"...จุดเริ่มต้นกรณีนี้ เป็นผลมาจากคนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้ทำหนังสือแจ้งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในช่วงเดือนพ.ย.2565 เพื่อร้องเรียนแจ้งเบาะแสขอให้มีการสอบสวนกรณีนี้บริษัทเอกชนรายใหญ่ใช้พนักงานบริษัทและบริษัทในเครือ เป็นตัวแทนหรือนอมินี ในการเข้าไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ดังกล่าว พร้อมให้เบาะแส การถือครองที่ดิน น.ส.3 ก. ในอำเภอกมลา จังหวัดภูเก็ต และมีที่ดินบางแปลงได้ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดิน (ภูเขา) ซึ่งในทางกฎหมายไม่สามารถออกโฉนดดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นเขตป่าไม้ถาวรหรือเขตป่าสงวนแห่งชาติและมีข้อมูลน่าเชื่อว่าได้มีการออกโฉนดและครอบครองที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย ..."
ยังคงเป็นประเด็นข่าวสำคัญ ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ติดตามตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง
กรณีในช่วงปลายปี 2566 ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ส่งข้อมูลการสอบสวนกรณีบริษัทเอกชนรายใหญ่ใช้พนักงานบริษัทและบริษัทในเครือ เป็นตัวแทนหรือนอมินี ในการเข้าไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ให้ ส.ป.ก. เข้าไปติดตามสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมาย
ขณะที่ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข สํานักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ยืนยันกับสำนักข่าวอิศราว่า ได้แจ้งให้ ส.ป.ก.จังหวัดสระบุรี ไปตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำให้ไปดูทั้งในเรื่องคุณสมบัติของผู้ที่ได้รับแจกที่ดิน กระบวนการขั้นตอนการแจกที่ดิน ว่าดำเนินการถูกต้องตามระเบียบหรือไม่ หากพบว่ามีการดำเนินการไม่ถูกต้อง ให้จัดการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด
- เปิดปม นอมินีบิ๊กเอกชน? ถือครองที่ ส.ป.ก.700 ไร่ สระบุรี -DSI พบหลักฐานประกันสังคมมัด
- DSI แจ้งมาจริง! ส.ป.ก.สั่งสอบแล้ว ข้อมูลนอมินีบิ๊กเอกชนถือครอง ส.ป.ก.700 ไร่ สระบุรี
- ข้อมูลลับ! คดีนอมินีบิ๊กเอกชน ถือครอง ส.ป.ก.700ไร่ สระบุรี - มี 41 คน จบปริญญาตรีเพียบ
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลจากแหล่งข่าวในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ถึงจุดเริ่มต้นคดีนี้ ว่า เป็นผลมาจากคนในพื้นที่จังหวัดสระบุรี ได้ทำหนังสือแจ้งถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในช่วงเดือนพ.ย.2565 เพื่อร้องเรียนแจ้งเบาะแสขอให้มีการสอบสวนกรณีนี้บริษัทเอกชนรายใหญ่ใช้พนักงานบริษัทและบริษัทในเครือ เป็นตัวแทนหรือนอมินี ในการเข้าไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ดังกล่าว พร้อมให้เบาะแส การถือครองที่ดิน น.ส.3 ก. ในอำเภอกมลา จังหวัดภูเก็ต และมีที่ดินบางแปลงได้ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดิน (ภูเขา) ซึ่งในทางกฎหมายไม่สามารถออกโฉนดดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นเขตป่าไม้ถาวรหรือเขตป่าสงวนแห่งชาติและมีข้อมูลน่าเชื่อว่าได้มีการออกโฉนดและครอบครองที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
หนังสือร้องเรียนแจ้งเบาะแสฉบับนี้ ระบุรายละเอียดดังต่อไปนี้
"ตามที่ปรากฏต่อสื่อมวลชนว่าบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่ง และบริษัทในเครื่อ ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและได้รับงานสัมปทานจากภาครัฐหลายโครงการ โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการที่เกี่ยวกับสาธารณูปโภคหลักของประเทศ ถือเป็นบริษัทที่มีความมั่งคั่งในฐานะทางการเงิน และทรงอิทธิพลต่อหน่วยงานภาครัฐอย่างยิ่ง
