"...นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีเจตนาอาศัยช่องว่างในการบังคันใช้กฎหมายโดยตีความบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) โดยมิชอบ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ในการบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และกระทบต่อประโยชน์สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่งผลให้บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวที่มีความสูงและความยาวของอาคารเกินกว่าที่กำหนดไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว..."
ISRA-EXCLUSIVE : คดี 'อิทธิพล คุณปลื้ม' ออกใบอนุญาตสร้างคอนโดวอเตอร์ฟร้อนท์
กรณี เมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิด นายอิทธิพล คุณปลื้ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา และพวก กรณีพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ อ. 1) เลขที่ 700/2551 ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้แก่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 1 เสียง เห็นว่า นายอิทธิพล คุณปลื้ม มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมีมูลสั่งให้พ้นจากตำแหน่ง
ขณะที่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม และพวกบางส่วน ได้หลบหนีออกนอกประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 ได้ออกหมายจับฉบับใหม่ที่ไม่มีอายุความ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ติดตามจับกุมตัว นายอิทธิพล คุณปลื้ม กลับมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีไปแล้วนั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ได้มีการเผยแพร่เอกสารแถลงข่าวมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด นายอิทธิพล คุณปลื้ม และพวก เป็นทางการ ออกมาแล้ว ระบุว่านายอิทธิพล กับพวกรวม 11 คน เข้ามีส่วนได้เสียในการก่อสร้างโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ สวีท แอนด์เรสซิเดนซ์ (ปัจจุบันคือ โครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ คอนโดมิเนียม พัทยา ไทยแลนด์) บริเวณเชิงเขาพระตำหนัก เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร และพิจารณาต่อใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
- โดน ม.157! ป.ป.ช.ชี้มูล 'อิทธิพล คุณปลื้ม-พวก' ออกใบอนุญาตสร้างคอนโดวอเตอร์ฟร้อนท์
- เปิดตัว บ.บาลีฮาย ผู้ขอใบอนุญาตสร้างวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ ก่อน 'อิทธิพล คุณปลื้ม-พวก'โดนชี้มูล
- เชื่อหลบหนี! ศาลฯ สั่งออกหมายจับ 'อิทธิพล คุณปลื้ม' คดีอนุญาตสร้างคอนโดวอเตอร์ฟร้อนท์
- 10 ก.ย.คดีหมดอายุความ-หมายจับสิ้นผล! เผยเหตุ 'อิทธิพล คุณปลื้ม' หนี
- สั่งเพิกถอนโฉนดด้วย! ฉบับเต็ม มติป.ป.ช.ชี้มูลคดีคอนโดวอเตอร์ฟร้อนท์ ก่อน 'อิทธิพล' หนี
- ล่าหลักฐานหนีไปตปท.! ตำรวจ ปปป.บุกเมืองชลฯค้นบ้าน ‘อิทธิพล คุณปลื้ม’
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้รับการเปิดเผยข้อมูลสำคัญในสำนวนไต่สวนคดีนี้ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เกี่ยวกับพฤติการณ์กระทำความผิดของ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ฉบับเต็ม ซึ่งจากการสอบสวนพบว่า นายอิทธิพล คุณปลื้ม มีเจตนาอาศัยช่องว่างในการบังคันใช้กฎหมายโดยตีความบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) โดยมิชอบ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ในการบังคับใช้กฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และกระทบต่อประโยชน์สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่งผลให้บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวที่มีความสูงและความยาวของอาคารเกินกว่าที่กำหนดไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว
นอกจาก นายอิทธิพล คุณปลื้ม จะละเว้นไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงสำคัญเรื่องนี้ในหลายประเด็นแล้ว ยังเร่งรีบออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวเพียง 1 วัน คือ ในวันที่ 10 กันยายน 2551 หลังจากได้รับความเห็นจากนายสิทธิภาพ เมืองคุ้ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดเมืองพัทยาใน วันที่ 9 กันยายน 2551 หรือใช้เวลาพิจารณาเรื่องแค่เพียง 1 วันเท่านั้น
