"...ระหว่างพูดคุยรายละเอียดโครงการ นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 เรียกรับเงินจํานวน 15 เปอร์เซ็นต์ ของยอดเงินที่ทางบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด ได้รับจ้างเหมารับดําเนินการในส่วนของค่าอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม ค่าที่พักและค่าจ้างเหมารถยนต์จากนาย ก. เพื่อเป็นค่าซื้อของรางวัลให้ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชนและใช้ดูแลคณะเจ้าหน้าที่ในการดําเนินโครงการ และหรือเป็นเงินที่ต้องให้เพื่อเป็นการตอบแทนเพื่อที่นาย ก. และบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด จะได้รับการดําเนินการในโครงการนี้..."
สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษ นางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตคลองสาน สังกัดกรุงเทพมหานคร กับพวก คือ นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ ในคดีกล่าวหาเรียกรับเงินเพื่อเป็นค่าตอบแทนในการให้บริษัท เจซีทัวร์ จำกัด ได้เข้าเป็นผู้รับจ้างเหมางานโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชน ปี พ.ศ. 2556 ซึ่งถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตาม ป.อ. มาตรา 149 และ มาตรา 157 และ พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 และแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 (ปัจจุบัน พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ) ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา นั้น
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลย้อนหลังพบไปแล้วว่า คดีนี้เคยปรากฏเป็นข่าวใหญ่ ในช่วงเดือนมีนาคม 2556 โดยคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏร ที่มีพล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย เป็นประธาน ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีมีผู้กล่าวอ้างว่า ผู้อำนวยการเขตคลองสาน และเจ้าหน้าที่อีก 2 คน เรียกรับสินบนเป็นเงิน 350,000 บาท จากบริษัททัวร์ ซึ่งเป็นผู้ประสานงาน โครงการจัดสัมมนาของสำนักเขตคลองสาน และมีการเชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงข้อมูล
โดยในชั้นการสอบสวนของคณะกรรมาธิการฯ มีข้อมูลปรากฏว่า หัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชน และเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ ยอมรับว่า ได้ลงนามเพื่อรับเงินจากบริษัททัวร์ จำนวนกว่า 350,000 บาทจริง โดยอ้างว่า เป็นเงินค่าค้ำประกันที่บริษัทจ่ายให้สำนักเขตล่วงหน้า เพื่อเอาไปสำรองจ่ายในกิจกรรมที่จัดขึ้น
ก่อนที่กรุงเทพมหานคร จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเรื่องนี้เป็นทางการ
หลังจากนั้นเรื่องก็เงียบหายไป
จนกระทั่ง สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เผยแพร่ข้อมูลผลคำตัดสินคดีนี้ของ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นทางการตามข่าวที่เสนอไปแล้ว
- คุกคนละ 5 ปี! อดีตผอ.เขตคลองสาน กทม.- พวก เรียกสินบนจ้างจัดสัมมนาดูงาน
- พลิกปูม! คดีอดีต ผอ.เขตคลองสาน - พวก เรียกสินบน 3.5 แสน โดนคุกคนละ 5 ปี
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดพฤติการณ์การกระทำความผิด ของ นางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ กับพวก คือ นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ ที่ปรากฏอยู่ในคำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ตัดสินลงโทษคดีนี้ เป็นทางการ
มีรายละเอียดสำคัญดังนี้
คดีนี้ อัยการสูงสุด (อสส.) เป็นโจทก์ (ฟ้องแทน ป.ป.ช.) ระบุว่า ขณะเกิดเหตุ นางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการเขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตคลองสาน
@ พฤติการณ์การกระทำผิดตามฟ้องโจทก์
