"...จุดเริ่มต้นเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นจากเพื่อนสนิทของญาติผู้ใหญ่แกนนำ กปปส. รายนี้ ได้แนะนำให้รู้จักกับ ผู้พิพากษารายหนึ่ง (ต่อไปจะใช้ชื่อตัวย่อ A. ) ในงานเลี้ยงรุ่น หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร..."
กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมไทยทันที!
กรณีปรากฏข่าว แกนนำคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) รายหนึ่ง ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่า มีผู้พิพากษาระดับสูงในศาลอุทธรณ์ 2 ราย ร่วมมือกันในการเรียกร้องเงินค่าตอบแทนในการช่วยเหลือการพิจารณาคดีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ลงโทษจำคุกแกนนำ กปปส.โดยไม่รอลงอาญา 15 ราย โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
ข้อมูลที่ปรากฏต่อสาธารณชนไปแล้ว คือ
1. ตัวแทนฝ่ายผู้พิพากษา อ้างว่า สามารถจ่ายสำนวนให้กับองค์คณะในศาลอุทธรณ์ที่ "คุ้นเคยกับท่าน" เพื่อให้พิจารณายกฟ้องในทุกกรรมเพื่อเรื่องจะได้ไม่ต้องไปถึงศาลฎีกา
2. ในการพบกับผู้พิพากษาที่เป็น "ตัวแทนท่าน" หลายครั้ง มีการเรียกร้องเงินค่าตอบแทนเป็นวงเงินที่สูงมาก ครั้งแรกเรียกร้องเงินสูงถึง 175 ล้านบาท แต่ได้รับการปฏิเสธ ต่อมามีการเรียกร้องลดลงเหลือ 49 ล้านบาท และ 35 ล้านบาท
3. มีการเร่งรัดให้จ่ายก่อนวันที่ 30 กันยายน 2565 ก่อนที่ "ท่าน" หมดวาระ แต่ แกนนำ กปปส.ยังคงปฏิเสธ ทำให้เกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรมในการพิจารณา เพราะเดิมคดีดังกล่าว ศาลอาญานัดอ่านคำพากษาศาลอุทธรณ์เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 แต่มีการเลือนอ่านคำพิพากษาโดยไม่มีกำหนด
เบื้องต้น มีรายงานข่าวว่า นายโชติวัฒน์ เหลืองประเสริฐ ประธานศาลฎีกา มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นทางการไปแล้ว โดยผู้พิพากษา 2 รายที่ถูกร้องเรียน รายหนึ่งยังอยู่ในราชการ อีกรายหนึ่งได้ลาออกจากราชการมิได้เป็นผู้พิพากษาอาวุโสแล้ว
- แกนนำกปปส.ร้อง อ้าง‘2 ผู้พิพากษา’เรียก175 ล.ช่วยหลุดคดี-ปธ.ศาลฎีกาตั้งสอบข้อเท็จจริงแล้ว
- ไม่รู้ใครไปทำ! 4 แกนนำ กปปส.ปฏิเสธร้องเรียน '2 ผู้พิพากษา’ อ้างเรียก 175 ล.ช่วยหลุดคดี
ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่า แกนนำ กปปส. รายนี้เป็นใคร? ขณะที่แกนนำ กปปส. รายคนต่างยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า จุดเริ่มต้นเหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นจากเพื่อนสนิทของญาติผู้ใหญ่แกนนำ กปปส. รายนี้ ได้แนะนำให้รู้จักกับ ผู้พิพากษารายหนึ่ง (ต่อไปจะใช้ชื่อตัวย่อ A. ) ในงานเลี้ยงรุ่น หลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) ของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร
หลังจากการพบปะแนะนำตัวครั้งนั้น ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสพบกันอีกครั้งที่งานเลี้ยงฉลองวันตรุษจีน 2565 ที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ซอยเอกมัย โดยการพบปะกันครั้งนี้ ผู้พิพากษา A. มาพร้อมกับ ผู้พิพากษาอีกรายหนึ่ง (ต่อไปจะขอใช้ชื่อตัวย่อ B) และได้มีการสอบถามรายละเอียดคดีฟ้องร้องของ แกนนำ กปปส.รายนี้โดยละเอียด พร้อมเปรยว่าจะช่วยดูแลให้ ก่อนจะมอบให้ผู้พิพากษา B. เป็นผู้ติดต่อประสานงานระหว่างทั้งสองฝ่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยอ้างว่าเป็นคนของตนเอง และขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำจากผู้พิพากษา B. ทุกเรื่อง และคนเดียวเท่านั้น
หลังจากนั้น ผู้พิพากษา B. ได้ติดต่อประสานงานมาเพื่อขอให้แกนนำ กปปส. ส่งรายละเอียดสำนวนคดีในชั้นอาญาไปให้
อีกไม่กี่เดือนต่อจากนั้น ทั้งสองฝ่ายมีการพบปะกันอีกครั้ง โดยฝ่ายผู้พิพากษา A และ ผู้พิพากษา B พร้อมด้วยผู้ติดตาม ได้เดินทางไปพักผ่อนที่บ้านพักของญาติผู้ใหญ่แกนนำ กปปส. แถวอำเภอปากช่อง ซึ่งมีการพูดคุยเรื่องคดีความ และเลี้ยงฉลองวัดเกิดให้ภรรยาของผู้พิพากษา A. ด้วย
