เปิดคำสั่ง ปปง. ยึดทรัพย์ ผจก.สหกรณ์ฯโกรกพระ จ.นครสวรรค์ 2 ครั้ง โฉนดที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง 10 แปลง 26.5 ล. พฤติการณ์ปลอมใบรับซื้อข้าวเปลือก กู้เงิน ใช้โฉนดตนเองค้ำ ตีราคาสูงเกินจริง – นำชื่อสมาชิกทำสัญญาเท็จกู้เงิน – ซื้อปั๊มแก๊สแอลพีจีอดีตเมีย กระทำรวม 116 ครั้ง เสียหาย 156 ล.
เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) มี
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรม ที่ ย. 3 /2567 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม)
ราย นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล คือ ที่ดินตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 28060 เลขที่ดิน 357 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 90 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ราคาประเมินรวม 768,500 บาท คดีร่วมกันฉ้อโกงสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ร่วมกระทำผิด 116 ครั้ง ความเสียหายกว่า 156 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ ปปง.โดยคณะกรรมการธุรกรรมมีคำสั่ง ที่ ย. 168/2566 ลงวันที่ 5 กันยายน 2566 ยึดทรัพย์สิน นายกุลเกียรติ กับพวก จำนวน 9 รายการ เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่า 25,761,300 บาท รวม 2 ครั้ง เป็นโฉนดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างในจ.นครสวรรค์ 10 รายการ มูลค่า 26,529,800 บาท
ที่มาและพฤติการณ์แห่งคดีตามที่ปรากฏในคำสั่งยึดทรัพย์สิน (เพิ่มเติม) ที่ ย. 3 /2567 ดังนี้
ที่มา กรมส่งเสริมสหกรณ์ชงสอบเส้นทางเงิน-ตร.สภ.โกรกพระรายงานคดี
ตามที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงานจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ ตามหนังสือ ลับ ที่ กษ 1115/636 คงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้จัดการสหกรณ์ คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ของสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด และบุคคลภายนอก ซึ่งอาจมีส่วนเกี่ยวข้องในการร่วมกันฉ้อโกงสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด และสถานีตำรวจภูธรโกรกพระ จังหวัดนครสารรค์ ตามหนังสือที่ ตซ 0021(นว).4o5/2092 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2564 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับการลักทรัพย์หรือฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระซึ่งเป็นกรณีมีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ และความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ
ปลอมเอกสารรับซื้อข้าวเปลือกเสียหาย 88.1 ล.
สืบเนื่องจากระหว่างปี พ.ศ. 2548 ถึง พ.ศ. 2563 สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ที่มีนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง เป็นผู้จัดการ ได้มีการปลอมเอกสารในการรับซื้อข้าวเปลือกมีจำนวนสูงมากกว่าที่พ่อค้าข้าวรับซื้อไปจริง แล้วทำสัญญากู้เงินสหกรณ์เพื่อตัดชำระหนี้ ซึ่งเป็นสัญญากู้เงินปลอมและใช้โฉนดที่ดินของตนเองหรือพรรคพวกมาจำนอง ค้ำประกันเงินกู้ โดยมีการตีราคาที่ดินสูงเกินกว่าราคาประเมินจริงจำนวนมาก ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 88,144,533 บาท
นำรายชื่อสมาชิกสหกรณ์สัญญากู้เงินปลอม 61.8 ล.
