"...จากการตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจ ว่าที่ สว. จำนวน 200 ราย ตามรายชื่อที่มีการประกาศผลไปแล้ว ผ่านเว็บไซต์ฐานข้อมูลบริษัทเอกชนไทย ที่ชื่อว่า credendata https://data.creden.co/ และข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า นายวิเชียร ชัยสถาพร และ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ว่าที่ สว.กลุ่ม 16 ศิลปะวัฒนธรรม มีจำนวน 15 ราย แยกเป็นว่าที่ สว. 10 ราย ชื่อสำรอง 5 ราย มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจถือหุ้นบริษัทร่วมกันอย่างน้อย 3 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ)..."
กรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้กำหนดให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา(สว.) ระดับประเทศ เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ นายแสวง บุญมี เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งระดับประเทศ ได้ประกาศผลการนับคะแนนในการลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นที่อยู่ในสายเดียวกัน(เลือกไขว้) ทั้ง 20 กลุ่ม เรียงลำดับผู้ได้คะแนนสูงสุด 15 อันดับแรกของแต่ละกลุ่ม โดยอันดับที่ 1-10 คนแรกเป็นผู้ได้รับเลือก สว.ระดับประเทศ จำนวน 200 คน และผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 11-15 เป็นผู้ได้รับเลือก สว.ระดับประเทศในลำดับสำรอง อีก 100 คน แบบไม่เป็นทางการไปแล้ว
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลทางธุรกิจ ว่าที่ สว. จำนวน 200 ราย ตามรายชื่อที่มีการประกาศผลไปแล้ว ผ่านเว็บไซต์ฐานข้อมูลบริษัทเอกชนไทย ที่ชื่อว่า credendata https://data.creden.co/ และข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า นายวิเชียร ชัยสถาพร และ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ว่าที่ สว.กลุ่ม 16 ศิลปะวัฒนธรรม มีจำนวน 15 ราย แยกเป็นว่าที่ สว. 10 ราย ชื่อสำรอง 5 ราย
มีความเกี่ยวข้องทางธุรกิจถือหุ้นบริษัทร่วมกันอย่างน้อย 3 แห่ง (เท่าที่ตรวจสอบพบ) ดังนี้
หนึ่ง.
บริษัท วี.เอส.ฟู้ดส์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้งเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2536 ทุนปัจจุบัน 1,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 99/99 หมู่ 7 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ประกอบธุรกิจขายส่งและขายปลีกอาหารสำเร็จรูป
ปรากฏชื่อ นางธัญนีย์ ไกรพิสิทธิ์กุล (นามสกุลเดียว นายวิวรรธน์) เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2567 นาย ฐากร ชัยสถาพร ถือหุ้นใหญ่สุด จำนวน 25% เท่ากับ นาย วิเชียร ชัยสถาพร ส่วน นาย วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถือหุ้นอันดับ 3 จำนวน 20 % นาง ธัญนีย์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถืออยู่ 10%
สอง.
บริษัท ผลิตภัณฑ์อาหารกิมเฮง จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 13 มีนาคม 2534 ทุนปัจจุบัน 50,000,000 บาท ตั้งอยู่เลขที่ 99/99 หมู่ 4 ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร การเช่าและการดำเนินการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของตนเองหรือเช่าจากผู้อื่นที่ไม่ใช่เพื่อเป็นที่พักอาศัย
ปรากฏชื่อ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2567 นาย ฐากร ชัยสถาพร ถือหุ้นใหญ่สุด 25 % ส่วนนาย วิเชียร ชัยสถาพร และ นาย วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถือหุ้นเท่ากัน 20 % นาง ธัญนีย์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถืออยู่ 18%
สาม.