แต่เนื่องจากมีแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อ ได้ให้ข้อมูลแก่ข้าพเจ้ากับพวก โดยมีข้อเท็จจริงเบื้องต้นว่า บริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งนี้ กับพวกน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมาย ไร้ซึ่งธรรมมาภิบาลที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กระทำการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบด้วยกฎหมายให้ได้มาซึ่งที่ดิน ครอบครองที่ดิน โดยการเอารัดเอาเปรียบประชาชนผู้ยากไร้ อาศัยอิทธิพลและเงินโดยใช้ช่องว่างทางกฎหมายตักตวงผลประโยชน์จากนโยบายภาครัฐ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการถือครองที่ดิน ส.ป.ก. 4.01 จำนวนไม่น้อยกว่า 700 ไร่ ซึ่งที่ดินดังกล่าวรัฐได้สงวนไว้เฉพาะให้กับประชาชนซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ยากจนหรือยากไร้และไม่มีที่ดินทำกิน
แต่พบข้อมูลจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อว่าบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งนี้ กับพวกไร้ซึ่งจริยธรรมใช้อำนาจทางการเงิน อิทธิพลเบียดบังเอาที่ดิน ส.ป.ก.4.01 และยึดถือครอบครองเป็นของบริษัทฯในรูปแบบตัวแทนหรือ(นอมินี) โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และจากกรณีที่ข้าพเจ้ากับพวกทราบข้อมูลดังกล่าวตามหนังสือร้องเรียนที่น่าเชื่อถือ ทำให้มีข้อสงสัยว่ากรณีมีบุคคลที่เกี่ยวข้องต่างๆทั้งในฐานะบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลโดยเฉพาะน่าจะมีบุคคลที่เป็นตัวการสำคัญเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์จากที่ดินที่ได้มาโดยมิชอบด้วยกฎหมายเหล่านั้น คือเป็นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง เพราะได้เป็นตัวการเชิดบุคคลเหล่านั้นหรือเป็นตัวการที่ไม่เปิดเผยชื่อให้บุคคลต่างๆถือสิทธิในที่ดินไว้แทนตนในนามบริษัทฯ
โดยมีข้อมูลอันน่าเชื่อว่าผู้บริหารระดับสูงบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งนี้ กับพวกและกลุ่มนิติบุคคลบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีบริษัทในเครือจำนวนมาก กับพวกได้สมคบคิด แบ่งหน้าที่กันทำ วางแผนเป็นขั้นเป็นตอนเพื่อให้ได้มาซึ่งที่ดินของรัฐโดยมิชอบด้วยกฎหมายโดยเฉพาะที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ซึ่งพบว่ามีการนำบุคคลที่เป็นเครือญาติและพนักงานของบริษัทเข้าถือครองสิทธิในที่ดินเป็นจำนวนมาก
ทั้ง ๆ ที่บุคคลเหล่านั้นไม่เข้ากฎเกณฑ์เงื่อนไขระเบียบของทางราชการและไม่มีคุณสมบัติของการได้กรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. 4.01 ดังกล่าวดังกล่าว และตัวแทน(นอมินี) หรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวไม่ได้เป็นเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน ประกอบกับไม่เข้าหลักเกณฑ์นิยามคำว่ายากจนแต่ประการใดทั้งสิ้น และยังพบข้อมูลว่ามีการนำที่ดินไปแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่นการนำที่ดิน ส.ป.ก. 4.01 ไป ให้นิติบุคคลอื่นเช่าทำประโยชน์โดยใช้วิธีการหลบเลี่ยงการตรวจสอบจากภาครัฐ มีการจัดตั้งตัวแทน(นอมินี)
ในการทำสัญญา จัดเก็บผลประโยชน์อย่างประจักษ์ชัด ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายอีกด้วย ด้วย
หลักฐานที่ปรากฎทั้งชื่อ การลงนาม สถานะ อาชีพ แหล่งที่อยู่ สถานที่ทำงาน ข้อมูลประกันสังคม การเสียภาษี การครอบครอง ของบุคคลที่เกี่ยวพันกับบริษัท จึงน่าเชื่อว่ามีกระบวนการให้ได้มาซึ่งสิทธิและการครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 โดยมิชอบด้วยกฎหมายของนิติบุคคลและกรรมการของบริษัทและนอมินีดังกล่าว
นอกจากนี้ยังพบว่ามีรายชื่อบุคคลที่เป็นหรือเคยเป็นพนักงานบริษัทฯ(นอมินี)ดังกล่าวได้ถือครองที่ดินจำนวนมากและไม่เข้าเงื่อนไขตามกฎเกณฑ์การได้มาซึ่งสิทธิในที่ดิน ส.ป.ก.4.01 ของรัฐ แต่เหตุใดจึงมีชื่อปรากฎในที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นเกษตรกรหรือผู้ยากจนตามวัตถุประสงค์แห่งกฎหมายดังกล่าวข้างต้น มีจำนวน 41 ราย ร่วมกันยึดถือครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี รวมไม่ต่ำกว่า 700 ไร่ โดยมีผู้บงการ ใช้จ้าง วาน และได้รับทราบการกระทำและได้ประโยชน์ในการกระทำความผิดครั้งนี้มาโดยตลอดอย่างต่อเนื่องยาวนาน
ตามพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2518 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2532 ระบุผู้มีสิทธิได้รับการจัดที่ดิน ส.ป.ก. มีเพียง 3 ประเภท ทั้งนี้โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการกระจายสิทธิในที่ดินของรัฐไปสู่ประชาชนที่ยากจนหรือยากไร้ซึ่งไม่มีที่ดินทำกิน เพื่อให้มีรายได้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
