“…จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจาก นาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. คนละ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจตามที่ถูกกล่าวหาจริง อันเป็นความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537…”
.....................................
สืบเนื่องจากกรณีที่เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ซ้อนแผนจับกุม คำเติม นระศรี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) พิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ หลังเรียกรับเงินจาก 'ลูกจ้าง' 3 ราย คนละ 1 แสนบาท เพื่อต่อสัญญาจ้าง
กระทั่งต่อมาวันที่ 12 ก.ย.2561 ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มีคำสั่งให้ คำเติม นระศรี พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เนื่องจากกระทำความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตาม คำเติม นระศรี (ผู้ฟ้องคดี) ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครอง โดยขอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอนคำสั่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 6460/2561 ลงวันที่ 12 ก.ย.2561 ที่ให้ คำเติม นระศรี พ้นจากตำแหน่งนายก อบต. พิมูล และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์คืนเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งให้พ้นตำแหน่งแก่ คำเติม ด้วย
ทั้งนี้ หลังจากต่อสู้คดีในชั้นศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด รวมแล้วกว่า 5 ปี ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มี.ค.2567 ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อร.161/2563 คดีหมายเลขแดงที่ อร.21/2567 ลงวันที่ 8 ก.พ.2567 พิพากษายกฟ้องในคดีกล่าว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) จึงขอนำเสนอข้อเท็จจริง พฤติการณ์แห่งคดี ข้อต่อสู้ของผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) และคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ก่อนที่ศาลปกครองสูงสุดจะมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีนี้ มีรายละเอียดที่น่าสนใจ ดังนี้
@เรียกเงินลูกจ้างคนละ 1 แสน ก่อน‘ตร.’ซ้อนแผนจับสด
คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฎว่า ผู้ถูกฟ้องคดี (ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์) มีคำสั่งจังหวัดกาพสินธุ์ ที่ 6460/2561 ลงวันที่ 12 ก.ย.2561 ให้ผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์
กรณีผู้ฟ้องคดีมีพฤติกรรมเรียกรับเงินจาก นาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. คนละ 100,000 เพื่อเป็นค่าต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจ อันเป็นความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537 แก้ไขเพิ่มเติมถึง (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2552
กรณีจึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่าผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) ได้กระทำความผิดตามที่ลงโทษหรือไม่ ซึ่งตามรายงานผลการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอำเภอห้วยเม็ก ที่ 512/2560 ลงวันที่ 8 ธ.ค.2560 ได้ความว่า
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2560 เวลาประมาณ 17 นาฬิกา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กองกำกับการสืบสวน 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 ได้ร่วมกันจับกุมผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) หลังจากได้รับการประสานงานจากเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ ว่า ได้รับเรื่องร้องเรียน จากนางสาว ส. นาย ว. และนาง ย. กล่าวหาว่า ผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์เรียกรับผลประโยชน์โดยทุจริต
โดยเมื่อวันที่ 26 ก.ย.2560 เวลาประมาณ 13.50 นาฬิกา และวันที่ 27 ก.ย.2560 เวลาประมาณ 08.30 นาฬิกา ผู้ฟ้องคดีได้เรียกนาย ว. และนางสาว ส. ลูกจ้างตามภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล เข้าพบแล้วเรียกเงินจำนวนคนละ 100,000 บาท เพื่อจะต่อสัญญาจ้างที่ใกล้จะสิ้นสุดลง และให้ นางสาว ส. แจ้งให้นาง ย. ทราบว่า ลูกจ้างรายอื่น ก็ต้องจ่ายเงินจำนวน 100,000 บาท เช่นกัน จึงจะทำการต่อสัญญาจ้างให้
