'ศุภศิษย์ กอเจริญยศ' ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ลงนามคำสั่งให้ 'นวลหงส์ พรมดาว' พ้นตำแหน่งนายก อบต.ดอนใหญ่แล้ว หลังถูก ป.ป.ช.สนธิกำลัง ตร.จับสด เรียกเงินต่อสัญญาลูกจ้าง 18 คน รายละ 5,000 – 10,000 บาท ช่วงเดือน ส.ค.66 เผยพิจารณาผลการสอบสวนความเห็นนายอำเภอ เชื่อได้ว่า มีพฤติการณ์ดังกล่าวจริง พยานหลักฐานทางไลน์มัด - มีสิทธิฟ้องศาลปกครองโต้แย้งคำสั่งได้ภายใน 90 วัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค.2567 ที่ผ่านมา นายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี มีคำสั่งให้ นายนวลหงส์ พรมดาว พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดอนใหญ่ อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากถูกเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้าจับกุมตัวพร้อมของกลางเป็นธนบัตรบรรจุในซองขาว จำนวน 6 ซอง รวมเป็นเงิน 45,000 บาท ภายในห้องที่ทำการ อบต.ดอนใหญ่ ถูกกล่าวหามีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าต่อสัญญาจ้างจากพนักงานจ้าง อบต.ดอนใหญ่ ที่กำลังจะหมดสัญญาจ้างในวันที่ 30 กันยายน 2566 จำนวน 18 ราย โดยเรียกรับเงินค่าต่อสัญญาจ้าง รายละ 5,000 – 10,000 บาท และใช้นางสาวอนุธิดา เวียนจันทร์ หรือแคท พนักงานจ้างตามภารกิจ ตำแหน่งเจ้าพนักงานธุรการ เป็นผู้ติดต่อแจ้งประสานพนักงานจ้าง
ขณะที่ จังหวัดอุบลราชธานี พิจารณาผลการสอบสวนและความเห็นของนายอำเภอศรีเมืองใหม่แล้ว เชื่อได้ว่า นายนวลหงษ์ พรมดาว นายกอบต. ดอนใหญ่ มีพฤติการณ์เรียกรับเงินค่าต่อสัญญาจ้างจากพนักงานจ้างของอบต.ดอนใหญ่ จริง จากการพิจารณาพยานหลักฐานและการสอบสวนพยานบุคคลพนักงานจ้าง ทั้ง 9 ราย ที่มีรายชื่อปรากฎในแผ่นกระดาษที่นางสาวอนุธิดา รับจากมือนายนวลหงส์ ต่างให้ถ้อยคำสอดคล้องต้องกันและมีน้ำหนักเป็นที่รับฟังได้ว่า นายนวลหงส์ ประสงค์จะเรียกรับเงินค่ต่อสัญญาจ้างจริง ถึงแม้นายนวลหงส์จะให้การปฏิเสธว่าไม่เคยบอกหรือเขียนรายชื่อให้กับนางสาวอนุธิดา แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่าได้ยื่นกระดาษที่มีรายชื่อพนักงานจ้างที่จะเรียกรับเงินคำต่อสัญญาจ้างแต่อย่างใด
รวมถึงเมื่อพิจารณาถึงพยานหลักฐานทางไลน์ เมื่อนางสาวอนุธิดา ได้รับแจ้งจากนายนวลหงส์แล้ว ได้มีการส่งไลน์ถึงพนักงานจ้างที่มีรายชื่อถูกเรียกรับเงินค่าต่อสัญญาจ้างได้ทราบ พิจารณาแล้วไม่พบแรงจูงใจหรือเหตุผลอื่นใดที่พนักงานจ้างดังกล่าวจะไปปรักปรำหรือใส่ร้ายป้ายสีนายนวลหงส์ และเมื่อได้พิจารณาจากพยานหลักฐานและพฤติกรรมการกระทำดังกล่าวของ นายนวลหงษ์ ประกอบกับผลการสอบสวนและความเห็นของนายอำเภอศรีเมืองใหม่ จึงเป็นหลักฐานตามสมควรว่า นายนวลหงษ์ มีการกระทำอันเป็นความผิดเข้าข่ายการประพฤติตนที่ฝ่าฝืนความสงบเรียบร้อยตามกฎหมาย ผู้ว่าฯ อุบลฯ จึงอาศัยอำนาจตามกฎหมาย ให้ นายนวลหงษ์ พ้นจากตำแหน่งนายก อบตดอนใหญ่
