"...นาย ก. ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรส (ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา) ได้แก่ รายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหาดใหญ่ใน ชื่อบัญชี นาง ข. (ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา) ยอดเงิน 8,411.54 บาท และไม่แสดงรายการเงินลงทุนใน บริษัท A จำกัด โดย นาย ก. ถือหุ้น 18,000 หุ้น หุ้นละ 50 บาท มูลค่า 900,000 บาท..."
ในการดำเนินงานติดตามตรวจสอบคดีสำคัญ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ไตรมาสที่ 1 – 2 ของ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา
ที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำข้อมูลคดีสำคัญมาเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น
มีอีก 1 คดี เป็นเรื่องกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ของอดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นราย 1 รวมอยู่ด้วย
สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา ระบุในฐานข้อมูลโดยใช้ชื่อย่อ อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ว่า นาย ก. เป็นอดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดสงขลา มีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่า จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ , มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น และร่ำรวยผิดปกติ
ข้อกล่าวหาแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
หนึ่ง. เรื่องร่ำรวยผิดปกติ "รายได้จากการเป็นนายหน้าขายที่ดิน 30 ล้าน"
เป็นกรณีที่สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสงขลา ตรวจสอบความเปลี่ยนแปลงของทรัพย์สินและหนี้สิน ของนาย ก. อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายนี้ เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2555 กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562
โดยที่ประชุมมีมติ รับเรื่องไว้พิจารณากรณีมีเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการได้มาของทรัพย์สินและรายได้
กล่าว คือ รายการที่ดิน จำนวน 6 แปลง ซึ่งนาง ข. ภรรยา ของอดีตผู้บริหารรายดังกล่าว ให้ถ้อยคำชี้แจงว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2555 ได้ซื้อที่ดินจำนวน 6 แปลง เป็นเงิน 26,000,000 บาท โดยนำรายได้จากการเป็นนายหน้าขายที่ดิน (โฉนดที่ดิน ตำบลคอหงส์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา) จำนวน 30,000,000 บาท ซึ่งได้รับค่านายหน้าเป็นเช็คเงินสดธนาคารซีไอเอ็มบี สาขา ถนนเพชรเกษมหาดใหญ่
จากนั้นนำไปเบิกถอนออกมาเป็นเงินสดเพื่อนำไปจ่ายเป็นค่าที่ดิน จำนวน 6 แปลง
ต่อมาเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 นาง ข. ภรรยา ได้นำที่ดิน 6 แปลง ดังกล่าวขายฝากกับบริษัท เครดิตฟองซิเออร์แคปปิตอลลิ้งค์ จำกัด ในราคา 27,000,000 บาท
แต่ก็ไม่ปรากฏว่านาย ก. และนาง ข. มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นหรือมีหนี้สินลดลงแต่อย่างใด
จึงเป็นเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับที่มาของทรัพย์สินและรายได้
คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเห็นควรให้สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 9 ดำเนินการไต่สวนร่ำรวยผิดปกติของ นาย ก. อดีตผู้บริหารรายดังกล่าว ต่อไป
สอง. จงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ "ไม่แสดงเงินฝาก-เงินลงทุน"
กรณีนี้ มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ครั้งที่ 12/2566 ลงวันที่ 30 มกราคม 2566 ระบุว่าเป็น กรณีจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อันควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีพ้นจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562
ที่จากการตรวจสอบ พบว่า นาย ก. ไม่แสดงรายการทรัพย์สินของตนเองและคู่สมรส (ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา) ได้แก่ รายการเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาหาดใหญ่ใน ชื่อบัญชี นาง ข. (ผู้ซึ่งอยู่กินกันฉันสามีภริยา) ยอดเงิน 8,411.54 บาท และไม่แสดงรายการเงินลงทุนใน บริษัท A จำกัด โดย นาย ก. ถือหุ้น 18,000 หุ้น หุ้นละ 50 บาท มูลค่า 900,000 บาท
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง และขอให้ลงโทษทางอาญา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 114 วรรคสอง (1) มาตรา 81 และมาตรา 167
สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบยืนยันข้อมูลพบว่า อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายนี้ เคยมีตำแหน่งเป็น ส.ส. ปัจจุบันเป็นสมาชิกสังกัดพรรคการเมืองแห่งหนึ่ง เคยถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้วคดีหนึ่ง อยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นศาล
อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และกรณ้ร่ำรวยผิดปกตินั้น การชี้มูลความผิดทางอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด
ส่วน นาย ก. อดีตผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรายนี้ เป็นใคร?
อดใจรอไม่นาน สังคมคงได้รับทราบคำตอบที่ชัดเจนกัน
อ่านประกอบ :