เมื่อปีงบประมาณ 2556 ฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม สำนักงานเขตคลองสาน จัดทำโครงการค่าใช้จ่ายในการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชนจำนวน 10 รุ่น รุ่นละ 180 คน รวมทั้งสิ้น 1,800 คน ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม 2556 ถึงวันที่ 8 มิถุนายน 2556 รวมค่าใช้จ่ายในการจัดสัมมนาและศึกษาดูงานทั้งสิ้น 5,000,000 บาท
จำเลยทั้งสองอาศัยโอกาสที่ตนมีตําแหน่งอํานาจและหน้าที่ดังกล่าวปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบราชการในการดําเนินโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชนในปีงบประมาณ 2556 โดยจงใจไม่ปฏิบัติ ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 8 ที่กําหนดห้ามมิให้ผู้มีอํานาจหรือหน้าที่ดําเนินการตามข้อบัญญัตินี้ หรือผู้หนึ่งผู้ใดกระทําการใดโดยจงใจ หรือประมาทเล่อไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัตินี้ หรือกระทําการโดยมีเจตนาทุจริตหรือกระทําการโดยปราศจากอํานาจ หรือนอกเหนืออํานาจหน้าที่ รวมทั้งมีพฤติการณ์ที่เอื้ออํานวยแก่ผู้เข้าเสนอราคาหรือเสนองาน
ทั้ง ๆ ที่ในการจัดโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชน ในปีที่ผ่าน ๆ มา สํานักงานเขตคลองสาน เป็นผู้ดําเนินโครงการเองทั้งหมด รวมทั้งอาหาร อาหารว่าง และเครื่องดื่ม และที่พัก
แต่ในปีงบประมาณ 2556 สํานักงานเขตคลองสาน กลับไม่ได้ดําเนินการเองเหมือนปีที่ผ่านมา โดยดําเนินการโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชนของ สํานักงานเขตคลองสาน ปีงบประมาณ 2556 จําเลยทั้งสองตกลงให้ นาย ก. เจ้าหน้าที่บริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด เข้ามาเป็นผู้ประสานงานดําเนินโครงการเพื่อประสานในส่วนของค่าอาหาร อาหารว่าง และเครื่องดื่ม และที่พัก
@ ไม่ได้ทําสัญญา-จัดทําประกาศเชิญชวน
โดยสํานักงานเขตคลองสาน ไม่ได้มีการทําสัญญาและไม่มีการจัดทําประกาศเชิญชวนเพื่อคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไป ตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 26 ประกอบ ข้อ 27 ทั้งนายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 ไม่มีสิทธิรับเงินค่าใช้จ่ายใดๆ จากนาย ก.
กล่าวคือ เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2556 เวลากลางวัน นาย ก. กับพวก 2 คน มาพบ นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 ที่ห้องทํางาน
จากนั้นนายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 พานาย ก. กับพวกเข้าพบนางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ จำเลยที่ 1 ที่ห้องผู้อํานวยการเขตคลองสาน
นางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ จำเลยที่ 1 ตกลงให้นาย ก. และบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด รับเป็นผู้ดําเนินการในส่วนของอาหาร อาหารว่าง และเครื่องดื่ม และค่าที่พักในโครงการนี้ทั้งหมด โดยไม่ได้มีการทําสัญญาและไม่มีการจัดทํา ประกาศเชิญชวนเพื่อคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
@ เรียกรับเงินจํานวน 15 เปอร์เซ็นต์-แบ่งจ่ายสองครั้ง
ระหว่างพูดคุยรายละเอียดโครงการ นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 เรียกรับเงินจํานวน 15 เปอร์เซ็นต์ ของยอดเงินที่ทางบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด ได้รับจ้างเหมารับดําเนินการในส่วนของค่าอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม ค่าที่พักและค่าจ้างเหมารถยนต์จากนาย ก. เพื่อเป็นค่าซื้อของรางวัลให้ประชาชนผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชนและใช้ดูแลคณะเจ้าหน้าที่ในการดําเนินโครงการ และหรือเป็นเงินที่ต้องให้เพื่อเป็นการตอบแทนเพื่อที่นาย ก. และบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด จะได้รับการดําเนินการในโครงการนี้
โดยให้นาย ก. และบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด แบ่งจ่ายเป็นสองครั้ง ครั้งที่ 1 ก่อนเริ่ม โครงการสัมมนาจํานวน 5 รุ่นแรก และครั้งที่ 2 ก่อนสัมมนาจํานวน 5 รุ่นสุดท้าย
ต่อมาวันที่ 14 มีนาคม 2556 ซึ่งเป็นวันก่อนเริ่มโครงการสัมมนารุ่นที่ 1 นาย ก. ได้นําเงิน 355,650 บาท ซึ่งเป็นเงินจำนวน 15 เปอร์เซ็นต์ ของยอดเงินที่ทางบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด ได้รับจ้างเหมารับ ดําเนินการในส่วนของค่าอาหาร อาหารว่างและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก และค่าจ้างเหมารถยนต์ ไปมอบให้ นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 ที่ห้องฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการตามที่มีการเจรจาตกลงกัน
โดยมีนางสาว ว. เป็นผู้รับเงินพร้อมลงลายมือชื่อผู้รับเงิน
ครั้นวันที่ 15 มีนาคม 2556 เวลากลางวัน นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 โทรศัพท์หานางสาว ว. แจ้งว่านางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ จำเลยที่ 1 ให้ขอรางวัลเพื่อแจกแก่ผู้เข้าร่วม โครงการเพิ่ม นางสาว ว. จึงแจ้งให้นาย ก. ว่าของรางวัลที่ซื้อเพื่อแจกให้ผู้เข้าร่วมโครงการ มีไม่เพียงพอและขอเงินเพิ่มอีก 5 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 20 เปอร์เซ็นต์
@ ขอเพิ่มอีก 5 เปอร์เซ็นต์
จากนั้นเวลากลางคืนหลังเที่ยง ของวันที่ 15 มีนาคม 2556 นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 เรียกรับเงินจากนาย ก. และบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด เพิ่มอีก 5 เปอร์เซ็นต์ ที่หน้าห้องสัมมนาของโรงแรมเอกไพลิน ริเวอร์แคว รีสอร์ท จังหวัดกาญจนบุรี
จากที่เคยเรียกรับไว้ 15 เปอร์เซ็นต์ รวมเป็น 20 เปอร์เซ็นต์ แต่นาย ก.มิได้ จ่ายเงินจํานวน 5 เปอร์เซ็นต์ ตามที่นายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 เรียกเพิ่มอีก
หลังจาก สํานักงานเขตคลองสานดําเนินโครงการในรุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 22-23 มีนาคม 2556 แล้ว สํานักงานเขตคลองสาน มีบันทึก ข้อความฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ที่ กท5610/534 ลงวันที่ 26 มีนาคม 25 2556 ขออนุมัติเปลี่ยนแปลงกําหนดการดําเนินโครงการค่าใช้จ่ายในการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชน
ต่อมามีบันทึกข้อความฝ่ายพัฒนาชุมชนและสวัสดิการสังคม ที่ กท5610/682 ลงวันที่ 18 เมษายน 2556 ขอยกเลิกการดําเนินโครงการค่าใช้จ่ายในการสัมมนาและศึกษาดูงานด้านการพัฒนาชุมชน
@ พฤติการณ์เป็นการทุจริต ต่อหน้าที่
ฝ่ายโจทก์ ระบุในคำฟ้องว่า พฤติการณ์การกระทําของนางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ จำเลยที่ 1 ดังกล่าวข้างต้น เป็นการทุจริต ต่อหน้าที่และเป็นการจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เป็นเหตุ ให้นาย ก. และบริษัทเจซี ทัวร์ จํากัด และทางราชการได้รับความเสียหาย
การกระทําของนายชยุตพงศ์ เปียสวัสดิ์ จำเลยที่ 2 เป็นการทุจริตต่อหน้าที่และจงใจไม่ปฏิบัติตามข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่องการพัสดุ พ.ศ. 2538 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นการเรียกรับทรัพย์สินเพื่อกระทําการหรือไม่กระทําการอย่างใดในตําแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือไม่ชอบด้วยหน้าที่ อันเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดย ไม่ชอบและทุจริต เป็นเหตุให้นาย ก. บริษัทเจซีทัวร์ จํากัด และทางราชการได้รับความเสียหาย
เหตุเกิดที่แขวงคลองสาน เขตคลองสาน กรงเทพมหานคร และตําบลวังด้ง อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เกี่ยวพันกัน
ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,157 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ประกอบมาตรา 192
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
***********
สำหรับข้อมูลถัดจากนี้เป็นรายละเอียดในส่วนการพิจารณาพิเคราะห์พยานหลักฐานของ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ก่อนจะมีคำพิพากษาตัดสินคดีนี้ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับคลิปเสียงบทสนทนาการเรียกรับเงินที่เป็นหลักฐานสำคัญในคดีด้วย
แต่เนื่องจากมีรายละเอียดค่อนข้างมาก สำนักข่าวอิศรา จึงขอสรุปรวบรวมมานำเสนอในตอนต่อไป
เนื้อหาตอนต่อไป "พลาดไม่ได้" ด้วยประการทั้งปวง