"...มีการประเมินฉากทัศน์การเมืองหลังจากนี้ โดยเริ่มจากคดียุบพรรคก้าวไกลในศาลรัฐธรรมนูญ หากผล ‘เป็นลบ’ จะทำให้ สส.กระจัดกระจายไม่อะไรกับตอน ‘ยุบพรรคอนาคตใหม่’ และปฏิบัติการ ‘ซื้อตัวงูเห่า’ จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ล้อไปกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ในช่วงกระแสยุบพรรคก้าวไกลแรง ๆ มี ‘งูเห่าสีส้ม’ ไม่น้อยกว่า 40 คน เริ่มต่อสายดีลขอ ‘พลิกขั้ว’ ร่วมรัฐบาล หนึ่งในนั้นคือ ‘พรรคการเมือง’ ที่ ‘พี่ใหญ่’ รายนี้ดูแลอยู่..."
สถานการณ์ ‘รัฐบาลเพื่อไทย’ ที่นำโดย ‘เศรษฐา ทวีสิน’ นายกรัฐมนตรีคนที่ 29
ดูท่ากำลังร่อแร่
พลันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 เสียงรับคำร้องพิจารณา ‘คุณสมบัติ’ จากกรณีการแต่งตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงแม้ว่า ‘พิชิต’ จะเผชิญแรงกดดันจน ‘ชิงลาออก’ ไปตั้งแต่ก่อนศาลรัฐธรรมนูญพิจารณารับคำร้องแล้วก็ตาม
แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติเสียงข้างมากแบบฉิวเฉียด 5 ต่อ 4 เสียง ไม่สั่งให้ ‘เศรษฐา’ ยุติการปฏิบัติหน้าที่ก็ตาม
แต่ยังคง ‘สุ่มเสี่ยง’ ตกเก้าอี้ได้ทุกเมื่อ เพราะ ‘ฝ่ายอนุรักษนิยม’ ที่มี ’40 สว.’ รับงานขับเคลื่อนเดิมเกมล้มรัฐบาลอยู่นี้ มีการปักธงชัดเจนให้เกิดการ ‘รีเซ็ตการเมือง’
เศรษฐา ทวีสิน /ภาพจาก www.thairath.co.th
สาเหตุประการสำคัญที่ทำให้ ‘เศรษฐา’ ตกที่นั่งลำบากทางการเมือง หนีไม่พ้นการเดินเกมเกินกรอบ ‘ซูเปอร์ดีล’ ของ ‘นายใหญ่’ ทั้งการดอดไปเจรจาลับกับผู้นำชาติพันธุ์ของเมียนมา การส่งสัญญาณโต้ง ๆ ว่าจะพา ‘น้องสาว’ กลับบ้านในเดือน ต.ค.นี้ สร้างความไม่พอใจให้กับ ‘ฝ่ายอนุรักษนิยม’ เป็นอย่างมาก
จึงทำให้แผนลับครั้งนี้ เดินเกมอย่างเงียบเชียบ ไม่มีกระโตกกระตาก ล่ารายชื่อ สว.กันอย่างรวดเร็ว ก่อนเสนอ ‘พรเพชร วิชิตชลชัย’ ประธานวุฒิสภา ส่งศาลรัฐธรรมนูญ กว่า ‘รัฐบาล’ จะรู้ตัวเรื่องก็ไปถึงขั้นตอนธุรการของศาลเรียบร้อยแล้ว
แม้ปัจจุบันจะมีความพยายามแก้เกมจาก ‘ฝ่ายรัฐบาล’ ที่ส่งคนไปร้องเรียนต่อ บก.ปปป.เพื่อขอให้ตรวจสอบว่า มี สว.บางคน ‘ปลอมลายเซ็น’ ในการลงชื่อเพื่อชงศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว จากการที่มี สว.บางคนไม่ยอมรับว่าได้ร่วมลงชื่อในครั้งนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า กระบวนการทางรัฐธรรมนูญได้เริ่มนับหนึ่ง และส่งผลกระทบทางการเมืองไปแล้ว
ว่ากันว่าในกลุ่ม 40 สว.ที่เดินเกมลับครั้งนี้ แม้จะไม่มีการเปิดเผยชื่อออกมาอย่างเป็นทางการ แต่นำโดย ‘สว.สายทหาร-ตำรวจ’ บางกลุ่ม ที่มีความสนิทชิดเชื้อกับ ‘2 ลุง’ ร่วมกับกลุ่ม สว.พลเรือน ที่มีแนวคิด ‘อนุรักษนิยมสุดโต่ง’ โดยกลุ่มนี้มีแนวคิดทางการเมืองเป็นของตัวเอง ทำโดยไม่ขอรับใบสั่งจากใคร
ขณะที่ผู้เขียนคำร้องให้ 40 สว.ไปยื่นแก่ศาลรัฐธรรมนูญนั้น มีการพูดถึงหนาหูว่าคือ ‘อดีต สว.’ สาย 40 สว.เดิม มีบทบาททางการเมืองมายาวนานนับ 10 ปี และมีบทบาทสำคัญเดินเกมล้ม ‘รัฐบาลนารีขี่ม้าขาว’ มาแล้ว ซึ่งมีความสนิทชิดเชื้อกับ สว.สายทหาร และ สว.พลเรือนสายอนุรักษนิยมเป็นอย่างดี
ขณะที่ตัวเชื่อมระหว่าง สว.มายัง ‘ฝ่ายการเมือง’ ปัจจุบัน คือ อดีต สว.ผู้เขียนคำร้องคนนี้ ปัจจุบันสังกัด ‘พรรคการเมือง’ ชื่อดังพรรคหนึ่งที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลที่แล้ว ปัจจุบันก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ แต่กว่า ‘นายใหญ่-ค่ายสีแดง’ จะรู้ตัว ก็สายเกินกว่าจะเดินเกม ‘ล็อบบี้’ แล้ว
เมื่อต่อจิ๊กซอว์ อดีต สว.คนร่างคำร้อง ที่ปัจจุบันสังกัดพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล บวกกับ สว.สายทหาร-ตำรวจ ที่ชิดเชื้อกับ ‘2 ลุง’ และ สว.พลเรือน ทำให้มีการประเมินจาก ‘นักเลือกตั้ง’ ว่า ‘พี่ใหญ่’ แห่งวงการ อยากคัมแบ็กกลับมา ‘ขึ้นหลังเสือ’ อีกครั้ง โดยใน 2 ลุงเหลืออยู่ ‘1 ลุง’ เท่านั้นที่ยังโลดแล่นในทางการเมือง
ที่ผ่านมา ‘ลุง’ คนนี้มีความพยายามอยากเป็น ‘นายกฯ’ มานานแล้ว เพราะเป็นความฝันส่วนตัว เคยมีความพยายายามจะทำให้เกิดขึ้น แต่ถูก ‘น้องเล็ก’ เบรกเอาไว้ก่อน จนกลายเป็นเรื่องสะเทือนทำเนียบรัฐบาลมาแล้ว
มีการประเมินฉากทัศน์การเมืองหลังจากนี้ โดยเริ่มจากคดียุบพรรคก้าวไกลในศาลรัฐธรรมนูญ หากผล ‘เป็นลบ’ จะทำให้ สส.กระจัดกระจายไม่อะไรกับตอน ‘ยุบพรรคอนาคตใหม่’ และปฏิบัติการ ‘ซื้อตัวงูเห่า’ จะเกิดขึ้นอีกครั้ง ล้อไปกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้ในช่วงกระแสยุบพรรคก้าวไกลแรง ๆ มี ‘งูเห่าสีส้ม’ ไม่น้อยกว่า 40 คน เริ่มต่อสายดีลขอ ‘พลิกขั้ว’ ร่วมรัฐบาล หนึ่งในนั้นคือ ‘พรรคการเมือง’ ที่ ‘พี่ใหญ่’ รายนี้ดูแลอยู่
ตัวแปรสำคัญอีกอย่างคือ สว.ชุดปัจจุบัน ที่ไม่มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯแล้วเหมือนในอดีต นอกจากนี้ว่าที่ สว.ชุดใหม่ เกินกว่าครึ่งถูกประเมินว่าจะมาจาก ‘ซุ้มบ้านใหญ่’ ทำให้ ‘ฝ่ายสีส้ม’ ที่กำลังรณรงค์ ‘เสียงอิสระ’ อยู่ตอนนี้อาจไม่มีที่ยืนเพียงพอที่จะต่อต้าน
ภาพการประชุม สว./ https://prachatai.com/
ดังนั้นปัจจัยสุดท้ายที่ ‘พี่ใหญ่’ รอลุ้นคือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญกรณี ‘เศรษฐา’ ว่าจะออกมาหน้าไหน ซึ่งจะส่งผลกับ ‘ซูเปอร์ดีล’ ระหว่าง ‘นายใหญ่’ กับ ‘ฝ่ายอนุรักษนิยม’ ด้วย หากเกิดการดีลใหม่ในฉบับ ‘นายใหญ่ยอมถอยทุกก้าว’ อาจมีการเปลี่ยนตัวนายกฯเป็น ‘ลูกสาว’ ขึ้นมาแทน แต่ต้องพับแผนเบรก ‘น้องสาว’ กลับบ้านออกไปอย่างไม่มีกำหนด
แต่ถ้าดีลใหม่ไม่ลงตัว ‘พี่ใหญ่’ ก็มีลุ้นคัมแบ็กขึ้นหลังเสือ แถมอาจได้ไปไกลจนมีสิทธิ์นั่งเก้าอี้นายกฯสมัยแรกตามความฝันของเจ้าตัวอีกด้วย
ทั้งหมดทั้งมวลคงต้องรอสถานการณ์สุกงอมกว่านี้ในเดือน มิ.ย. ที่ถึงเส้นตายครบ 15 วันเปิดช่องให้ ‘เศรษฐา’ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา
ลุ้นว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะนัดไต่สวนต่อ หรือนัดฟังคำวินิจฉัยเลยหรือไม่