หลังการพักผ่อนเลี้ยงฉลองงานวันเกิดจบไป ฝ่ายแกนนำ กปปส. ได้รับการติดต่อจาก ผู้พิพากษา B ว่า ผู้พิพากษา A ได้อ่านเอกสารคดีหมดแล้ว เห็นช่องช่วยเหลือ โดยจะจ่ายสำนวนให้กับองค์คณะในศาลอุทธรณ์ที่ "คุ้นเคยกับท่าน" เพื่อให้พิจารณายกฟ้องในทุกกรรมเพื่อเรื่องจะได้ไม่ต้องไปถึงศาลฎีกา
แต่ในการพูดคุยดังกล่าว ฝ่ายแกนนำ กปปส. อ้างว่า ผู้พิพากษา B. แจ้งว่า จะต้องมีเงินตอบแทนให้ผู้พิพากษา และองค์คณะทุกท่านที่เกี่ยวข้องซึ่งมีหลายท่าน คิดค่าตอบแทน ตามจำนวนกรรมในคดีอุทธรณ์ คือ 7 กรรมๆ ละ 25ล้านบาท รวมเป็นเงิน 175 ล้านบาท
แต่แกนนำกปปส. ปฏิเสธการจ่ายเงินไป
ด้วยเหตุผลทางครอบครัวที่ไม่มีความคิดเรื่องการติดสินบน และไม่มีเงินร่ำรวยมากมายขนาดนั้น ส่วนการพูดคุยเรื่องคดี ก็เป็นเพียงการซักถาม เนื้อหาเหตุการณ์ เพราะไม่มีความรู้เรื่องกฎหมาย วัตถุประสงค์ จึงเป็นเพียงการขอความรู้เรื่องกระบวนการขั้นตอนวิธีการพิจารณาคดีเท่านั้น
หลังจากนั้นแกนนำ กปปส.รายนี้ ก็ได้รับการติดต่อจากผู้พิพากษา B อีกหลายครั้ง เพื่อแจ้งปรับลดค่าตอบแทน โดยระบุว่า จากการประสานงาน ได้มีการจ่ายสำนวนให้ทีมผู้พิพากษาที่คุ้นเคยทีมเดียวกันแล้ว และสามารถปรับค่าตอบแทนให้เจ้าของสำนวนและคณะเป็นเงินรวม 49 ล้าน คำนวณจาก มี 7 กรรมๆ ละ 7 ล้านบาท และแจ้งปรับลดให้ได้อีก เป็น 35 ล้านบาท มี 7 กรรมๆ ละ 5 ล้านบาท
แต่แกนนำ กปปส. รายนี้ ก็ยืนยันที่จะไม่จ่ายเงินให้ ก่อนจะมีการประสานงานมาอีกเป็นระยะๆ
จนถึงครั้งสุดท้าย มีการแจ้งให้ แกนนำ กปปส. รายนี้ จ่ายเงิน 10 ล้านบาทก่อน โดยขอให้จ่ายไม่เกิน วันที่ 30 กันยายน 25XX ก่อนที่ ผู้พิพากษา A จากหมดวาระการดำรงตำแหน่ง
อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุผลที่แกนนำ กปปส. รายนี้ ปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้ผู้พิพากษากลุ่มนี้มาตลอด ประกอบกับการเลื่อนอ่านคำพิพากษาออกไป จึงทำให้ทุกคนในครอบครัววิตกกังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง จึงตัดสินใจยื่นเรื่องต่อ ประธานศาลฎีกา ประธานคณะกรรมการตุลาการ และประธานศาลอุทธรณ์ เพื่อขอความเป็นธรรมดังกล่าว
เหล่านี้ คือ ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีแกนนำ กปปส. รายหนึ่ง ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรม อ้างว่า มีผู้พิพากษาระดับสูงในศาลอุทธรณ์ 2 ราย ร่วมมือกันในการเรียกร้องเงินค่าตอบแทนในการช่วยเหลือการพิจารณาคดีที่ศาลอาญามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 ลงโทษจำคุกแกนนำ กปปส.โดยไม่รอลงอาญา 15 ราย โดยเรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ที่สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลเพิ่มเติม
ล่าสุด ในช่วงเย็นวันที่ 26 มิ.ย.2566 ศาลยุติธรรม ได้เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยอ้างคำชี้แจง นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม ระบุว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทราบว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องที่ได้มีการยื่นหนังสือลักษณะร้องขอความเป็นธรรมทางคดีต่อประธานศาลอุทธรณ์ เนื่องจากเป็นคดีระหว่างชั้นพิจารณาของศาลอุทธรณ์
โดยประธานศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งให้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ศาลอุทธรณ์ได้รายงานกรณีดังกล่าวให้ประธานศาลฎีกาทราบตามขั้นตอนแล้ว ซึ่งการดำเนินการจะเป็นไปตามกรอบระยะเวลาการสอบสวนข้อเท็จจริงของระเบียบปฏิบัติศาลยุติธรรม โดยเมื่อผลสรุปออกมาแล้วศาลอุทธรณ์จะรายงานประธานศาลฎีกาทราบต่อไป
เท่ากับว่า ศาลยุติธรรม ยืนยันเป็นทางการว่า มีการยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมเข้ามาจริง และ ประธานศาลอุทธรณ์ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตามขั้นตอนแล้ว
แกนนำ กปปส. รายนี้เป็นใคร? อีกไม่นานสาธารณชนคงได้รับทราบคำตอบที่ชัดเจนกัน