โดยในการจับกุมครั้งดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเงินสดจำนวน 100,000 บาท ประกอบด้วย ธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 100 ฉบับ ประกอบด้วยหมายเลขธนบัตรของกลางในบันทึกการจับกุม
โดยก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้กล่าวหาไป ได้มีการทำสำเนาภาพถ่ายลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานไว้ และวางแผนให้ นาย ว. และนางสาว ส. นำเงินไปมอบให้ผู้ฟ้องคดีที่ร้านอาหารครัวน้อง ฮ. โดยให้นัดหมายผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) มาพบเพื่อรับเงินค่าต่อสัญญาจ้างตามสถานที่นัดพบ และให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสังเกตการณ์อยู่บริเวณใกล้เคียง
เมื่อถึงเวลานัดหมาย นาย ว. และนางสาว ส. ได้เดินทางไปยังร้านอาหารครัวน้องฮ. ตามที่นัดหมายและนั่งรอ ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้สังเกตการณ์อยู่บนรถที่จอดอยู่บริเวณลานจอดรถของร้านอาหาร สามารถมองเห็นโต๊ะอาหารที่ผู้ร้องเรียนนั่งรออยู่อย่างชัดเจน
ต่อมา เมื่อเวลา 16.45 นาฬิกา ผู้ฟ้องคดีได้เดินไปที่โต๊ะอาหารที่นาย ว. และนางสาว ส. นั่งรออยู่ หลังจากพูดคุยกันไม่นาน นางสาว ส. ได้ยื่นธนบัตรจำนวนดังกล่าวมอบให้แก่ผู้ฟ้องคดี โดยผู้ฟ้องคดีรับไว้และเก็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อด้านซ้าย ในขณะที่ส่งมอบเงินนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจมองเห็นเหตุการณ์ได้อย่างซัดเจน จึงได้เข้าไปแสดงตัวเพื่อทำการจับกุม
ผู้ฟ้องคดีได้ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนตามบันทึกถ้อยคำ ลงวันที่ 20 ก.พ.2561 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ตอบเรื่องที่มาของเงินจำนวน 100,000 บาท ที่พบในตัวของผู้ฟ้องคดีว่า เป็นค่าอะไร รวมทั้งไม่มีความเห็นเกี่ยวกับการถูกเจ้าหน้าตำรวจจับกุมเมื่อวันที่ 29 ก.ย.2560
และต่อมาผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) มีหนังสือ ที่ พิเศษ 2/2561 ลงวันที่ 27 ก.พ.2561 ให้ถ้อยคำเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการสอบสวน โดยให้การปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่า การพิจารณาต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมูลเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2559 ลงวันที่ 26 ธ.ค.2559 แล้ว
@อ้างต่อสัญญาจ้างไปแล้ว-ไม่ได้เรียกรับเงิน ‘ฟังไม่ขึ้น’
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว แม้ผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) จะให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้เรียกรับเงินจากนาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. คนละ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจก็ตาม
แต่ข้อเท็จจริงในการต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างทั่วไปและพนักงานจ้างตามภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล ที่จะสิ้นสุดสัญญาจ้างในวันที่ 30 ก.ย.2560 จำนวน 6 ราย (รวมนายว. นางสาว ส. และนาง ย.) ปรากฎว่า ปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูลได้มีหนังสือ งานบริหารงานบุคคล สำนักปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล ที่ กส 77201/- ลงวันที่ 25 ก.ย.2560 แจ้งหัวหน้ากอง/ผู้อำนวยการกอง เพื่อให้ส่งแบบประเมินผลการปฏิบัติงานให้งานบริหารงานบุคคล เพื่อรวบรวมเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณา ภายในวันที่ 29 ก.ย.2560
จากนั้น งานบริหารงานบุคคล สำนักปลัดองค์การ บริหารส่วนตำบลพิมูล ได้มีหนังสือ ที่ กส 77201/- ลงวันที่ 25 ก.ย.2560 เรื่อง ขออนุมัติต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้าง เสนอผ่านผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นจนถึงผู้ฟ้องคดี ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล ว่า
เนื่องจากสัญญาจ้างพนักงานจ้างทั่วไปและพนักงานจ้างตามภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล จะสิ้นสุดสัญญาจ้างในวันที่ 30 ก.ย.2560 จำนวน 6 ราย (รวมนายว. นางสาว ส. และนาง ย.) ผู้บังคับบัญชาได้ประเมินผลการปฏิบัติงานเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี ของพนักงานจ้างทั้งหกราย
และคณะกรรมการกลั่นกรองการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง ประจำปี 2560 มีมติเห็นชอบผลการประเมินของผู้บังคับบัญชาในการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการปฏิบัติงานของพนักงานจ้าง สมควรต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างทั้งหกราย หากอนุมัติจะได้ขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดกาฬสินธุ์ต่อไป และผู้ฟ้องคดีได้มีคำสั่งอนุมัติตามข้อเสนอเมื่อวันที่ 25 ก.ย.2560
จากนั้น คณะกรรมการกลั่นกรองการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจ้างในการประชุมครั้งที่ 2 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2560 มีมติเห็นชอบผลการประเมินการปฏิบัติงานของพนักงานจ้างทั้งหกราย จากนั้นผู้ฟ้องคดีได้มีหนังสือองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล ที่ กส 77201/434 ลงวันที่ 2 ต.ค.2560 ถึงประธานคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อขอความเห็นชอบการต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างดังกล่าว
โดยที่หลักเกณฑ์ตามประกาศคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดกาฬสินธุ์ เรื่อง หลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับพนักงานจ้าง (ฉบับที่ 3) ลงวันที่ 5 ส.ค.2557 ข้อ 44 (3) กำหนดว่า ให้นำผลการประเมินการปฏิบัติงานของพนักงานจ้างผู้นั้นมาประกอบการพิจารณาในการต่อสัญญาจ้าง โดยผู้ที่ได้รับการพิจารณาให้ต่อสัญญาจ้างจะต้องมีผลการประเมินผลการปฏิบัติงานเฉลี่ยย้อนหลัง 2 ปี ไม่ต่ำกว่าระดับดี
ทั้งนี้ การต่อสัญญาจ้าง ให้ผู้บังคับบัญชาทำความเห็นเสนอนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเพื่อพิจารณาสั่งจ้าง โดยจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบล ซึ่งการดำเนินการประเมินการปฏิบัติงานพนักงานจ้างเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาที่ต้องดำเนินการทุกปีตามประกาศดังกล่าวกำหนดไว้
กรณีจึงเห็นได้ว่าช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. ถึงวันที่ 2 ต.ค.2560 การดำเนินการต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจขององค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล จำนวน 6 คน (รวมนาย ว. นางสาว ส. และนาง ย.) ยังไม่สิ้นสุด
การที่ผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) อ้างในอุทธรณ์ว่า ได้มีการต่อสัญญาจ้าง นาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2560 และวันที่ 30 ก.ย.2560 แล้วนั้น ย่อมเป็นการดำเนินการต่อสัญญาจ้าง โดยที่ยังไม่ได้รับความเห็นชอบการต่อสัญญาจ้างจากคณะกรรมการพนักงานส่วนตำบลจังหวัดกาฬสินธุ์
จึงไม่ชอบตามข้อ 44 (3) ของประกาศดังกล่าว และไม่อาจถือว่ามีการต่อสัญญาจ้างนาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. แล้ว ข้อกล่าวอ้างของผู้ฟ้องคดีจึงไม่อาจรับฟังได้
@หลักฐานมัด-ถ้อยคำพยานฯไม่มีน้ำหนักหักล้างฯ
เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) ได้ ในขณะที่นางสาว ส. มอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2560 ซึ่งยังอยู่ในช่วงการพิจารณาดำเนินการต่อสัญญาจ้าง ตรงตามข้อเท็จจริงที่นาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. ได้ร้องเรียนกล่าวหาว่าผู้ฟ้องคดีได้เรียกรับเงินจากบุคคลทั้งสามดังกล่าว คนละ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนการดำเนินการต่อสัญญาจ้าง
และในขณะที่นางสาว ส. มอบเงินจำนวน 100,000 บาท ให้แก่ผู้ฟ้องคดีนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมองเห็นเหตุการณ์อย่างชัดเจน ประกอบกับในการสอบสวน ผู้ฟ้องคดีไม่สามารถอธิบายแหล่งที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นข้อพิรุธ และธนบัตรจำนวน 100,000 บาท ที่พบในตัวผู้ฟ้องคดีก็ตรงกับธนบัตรที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สำเนาภาพถ่ายลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน
อีกทั้งพยานบุคคลยังให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า เสียงสนทนาในแผ่นซีดีเป็นการบันทึกเสียงการสนทนาเกี่ยวกับการต่อสัญญาจ้างและเรียกรับเงินเพื่อต่อสัญญาจ้าง ระหว่างผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) กับ นาย ว. และนางสาว ส.
ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีได้อ้างพยานบุคคลรวม 15 ราย เพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ฟ้องคดีไม่ได้มีพฤติการณ์ในการเรียกรับเงิน และไม่มีการเลือกปฏิบัติในการพิจารณาต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามที่ถูกกล่าวหา และเป็นการพิสูจน์ว่ามีการสร้างสถานการณ์ให้ร้ายผู้ฟ้องคดี
อีกทั้งผู้กล่าวหาทั้งสามคนทราบอยู่แล้วว่า ตนผ่านเกณฑ์การประเมินและได้รับการพิจารณาต่อสัญญาจ้างแล้วตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.2560 แต่สาเหตุที่ผู้กล่าวหาทั้งสามคนกล่าวหาผู้ฟ้องคดีเนื่องจากมีความไม่พอใจที่ผู้ฟ้องคดีได้ว่ากล่าวตักเตือนผู้กล่าวหาเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในหน้าที่
โดยกรณีที่ผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) อ้างว่า มีการสร้างสถานการณ์ให้ร้ายผู้ฟ้องคดี เพื่อให้พนักงานสอบสวนสำคัญผิดว่า ผู้ฟ้องคดีเรียกรับเงินเพื่อต่อสัญญาจ้างนั้น พยานบุคคลที่ผู้ฟ้องคดีอ้างดังกล่าวได้ให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการสอบสวนเพียงว่า ตนไม่เกี่ยวข้องและไม่ทราบกรณีผู้ฟ้องคดีถูกกล่าวหาว่าเรียกรับเงินเพื่อต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้าง
และไม่ทราบเรื่องการสร้างสถานการณ์ให้ร้ายผู้ฟ้องคดีในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด ถ้อยคำของพยานบุคคลที่ผู้ฟ้องคดีอ้างดังกล่าว จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานอื่นของฝ่ายผู้กล่าวหาได้
จากข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงเชื่อได้ว่าผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล มีพฤติการณ์เรียกรับเงินจาก นาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. คนละ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจตามที่ถูกกล่าวหาจริง อันเป็นความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ. สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537
@พิพากษายืนคำสั่งผู้ว่าฯสั่งเด้ง‘อดีตนายกฯอบต.พิมูล’
ส่วนที่ผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) อุทธรณ์ว่า คณะกรรมการสอบสวนตามคำสั่งอำเภอห้วยเม็ก ที่ 512/2560 ลงวันที่ 8 ธ.ค.2560 ไม่ได้แสวงหาข้อเท็จจริงทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง ไม่รับฟังพยานหลักฐาน คำชี้แจง หรือความเห็นของคู่กรณี และไม่ขอข้อเท็จจริงหรือความเห็นจากคู่กรณี พยานบุคคล
โดยเฉพาะกรณีที่นายว. นางสาว ส. และนาง ย. ไม่พอใจผู้ฟ้องคดีเป็นการส่วนตัว จึงได้สร้างพยานหลักฐานปรักปรำผู้ฟ้องคดี จึงไม่ชอบตามมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
เห็นว่า คณะกรรมการสอบสวนที่นายอำเภอห้วยเม็กแต่งตั้งดังกล่าว ได้ดำเนินการสอบสวนผู้กล่าวหา ผู้ฟ้องคดี พยานบุคคลฝ่ายที่กล่าวหา รวมทั้งพยานบุคคลที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้าง ทั้งในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริง และที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างเพิ่มเติมเพื่อพิสูจน์ว่า ผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) ไม่มีพฤติการณ์เรียกรับเงินตามที่ถูกกล่าวหาและพิสูจน์ว่า มีการสร้างสถานการณ์ใส่ร้ายผู้ฟ้องคดี
แต่พยานบุคคลส่วนใหญ่ต่างให้ถ้อยคำว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่ทราบกรณีผู้ฟ้องคดีถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินเพื่อต่อสัญญาจ้าง และไม่ทราบเรื่องการสร้างสถานการณ์ให้ร้ายผู้ฟ้องคดีแต่อย่างใด
นอกจากนั้น คณะกรรมการสอบสวนยังได้พิจารณาพยานเอกสารตามหนังสือสถานีตำรวจภูธรห้วยเม็ก ลับ ที่ ตช 0019 (กส).3 (12)/2796 ลงวันที่ 3 ต.ค.2560 เรื่อง รายงานการจับกุมผู้ฟ้องคดี และสำเนารายงานบันทึกการจับกุมของสถานีตำรวจภูธรห้วยเม็ก ลงวันที่ 29 ก.ย.2560
รวมทั้งแผ่นซีดีบันทึกเสียงการสนทนาจำนวน 1 แผ่น รวมทั้งมีการสอบสวนเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงชัดเจนเกี่ยวกับเสียงสนทนาที่ปรากฎในแผ่นซีดีดังกล่าวด้วยแล้ว ซึ่งพยานบุคคลต่างยืนยันว่าเป็นเสียงสนทนาของผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) กับนาย ว. และ นางสาว ส.