บริษัท ศรีเจริญไพบูลย์พัฒนา จำกัด จดทะเบียนจัดตั้ง 23 กุมภาพันธ์ 2539 ทุนปัจจุบัน 100,000,000 บาทตั้งอยู่เลขที่ 325/7-9 ถนนหลานหลวง แขวงสี่แยกมหานาค เขตดุสิต จังหวัดกรุงเทพมหานคร แจ้งประกอบธุรกิจ ซื้อขาย-อสังหาริมทรัพย์
ปรากฏชื่อนายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล นางธัญนีย์ ไกรพิสิทธิ์กุล เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ ณ 30 เมษายน 2567 นาย ฐากร ชัยสถาพร นาง ธัญนีย์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถือหุ้นใหญ่สุดเท่ากัน 15% นาย วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ถืออยู่ 14 % นาย วิเชียร ชัยสถาพร ถืออยู่ 10%
จากข้อมูลที่ตรวจสอบพบข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า นายวิเชียร ชัยสถาพร และ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ว่าที่ สว.กลุ่ม 16 ศิลปะวัฒนธรรม มีความสัมพันธ์ร่วมทำธุรกิจกันอยู่ บางบริษัทมีทุนจดทะเบียนนับร้อยล้านบาท
แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า ก่อนการเลือก สว. นายวิเชียร ชัยสถาพร และ นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ได้ถอนหุ้นจากการทำธุรกิจร่วมกันตามที่ตรวจสอบพบไปแล้วหรือไม่
ขณะที่ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ไม่ได้กำหนดข้อห้ามเรื่องการที่ ผู้สมัคร สว. ถือหุ้นทำธุรกิจร่วมกันเอาไว้
มาตรา 13 กำหนดผู้สมัครต้องมีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
(1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด
(2) มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีในวันสมัครรับเลือก
(3) มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ หรือทํางานในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่าสิบปี
(4) ผู้สมัครต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ด้วย
(ก) เป็นบุคคลซึ่งเกิดในอําเภอที่สมัครรับเลือก
(ข) มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในอําเภอที่สมัครรับเลือกมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
(ค) ทํางานอยู่ในอําเภอที่สมัครรับเลือกมาแล้วเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
(ง) เคยทํางานหรือเคยมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านอยู่ในอําเภอที่สมัครรับเลือก แล้วแต่กรณีเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปี
(จ) เคยศึกษาในสถานศึกษาที่ตั้งอยู่ในอําเภอที่สมัครรับเลือกเป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่าสองปีการศึกษา
ความใน (3) ไม่ใช้บังคับแก่สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการหรือทุพพลภาพ กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มอัตลักษณ์อื่น ซึ่งสมัครในกลุ่มตามมาตรา 11 (14) และ (15)
มาตรา 14 ผู้สมัครต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(1) ติดยาเสพติดให้โทษ
(2) เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต
(3) เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ
(4) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวช
(5) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่
(6) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(7) อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง
(8) ต้องคําพิพากษาให้จําคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล
(9) เคยได้รับโทษจําคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกในระดับอําเภอ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(10) เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริตต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทําการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ
(11) เคยต้องคําพิพากษาหรือคําสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจําคุกเพราะกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต
(12) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการหรือต่อตําแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทําความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทําโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญาความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติดในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นําเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสํานัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน
(13) เคยต้องคําพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทําการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง
(14) อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง
(15) เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ
(16) เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดํารงตําแหน่งในองค์กรอิสระ
(17) เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามีการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทําด้วยประการใดๆ ที่มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย
(18) เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมืองมีคําพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทําความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อํานาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
(19) เป็นข้าราชการ
(20) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
(21) เป็นสมาชิกพรรคการเมือง
5(22) เป็นหรือเคยเป็นผู้ดํารงตําแหน่งใดในพรรคการเมือง เว้นแต่ได้พ้นจากการดํารงตําแหน่งในพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
(23) เป็นหรือเคยเป็นรัฐมนตรี เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นรัฐมนตรีมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
(24) เป็นหรือเคยเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น เว้นแต่ได้พ้นจากการเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นมาแล้วไม่น้อยกว่าห้าปีนับถึงวันสมัครรับเลือก
(25) เป็นบุพการี คู่สมรส หรือบุตรของผู้ดํารงตําแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภาข้าราชการการเมือง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาในคราวเดียวกันหรือผู้ดํารงตําแหน่งใดในศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระ
(26) เคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาตามรัฐธรรมนูญ
(https://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2561/A/068/1.PDF)
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป