นของอัยการที่จะไม่สั่งฟ้องในคดีกระทำความผิดบุกรุกที่สาธารณะในอุทยานแห่งชาติสิรินาถจังหวัดภูเก็ต ในวงเงิน 10 ล้านบาท ไปแล้ว
โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ย.2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษ จำคุก 12 ปี นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 8 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดภูเก็ต และตัดสินลงโทษจำคุก 8 ปี นายวันฉัตร ชุณหถนอม อดีตอัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้สนับสนุน
อย่างไรก็ดี คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิ์ต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
แต่ไม่ว่าบทสรุปสุดท้ายผลการต่อสู้คดีจะออกมาเป็นอย่างไร นายธรรมะ หรือชินโชติ สอนใจ นายวันฉัตร ชุณหถนอม นับเป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาสำคัญของข้าราชการอัยการ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานอื่น ไม่ให้กระทำความผิด เดินย้ำซ้ำรอยเดียวกันทั้งในปัจจุบันและอนาคตสืบไปอีกหนึ่งกรณี
อ่านประกอบ :
- ยืนยันมติ ป.ป.ช. ชี้มูลอัยการภูเก็ต 2 ราย คดีคลิปเสียงฉาวเรียกเงินนักธุรกิจ 10 ล.
- อสส. เช็นคำสั่งย้าย 11 ขรก. -อัยการภูเก็ต เชียงราย ติดโผ สะพัด นอกฤดู
- แฉคลิปเสียงอ้างชื่อ'อัยการ' จว.ดัง เรียก10 ล.วิ่งเต้นผู้ว่าฯ ไม่สั่งฟ้องคดีรุกที่สาธารณะ
- EXCLUSIVE : ฉบับเต็ม! คลิปเสียงอ้างชื่อ'อัยการ' จว.ดัง เรียก10ล.วิ่งเต้นคดีรุกที่สาธารณะ
- โวยแอบอ้างชื่อ! ผู้ว่าฯ ภูเก็ต มอบรองฯ แจ้งความร้องทุกข์ปมคลิปเสียงเรียกเงิน 10ล.
- โชว์บันทึกตร.! ผู้ว่าฯ ภูเก็ต ร้องทุกข์คลิปเสียงแอบอ้างเรียก10ล. - ตัวละครเอกชื่อ 'การ์ตูน'
- ก่อนโดนขอ10ล.! เปิดตัวเอกชนคลิปเรียกเงินล้มคดีรุกที่อุทยานฯสิรินาถ โชว์รายได้ 738 ล.
- ขอพบผู้ว่าฯ ภูเก็ตแล้ว! อสส.ตั้งกก.สอบอัยการคลิปเรียกเงิน10ล.ภายใน30วัน-ย้ายด่วน 24ชม.
- แฉคลิปเรียก10ล.ชุดสอง! เรียกตัวพบห้องทำงาน อ้าง อสส. ตั้งธงฟ้องแล้ว มีอัยการนั่งคุย 2 ราย
- อ้างทำแผลอยู่! อัยการคดีคลิป10 ล. ปัดแจง 'อิศรา' ด้าน คกก.สอบปากคำผู้ว่า-รองฯ ภูเก็ตแล้ว
- 'วัชรพล' เผย ป.ป.ช. ลุยสอบคลิปเสียงอัยการ10ล.แล้ว-'การ์ตูน' แฉอีกโทรเจรจาขอยุติเรื่อง
- เปิดเนื้อหาสุดท้ายคลิปเรียก10ล.! ลีลา 'อัยการ B' ชี้ช่องหยุดคดี100%-อ้างธงผู้ว่าฯ ฟ้องแน่
- ส่งตัว'อดีตอัยการภูเก็ต' ฟ้องศาลฯ คดีคลิปเสียงเรียก10 ล. ใช้ที่ดิน-เงิน7แสน ได้ประกันตัว
- อสส.จ่อสรุปผลวินัยร้ายแรง 2 อดีตอัยการภูเก็ต คดีคลิปเสียง 10 ล.-โดนพักราชการมา 2 ด.แล้ว