กรณีจึงรับฟังได้ว่า คณะกรรมการสอบสวนได้แสวงหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง รับฟังพยานหลักฐาน คำชี้แจง ความเห็นของคู่กรณีพยานบุคคลที่คู่กรณีกล่าวอ้าง รับฟังข้อเท็จจริงจากคู่กรณี พยานบุคคล และพยานเอกสารตามมาตรา 29 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ซึ่งครบถ้วนเพียงพอที่จะนำมาพิจารณาแล้ว รายงานผลการสอบสวนให้นายอำเภอห้วยเม็กและผู้ถูกฟ้องคดี (ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์) พิจารณาเรื่องที่ผู้ฟ้องคดีถูกกล่าวหาได้แล้ว
ส่วนคณะกรรมการสอบสวนจะสอบสวนพยานบุคคลด้วยคำถามใดนั้น ขึ้นอยู่กับแนวทางการสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนเพื่อให้ได้ความจริงว่าผู้ฟ้องคดีมีพฤติการณ์ตามที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ อุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีในประเด็นนี้ จึงไม่อาจรับฟังได้เช่นเดียวกัน
เมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่า พฤติการณ์ของผู้ฟ้องคดี (คำเติม นระศรี) ที่เรียกรับเงินจาก นาย ว. นางสาว ส. และนาง ย. คนละ 100,000 บาท เพื่อเป็นค่าต่อสัญญาจ้างพนักงานจ้างตามภารกิจจริงตามที่ถูกกล่าวหา เป็นความผิดฐานละเลยไม่ปฏิบัติตามหรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.สภาตำบลและองค์การบริหารส่วนตำบล พ.ศ.2537
การที่ผู้ถูกฟ้องคดี (ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์) มีคำสั่งจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ 6460/2561 ลงวันที่ 12 ก.ย.2561 ให้ผู้ฟ้องคดีพ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลพิมูล อำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว การที่ศาลปกครองชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง นั้น ศาลปกครองสูงสุดเห็นพ้องด้วย
เหล่านี้รายละเอียดในคดี ‘จับสด’ อดีตนายกฯ อบต. พิบูล กรณีเรียกรับเงินจากลูกจ้างเพื่อต่อสัญญาจ้าง เมื่อปี 2560 ซึ่งหลังจากต่อสู้คดีมาเป็นเวลากว่า 5 ปี ในท้ายที่สุดศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาว่าคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ให้ คำเติม นระศรี พ้นจากตำแหน่งนายกฯ อบต. พิบูล นั้น เป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว!
อ่านประกอบ :
หลักฐานไลน์มัด! ผู้ว่าฯ อุบล สั่งนายกอบต.ดอนใหญ่พ้นตำแหน่ง ถูกจับสดเรียกเงินลูกจ้าง
รวบคาห้องทำงาน! จับสดรองผอ.โรงเรียนสนามบินขอนแก่น เรียกเงินแป๊ะเจี๊ยะ 1 หมื่น
หลังถูกจับสด! อดีตนายกอบต.วรนคร โดนคุก 4 ปี 12 ด. สารภาพเรียกส่วนแบ่งจ่ายโบนัส พนง.
ป.ป.ช.สนธิกำลัง ตร.ภูธรสุโขทัย จับสดนายช่าง อบต.ป่างิ้วเรียกเงินคู่สัญญา 1.3 แสน
นายก อบต.หนองม่วงแจงถูกกลั่นแกล้ง หลัง ป.ป.ช.จับสดคดีเรียกเงินต่อสัญญาลูกจ้าง
เรียกเงินค่าดูแล 3 พัน/ด.! จับสด พนง.เทศกิจเขตดุสิต แลกไม่เข้าตรวจความสะอาดงานก่อสร้าง