มีรายละเอียดดังนี้
นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (ปัจจุบันเป็นอดีตรัฐมนตรี) ในขณะเกิดเหตุคดีนี้ ดำรงตำแหน่งนายกเมืองพัทยา สังกัดเมืองพัทยา อำเกอบางละมง จังหวัดชลบุรี สมัยที่ 1
ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม 2551 ถึงวันที่ 3 พฤษภาคม 2555 และสมัยที่ 2 ระหว่างวันที่ 17 มิถุนายน 2555 ถึงวันที่ 16 มิถุนายน 2559 ในการปฏิบัติหน้าที่ของนายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 61 และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 61 64 กำหนดให้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา จึงมีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และมีฐานะเป็นเจ้าพนักงานตามประมาลกฎหมายอาญา
นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีหน้าที่และอำนาจในฐานะนายกเมืองพัทยาในการคุ้มครองและดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การวางผังเมืองและการควบคุมการก่อสร้าง ตามมาตรา 62(3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน และในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีหน้าที่และอำนาจตาม หมวด 3 การก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน เคลื่อนย้าย และใช้หรือเปลี่ยนการใช้อาคาร เช่น ตามมาตรา 25 และ มาตรา 27 ประกอบกับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวและถมทะเลบริเวณพัทยาใต้ ซึ่งเมืองพัทยาได้รับจากกรมโยธาธิการและผังเมืองในปี 2546 นั้น เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 ซึ่งเมืองพัทยามีหน้าที่และอำนาจคุ้มครองและดูแลรักษาทรัพย์สินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินและการควบคุมการก่อสร้าง ตามมาตรา 62 (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญติระเบียบบริหารราชการเมืองพัทยา พ.ศ.2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมด้วย
ภาพจาก google.com/maps
ดังนั้น การพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารให้กับ บริษัท บาลี ฮาย จำกัด เพื่อก่อสร้างอาคารโครงการก่อสร้างวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ จึงจำต้องใช้ความรอบคอบระมัดระวังในการใช้ดุลพินิจ เพื่อพิจารณาออกในอนุญาตก่อสร้างให้เป็นไปโดยชอบและบรรลุวัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของกฎกระทรวง ฉนับที่ 55 (พ.ศ.2543) ที่มีเจตนารมณ์เพื่อประโยชน์แห่งความมั่นคงแข็งแรงความปลอดภัยการป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวกแก่การจราจร จึงได้กำหนดแนวอาคารและระยะต่าง ๆ ระหว่างอาคารกับถนนสาธารณะไว้ ซึ่งตามข้อ 44 เป็นข้อกำหนดสำหรับกรณีทั่ว ๆ ไป สำหรับขัอ 45 และข้อ 46 เป็นกรณียกเว้นของข้อ 44
กล่าวคือ หากอาคารที่จะก่อสร้างเข้าเงื่อนไขตามข้อ 45 หรือข้อ 46 หรืออาจจะเข้าเงื่อนไขทั้งข้อ 45 และข้อ 46 แล้วแต่กรณี ก็ไม่จำต้องบังคับตามข้อ 44 อีก เพราะมิเช่นนั้นแล้ว การกำหนดเหตุยกเว้นไว้ตามข้อ 45 และข้อ 46 ก็ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และไม่มีกรณีที่จะนำไปปรับใช้ได้
เมื่อข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติว่าคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารมีความบกพร่องในเอกสารประกอบและความเห็นของพนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ก็มิได้มีการระบุเสนอความเห็นว่าควรอนุญาตให้ก่อสร้างอาคารตามระเนียบกฎหมายใด ข้อใด และด้วยเหตุผลใดบ้าง
ทั้งพื้นที่ก่อสร้างอาคารดังกล่าวอยู่ในจุดที่ประชาชนใช้ในการสัญจรไปมาและเป็นที่สังเกตเห็นโดยง่าย และนายเอกพงษ์ บุญชาย ผู้ถูกกล่าวหาที่ 6 นายตรวจเขตที่รับผิดชอนพื้นที่ดังกล่าว ได้เขียนรูปแผนที่ระบุในหัวข้อรายงานการกำหนดูสถานที่ว่ามี "ทางสาธารณะ 30.00 เมตร" และ "ทางสาธารณะประโยชน์ 6.00 เมตร" ซึ่งติดกับที่จอดเรือสาธารณะประโยชน์
พร้อมทั้งระบุข้อเท็จจริงในหัวข้อรายงานการตรวจสถานที่ที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคารว่า เป็นอาคาร ค.ส.ล. 53 ชั้น และในบันทึกการตรวจในเอกสารฉบันเดียวกัน ได้ระบุในข้อ.2 ว่า "ทางสาธารณะติดต่อกับเขตที่ดินเขตทางกว้าง 30.00 เมตร เป็นถนนชนิด ค.ส.ล. และเขตถนนกว้าง 30.00 เมตร" (หมาย อ.50) ซึ่งเป็นการระบุถนนสาธารณะเพียงสายเดียวไม่สอดคล้องรูปแผนที่รายงานนายตรวจเขตที่ระบุว่ามีถนนสาธวรณะ 2 สาย