แต่ข้อมูลที่ได้รับมาจากแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ข้อเท็จจริงดังกล่าวน่าจะควรได้รับการตรวจสอบจากผู้มีอำนาจโดยตรง และหากพบว่าการกระทำของผู้บริหารบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งนี้ กับ พวก กระทำความผิด ร่วมกันยึดถือครอบครองหรือบุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.4-014 และเข้าข่ายความผิดกฎหมายอาญา เช่นให้การเท็จ เป็นต้น
ทั้งนี้ เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวเป็นนายทุนผู้ทรงอิทธิพลจึงไม่มีใครกล้าดำเนินการ ตรวจสอบ ดำเนินคดี ด้วยเหตุนี้จึงขอให้ท่านสั่งการ ติดตามให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบปฏิบัติตามและบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด อันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนผู้ยากไร้หรือยากจนไม่มีที่ดินทำกิน และถือเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติโดยรวมอนึ่ง
นอกจากนี้ยังพบว่ากลุ่มนิติบุคคลหรือบริษัทในเครือดังกล่าว ได้ครอบครองที่ดิน น.ส.3 ก. ในอำเภอกมลา จังหวัดภูเก็ต และมีที่ดินบางแปลงได้ดำเนินการขอออกโฉนดที่ดิน (ภูเขา) ซึ่งในทางกฎหมายไม่สามารถออกโฉนดดังกล่าวได้ เนื่องจากเป็นเขตป่าไม้ถาวรหรือเขตป่าสงวนแห่งชาติและมีข้อมูลน่าเชื่อว่าได้มีการออกโฉนดและครอบครองที่ดินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
จากการที่ข้าพเจ้ากับพวก ได้ทราบข้อมูลจากบุคคลที่ไม่เปิดเผยชื่อดังกล่าวหากท่านได้เห็นความสำคัญแล้ว ขอได้โปรดดำเนินการสืบสวน สอบสวน ตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทรัพย์สินของแผ่นดิน และทั้งนี้หากพบการกระทำความผิดตามที่แหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อให้ข้อมูลอย่างแจ้งชัดแล้ว ขอท่านได้โปรดดำเนินคดีต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายและนำตัวผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นนิติบุคคล/กรรมการ/ผู้เกี่ยวข้องในฐานะตัวการสนับสนุน ช่วยเหลือ มาลงโทษตามกฎหมายต่อไปด้วย"
*************
สำนักข่าวอิศรา รายงานเพิ่มเติมว่า ในหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ มีการระบุรายชื่อผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 ทั้ง 41 รายอย่างชัดเจน หลังจากนั้น ผ่านไปประมาณ 1 ปีเศษ ดีเอสไอ ได้ทำการสอบสอนและส่งข้อมูลการสอบสวนกรณีบริษัทเอกชนรายใหญ่ใช้พนักงานบริษัทและบริษัทในเครือ เป็นตัวแทนหรือนอมินี ในการเข้าไปถือครองที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เนื้อที่ไม่น้อยกว่า 700 ไร่ ในพื้นที่อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี ให้ ส.ป.ก. เข้าไปติดตามสอบสวนตามขั้นตอนทางกฎหมายเป็นทางการ
หลังผลการตรวจสอบพบว่า หลุ่มบุคคลที่ปรากฏชื่อเป็นผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ล้วนเป็นพนักงานบริษัท ของบริษัทเอกชนรายใหญ่หรือบริษัทในเครือดังกล่าว มีเงินเดือนประจำ ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำงานให้กับบริษัท เป็นอาชีพหลัก ไม่ใช่ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกร ทั้งช่วง ก่อน และหลังได้รับ ส.ป.ก. 4-01 แล้ว
ส่วนหลักฐานสำคัญ ที่ ดีเอสไอ ตรวจสอบพบ คือ ข้อมูลประกันสังคม ที่ผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ในกลุ่มนี้ ทำงานให้กับ บริษัทเอกชนรายใหญ่หรือบริษัทในเครือดังกล่าว ตามที่สำนักข่าวอิศรา นำเสนอข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้
หนังสือร้องเรียนแจ้งเบาะแสฉบับนี้ จึงถือเป็นปฐมบทในการสอบสวนกรณีของดีเอสไออย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันกรณีนี้ ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของ ส.ป.ก. ยังไม่มีการสรุปผลการตรวจสอบ ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนบริษัทเอกชนรายใหญ่นี้ มีชื่อเป็นทางการว่าอะไรนั้น ใครเป็นเจ้าของ กระทำความผิดจริงหรือไม่
อดใจรออีกไม่นาน สังคมคงจะได้รับทราบคำตอบที่ชัดเจนกัน