นอกจากนี้ นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก ได้ร่วมกันนำรายชื่อสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด มาทำสัญญากู้เงินจากสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด โดยเป็นสัญญาปลอมที่มีการปลอมลายมือชื่อของผู้กู้ และกรอกข้อมูลเอกสารสัญญากู้เงินปลอมเข้าไปในสารบบการกู้เงินของสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด โดยจากการสอบสวนพยานผู้เสียหายซึ่งมีรายชื่อในสัญญากู้เงิน ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงินและไม่ได้ลงลายมือชื่อในสัญญากู้เงินกับสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด แต่อย่างใด ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 61,876,776 บาท
ซื้อกิจการปั๊มแก๊สแอลพีจีอดีตเมีย 36 ล.สูงเกินจริง
และยังพบกรณีการซื้อกิจการปั๊มแก๊สแอลพีจี ซึ่งนางมาลี ศรีสด (อดีตภรรยาของ นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง) ได้เสนอขายปั๊มแก๊สแอลพีจี เป็นเงินจำนวน 36,000,000 บาท ซึ่งต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ได้มีคำสั่งให้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินพบว่าราคาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างที่ซื้อขายดังกล่าวมีราคารวมจำนวน 18,535,000 บาท และที่ดินแปลงดังกล่าวติดจำนองกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูนครสวรรค์ จำกัด โดยใช้เป็นหลักประกันหนี้ของนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง จำนวน 15,000,000 บาท ทั้งนี้ นอกจากนี้ ในการซื้อขายปั๊มแก๊สแอลพีจีดังกล่าวใช้วิธีการนำหนี้เงินกู้ยืมของสมาชิกสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด จำนวน 17 สัญญา รวมจำนวน 26,000,000 บาท นำมาตัดกับยอดเงินที่ซื้อปั๊มแก๊สแอลพีจีในงวดแรก อันเป็นการผิดวิสัยของผู้ขายที่ยอมรับยอดหนี้ของสมาชิกที่ค้างชำระกับสหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด แทน โดยเจ้าหน้าที่สำนักงานสหกรณ์จังหวัดนครสรรค์ได้สรุปความเสียหายในส่วนนี้ ทำให้สหกรณ์การเกษตรโกรกพระ จำกัด ได้รับความเสียหาย รวมจำนวน 6,869,537 บาท รวมการกระทำความผิดทั้งหมด 116 ครั้ง ต่างกรรมต่างวาระกัน รวมความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 156,590,746 บาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนตามคำสั่งตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ที่ 61/2564 ลงวันที่ 27 มกราคม 2564 ได้รวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวกในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิ เอกสารราชการปลอมและใช้เอกสารสิทธิ อันเป็นเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 มาตรา 84 มาตรา 265 มาตรา 268 มาตรา 335 (7) และ (1 1) อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (14) และ (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ต่อมาคณะกรรมการธุรกรรมได้มีคำสั่ง ที่ ย. 168/2566 ลงวันที่ 5 กันยายน 2566 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายนายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก จำนวน 9 รายการ พร้อมดอกผลมีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นั้น
จากการตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลรวมทั้งผู้ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเคยเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้กระทำความผิดมูลฐานหรือความผิดฐานฟอกเงินในคดีดังกล่าว พบข้อมูลเพิ่มเติมว่านายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก เป็นเจ้าของทรัพย์สินหรือมีสิทธิครอบครองในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีกจำนวน 1 รายการ คือ ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบแล้วปรากฎหลักฐาน เป็นที่เชื่อได้ว่าทรัพย์สินดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 254 และเนื่องจากทรัพย์สินดังกล่าวเป็นอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่ดินตามโฉนดที่ดิน พร้อมสิ่งปลูกสร้าง อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฎหลักฐานในทางทะเบียน ในการเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองโดยผู้มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครอง อาจดำเนินการทางนิติกรรม โอนเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้ หากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่านายกุลเกียรติ ทับทิมทอง กับพวก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด และอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุมครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรมจึงมีคำสั่งยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว (เพิ่มเติม) จำนวน 1 รายการ พร้อมดอกผล คือ ที่ดินตามโฉนดที่ดิน เลขที่ 28060 เลขที่ดิน 357 ตำบลตะเคียนเลื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ เนื้อที่ประมาณ 2 งาน 90 ตารางวา พร้อมสิ่งปลูกสร้าง ราคาประเมินรวม 768,500 บาท (เจ็ดแสนหกหมื่นแปดพันห้าร้อยบาทถ้วน) มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติกล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 9 มกราคม 2567 ถึงวันที่ 7 เมษายน 2567
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ทั้งหมดเป็นที่มาและพฤติการณ์ของอดีตผู้จัดการสหกรณ์ฯโกรกพระตามที่ปรากฏในคำสั่งยึดทรัพย์ของ ปปง.
ปปง.ออกประกาศ ให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทำความผิดมูลฐานรายนายกุลเกียรติ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.2566 เผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 12 ก.ย.2566
อย่างไรก็ตามในส่วนของคดีอาญาขณะนี้ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่านายกุลเกียรติและผู้เกี่ยวข้องกระทำความผิดตามข้อกล่าวหา