อีกทั้ง พยานหลักฐานจากการไต่สวนมีน้ำหนักมั่นคงเพียงพอรับฟังได้ตามคำพิพากษาศาลจังหวัดชลบุรี คดีหมายเลขแดงที่ 4358/2540 ซึ่งเป็นคำพิพากษาถึงที่สุดว่า จุดที่สร้างป้อมยาม ศาลพระภูมิ และแนวรั้วคอนกรีตเสริมเหล็กที่ นายถาวร อรรถจินดา ก่อสร้าง อยู่นอกเขตโฉนดของนายถาวรฯ
ศาลจึงมีคำพิพากษาว่า นายถาวร มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ลงโทษจำคุก 1 ปี ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกเห็นสมควรรอไว้มีกำหนด 1 ปี และให้นายถาวร และบริวารออกไปจากที่ดินสาธารณะประโยชน์และยังปรากฎในคำพิพากษาว่า เมืองพัทยามีคำสั่งให้นายถาวร รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าว และได้มีการขอให้สำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรีทำการรังวัด จนกระทั่งข้อเท็จจริงรับฟังเป็นที่ยุติได้ว่า สิ่งปลูกสร้างนั้นอยู่นอกเขตโฉนดของนายถาวร
กรณีจึงเป็นเรื่องที่เมืองพัทยาย่อมรู้หรือควรรู้ถึงข้อเท็จจริงและความเป็นมาเป็นไปของที่มีการครอบครองด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดินที่บริษัท บาลี ฮาย จำกัด นำมาเป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ ทั้งเมืองพัทยาย่อมรู้หรือควรรู้ถึงความผิดปกติว่าการแก้ไขข้างเคียงในปี 2548 และปี 2549 บริเวณด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดิน จำนวน 7 แปลงดังกล่าว จากทะเลและชายทะเลเป็นที่มีการครอบครอง ซึ่งเป็นที่ดินจุดเดียวกันกับที่ศาลฯ ได้มีคำพิพากษาให้นายถาวร และบริวารออกไปจากที่ดินสาธารณะประโยชน์ ว่า มีความเคลือบแคลงสงสัยว่า เป็นการแก้ไขโดยมิชอบ และเมืองพัทยาย่อมรู้หรือควรรู้ถึงเรื่องสภาพของการมีอยู่ของที่มีการครอบครอง ซึ่งเป็นที่ดินที่ติดกับที่ตั้งของอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ เรื่องที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าวติดกับโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ ซึ่งเมืองพัทยาได้รับมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ตั้งแต่ปี 2546 และเรื่องที่มีการครอบครองบริเวณด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดินทั้ง 7 แปลง อันเป็นที่ตั้งของอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯ ซึ่งเดิมข้างเคียงติดทะเลและชายทะเลนั้น ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวและถมทะเลบริเวณพัทยาใต้ ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304
ดังนั้น ข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นเรื่องที่เมืองพัทยาย่อมรู้หรือควรรู้ตั้งแต่ก่อนที่จะได้รับคำขออนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ฯจากบริษัท บาลี ฮาย จำกัด ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2551 เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาออกในอนุญาตก่อสร้างอาคาร (แบบ อ.1) เลขที่ 700/2551 ลงวันที่ 10 กันยายน 2551 ให้กับบริษัท บาลี ฮาย จำกัด
เมื่อการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ๆ ใช้เวลาถึง 132 วัน จากทั้งหมด 135 วัน ตามมาตรา 25 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
@ อิทธิพล คุณปลื้ม
แต่นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 กับพวก กลับเจตนาร่วมกันละเว้นไม่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เมืองพัทยารู้หรือควรรู้ดังกล่าวข้างต้น รวมทั้งไม่ตรวจสอบสภาพพื้นที่จริงที่ขออนุญาตก่อสร้างอาคาร เพื่อให้ได้ความชัดเจนทั้งข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเสียก่อน ทั้งเรื่องพื้นที่และแผนผังบริเวณโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ เรื่องถนนสาธารณะ เรื่องการถือครองและทำประโยชนในที่มีการครอบครองของบริษัท บาลี ฮาย จำกัด และเรื่องการบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ก่อนที่จะพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้าง อาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ เช่น
- ตรวจสอบข้อมูลการทำโครงการก่อสร้างสวนสาธารณะเมืองพัทยา บริเวณเขา สทร.5 เมืองพัทยา ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ตามสัญญาจ้างเลขที่ 110/2547 ลงวันที่ 2 เมษายน 2547 ซึ่งเมืองพัทยาได้ก่อสร้างถนนต่อเชื่อมระหว่างถนนในโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ และถนนพัทยาสาย 3
- ตรวจสอบพื้นที่และแผนผังบริเวณโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ ที่เมืองพัทยาได้รับมอบจากกรมโยธาธิการและผังเมือง ในปี 2546 ซึ่งเป็นโครงการที่มีการถมทะเลในบริเวณทางด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดินจำนวน 7 แปลง ดังกล่าว และเป็นการก่อสร้างที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการแก้ไขข้างเคียงดังกล่าวในปี 2548 และปี 2549
- สอบถามข้อมูลไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดชลบุรี สาขาบางละมุง เกี่ยวกับข้อมูลและเอกสารหลักฐานการแก้ไขข้างเคียงด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดินจำนวน 7 แปลง ในปี 2548 และปี 2549 รวมทั้งข้อมูลและเอกสารหลักฐานการรังวัดสอบเขตที่ดินเพื่อแบ่งเวนคืนถนนพัทยาสาย 3 ของโฉนดที่ดินเลขที่ 9661 ในปี 2545 ซึ่งเมืองพัทยาได้ร่วมระวังชี้แนวเขต และข้างเคียงด้านทิศเหนือของโฉนดที่ดินเลขที่ 9661 ยังคงระบุเป็น "ชายทะเล" และเป็นการรังวัดที่เกิดขึ้นหลังจากมีโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือฯ แล้ว
- หารือประเด็นข้อกฎหมายในการพิจารณาออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ไปยังกรมโยธาธิการและผังเมืองหรือคณะกรรมการควบคมอาคารซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ และมีหน้าที่และอำนาจตามมาตรา 18 (3) แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้การออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร เป็นไปโดยชอบและบรรลุวัตถุประสงค์หรือเจตนารมณ์ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) อย่างแท้จริง
แต่ นายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่
แต่กลับเร่งรีบออกใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวเพียง 1 วัน คือ ในวันที่ 10 กันยายน 2551 หลังจากได้รับความเห็นจากนายสิทธิภาพ เมืองคุ้ม เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดเมืองพัทยาในวันที่ 9 กันยายน 2551
โดยนายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีเจตนาอาศัยช่องว่างในการบังคับใช้กฎหมายโดยตีความบังคับใช้กฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) โดยมิชอบ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ ในการบังคับใช้กฏกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์และกระทบต่อประโยชน์สาธารณะอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่งผลให้บริษัท บาลี ฮาย จำกัด ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างอาคารดังกล่าวที่มีความสูงและความยาวของอาคารเกินกว่าที่กำหนดไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎกระทรวงฉบับดังกล่าว
ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงเป็นที่ยุติได้ว่า การออกในอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการวอเตอร์ฟร้อนท์ ไม่ถูกต้องตามกฏกระทรวงฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543) ข้อ 46 แต่ทางการไต่สวนไม่ปรากฏว่านายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ประกอบกับวันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาก่อนที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราบการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 ) พ.ศ.2554 มีผลใช้บังคับ
การกระทำของนายอิทธิพล คุณปลื้ม ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 จึงมีมูลเป็นความผิดทางอาญาตามประมาลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
******
ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. จะสามารถติดตามจับกุมตัว นายอิทธิพล คุณปลื้ม กลับมาเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีในชั้นศาลได้เมื่อไหร่ หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 2 ออกหมายจับฉบับใหม่ที่ไม่มีอายุความให้แล้ว
จับตาดูกันต่อไป