อย่างไรก็ดี นายนวลหงส์ มีสิทธิ์ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองอุบลราชธานี เพื่อโต้แย้งคำสั่งนี้ได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งหรือรับทราบคำสั่งให้พ้นตำแหน่งดังกล่าว (ดูคำสั่งประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.และเจ้าหน้าที่ ตำรวจ เข้าจับสด นายก อบต.ดอนใหญ่ เรียกรับเงินต่อสัญญาลูกจ้าง โดยชุดจับกุมได้นำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 30 ฉบับ ซึ่งรับมอบจากสายลับ (ผู้เสียหาย) ไปลงประจำวันล่อซื้อไว้ที่ สภ.วารินชำราบ จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้วางแผนโดยนำธนบัตรที่ลงประจำวันไว้มอบให้สายลับนำไปแจกจ่ายให้กับพวกเพื่อทำการล่อซื้อโดยให้เขียนชื่อของผู้มอบเงินและตัวเลขจำนวนเงินให้ปรากฏที่หน้าซอง แล้วพากันนำไปมอบให้ที่ห้องทำงานของนายนวลหงส์ฯ แต่นายนวลหงส์ฯ ได้ปฏิเสธ โดยแจ้งว่าให้นางสาวอนุธิดา เวียงจันทร์ หรือแคท เป็นผู้ไปรวบรวมเงินมามอบให้ที่ห้องทำงาน สายลับจึงได้แจ้งถึงพฤติการณ์ดังกล่าวให้ชุดจับกุมทราบ จากนั้นสายลับกับพวกได้มอบซองเงินล่อซื้อ ให้กับนางสาวอนุธิดาฯ แล้วส่งสัญญานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่า ขณะนี้นางสาวอนุธิดาฯ กำลังนำเงินไปมอบให้นายนวลหงส์ฯ ที่ห้องทำงานแล้ว
ชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวและแสดงความบริสุทธิ์ใจ ผลการตรวจค้นปรากฏว่า พบของกลางทั้ง 6 รายการบรรจุอยู่ในซองสีน้ำตาลสอดอยู่ภายในแฟ้มที่วางอยู่โต๊ะทำงาน ชุดจับกุมจึงได้นำมาตรวจสอบกับสำเนาประจำวันที่ได้ลงประจำวันไว้ โดยของกลางรายการ ที่ 1 2 และ 3 มีธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ถูกต้องตรงกันกับที่ได้ลงประจำวันไว้ทั้ง 30 ฉบับ
สอบถาม นายนวลหงส์ฯ ได้ให้การปฏิเสธว่า ตนน่าจะถูกกลั่นแกล้งเนื่องจากเข้มงวดวินัยกับเจ้าหน้าที่ในองค์การบริหารส่วนตำบลดอนใหญ่และไม่ทราบเรื่องเงิน แต่นางสาวอนุธิดาฯ ได้รับสารภาพว่าได้รับมอบหมายจากนายนวลหงส์ฯ ให้เป็นผู้ติดต่อและรวบรวมเงินค่าต่อสัญญาทั้ง 6 ซอง ที่วางอยู่บนโต๊ะมามอบให้กับนายนวลหงส์ฯ จึงได้นำมามอบให้ และตัวนางสาวอนุธิดาฯ เองก็ถูกนายนวลหงส์ฯ เรียกให้จ่ายเงินให้นายนวลหงส์ฯ จำนวน 10,000 บาท ชุดจับกุมทราบดังนั้นจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา แจ้งสิทธิผู้ต้องหา นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ล่าสุด ในส่วนคดีอาญา พนักงานสอบสวน เสนอความเห็นควรสั่งฟ้องคดีไปเมื่อปลายเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาแล้ว
อย่างไรก็ดี คดีนี้ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาชี้ขาดว่ามีการกระทำความผิดริง นายนวลหงส์ และผู้เกี่ยวข้อง ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และมีสิทธิ์ต่อสู้คดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย