"...เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในทอท. ว่า ประเด็นการผูกเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียว นั้น มีการตั้งข้อสังเกตและนำไปถกเถียงในบอร์ด ทอท. แล้วว่า ทำไมต้องมีการผูกเช่าเครื่องจากเอกชนรายนี้เพียงรายเดียวเป็นระยเวลานานแบบนี้ ทั้งที่ ปัจจุบันก็มีเอกชนหลายรายที่มีสินค้าใหม่ และผ่านการรับรองแล้ว ..."
ประเด็นข้อสังเกต กรณี บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ทำสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (ฺBody Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที.โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียวต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายปี
ที่ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบข้อมูลใหม่ไปแล้วว่า ในช่วงปี 2561 - 2564 ทอท.ได้ทำสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ต่อเนื่อง อีก 5 สัญญา
โดยสัญญาล่าสุด ปี 2564 วงเงิน 109,079,395 บาท ที่ระบุวันสิ้นสุดสัญญา 19 ธ.ค. 66
ก่อนหน้านั้น สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจพบข้อมูลเชิงลึกพบไปแล้วว่า ในช่วงปี 2556 - 2561 ทอท. ได้ทำสัญญาผูกเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียว มาใช้งานตามสนามบินต่างๆ จำนวน 6 สัญญา รวมวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 1,347,172,800 บาท (เท่าที่ตรวจสอบพบ) เฉลี่ยราคาเช่าต่อเครื่องอยู่ที่ 644,140 บาทต่อเดือน
เท่ากับว่า นับตั้งแต่ปี 2556 - 2566 ทอท. ได้ทำสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (ฺBody Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที.โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียว จำนวน 11 สัญญา นับรวมระยะเวลากว่า 10 ปี
รวมวงเงินว่าจ้างทุกสัญญาอยู่ที่ตัวเลขสูงถึง 1,900,544,721 บาท
คำถามที่น่าสนใจ คือ เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างไร? ทำไมต้องกลับมากลายเป็นปมร้อน ที่ต้องถูกจับตามองใหม่อีกครั้ง?
สำนักข่าวอิศรา ย้อนที่มาที่ไปเรื่องนี้ มานำเสนอให้สาธาธารณชน รับทราบแบบชัดๆ ณ ที่นี้
หนึ่ง.
ในช่วงปลายปี 2560 สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานรัฐ พบว่า นับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงขณะนั้น (ปลายปี 2560) ทอท. ได้ทำสัญญาเช่า เครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที.โซลูชั่น จำกัด มาแล้วจำนวน 6 สัญญา รวมวงเงินว่าจ้างทั้งสิ้น 1,347,172,800 บาท (เท่าที่ตรวจสอบพบ)
โดยในช่วงปี 2559 มีการทำสัญญาเช่ามากที่สุดจำนวน 3 สัญญา รวมวงเงินทั้งสิ้น 1,082,155,200 บาท
จากการตรวจสอบพบว่า สัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) กับบริษัท เอ็ม.ไอ.ที.โซลูชั่น จำกัด ฉบับวงเงิน 347,835,600 บาท ที่มีการลงนามในสัญญาเป็นทางการเมื่อวันที่ 2 พ.ย.2559 กำหนดอายุสัญญาไว้ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.2559 ถึงวันที่ 19 ธ.ค.2564
เป็นการตกลงเช่าเครื่องแบบ Automatic Target Detection (ATD) ยี่ห้อ L-3 รุ่น Pro Vision 2 จำนวน 9 เครื่อง กำหนดการจ่ายเงินเป็นงวดๆ เป็นรายเดือน จำนวน 60 งวด ในอัตรางวดละ 5,797,260 บาท
เฉลี่ยราคาเช่าต่อเครื่องจะอยู่ที่ 644,140 บาท (ดูรายละเอียดในตารางประกอบ)
สอง.
ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ขยายผลการตรวจสอบข้อมูลราคากลางจัดซื้อของ General Services Administration Schedules (GSA) สหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นหน่วยงานราชการอิสระภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลกลางทำหน้าที่ให้บริการหน่วยงานราชการ (ผู้ซื้อ) โดยการนำเสนอสินค้าและบริการต่างๆจากพันธมิตรทางธุรกิจ (ผู้ขาย) มีลักษณะคล้ายกับการเป็นตัวกลางระหว่างหน่วยงานราชการ (ผู้ซื้อ) และภาคเอกชน (ผู้ขาย)
พบว่า ในลิสต์ราคาดังกล่าวระบุว่า เครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) แบบเดียวกับที่ทอท.เช่า มีราคากลางอยู่ที่ 171,000 เหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ 5,643,000บาท ต่อเครื่อง
หากเปรียบเทียบกับราคาเช่าเครื่องที่ทอท. จ่ายให้กับเอกชนรายนี้ ตามสัญญาต่อเครื่อง จำนวน 644,140 บาทต่อเดือน คำนวนจำนวน 60 งวด ที่ต้องจ่ายไปจะพบว่า มีราคาเฉลี่ยอยู่เครื่องละ 38,648,400 บาท มากกว่า 6 เท่า
คำถามที่น่าสนใจ คือ ทำไมทอท. ถึงไม่ใช้วิธีการจัดซื้อแต่ใช้วิธีการเช่าแทน?
อย่างไรก็ตามราคาที่ทางสำนักข่าวคำนวนนั้นอิงตามราคาจัดซื้อในสหรัฐฯซึ่งยังไม่รวมค่านำเข้าบำรุงรักษาติดตั้ง
นอกจากนี้ สำนักข่าวอิศรา ยังตรวจสอบพบว่า ที่ผ่านมา บริษัท L-3 Communication เคยตกเป็นข่าวร่วมกันกับทาง TSA หรือ Transportation Security Administration ซึ่งหน่วยงานด้านความปลอดภัยในการเดินทางของประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อช่วงกลางปี 2015 ที่มีการตรวจพบว่าสองบริษัทนี้ที่ปัจจุบันให้บริการในด้านความปลอดภัยเครื่องตรวจค้นวัตถุที่มีส่วนแบ่งในตลาด 99% สนามบินทั่วสหรัฐฯกลับพบว่า 96% ของเครื่องที่ใช้งานไม่สามารถค้นหาวัตถุระเบิดและอาวุธปลอมที่ใช้ในการทดสอบได้เลยขณะที่มีการร้องเรียนว่าเจ้าเครื่องบอดี้สแกนเนอร์ (body scanners) มีปัญหาอย่างอื่นอีกมาก
ในความกังวลอีกประการหนึ่งที่มีการรายงาน คือ การบำรุงรักษาเครื่องจักรได้ดีเพียงใดเนื่องจาก TSA ไม่ได้ดูแลการบำรุงรักษาอุปกรณ์อย่างเพียงพอจึงไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะมีการบำรุงรักษาเชิงป้องกันตามปกติหรืออุปกรณ์นั้นได้รับการซ่อมแซมและพร้อมสำหรับการใช้งาน
ขณะที่ทางการ TSA ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ถึงข้อกังวลด้านความปลอดภัยว่าทางหน่วยงานได้เริ่มทำการปรับปรุงประสิทธิในการสแกนคัดกรองใหม่รวมทั้งการจัดฝึกอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ของ TSA ทั้งหมดการปรับปรุงขั้นตอนการแก้ปัญหาการเตือนภัยและทำงานร่วมกับคู่ค้าภาคเอกชน เพื่อเพิ่มมาตรการหลายอย่างให้เป็นไปตามมาตรฐานการตรวจสอบของอุปกรณ์ตรวจคัดกรองของเรา
อ้างอิงข้อมูลจาก https://www.politico.com/story/2015/08/airport-security-price-for-tsa-failed-body-scanners-160-million-121385
สาม.
ในช่วงวันที่ 10 ธ.ค.2560 หลังจากที่สำนักข่าวอิศรา ทำหนังสือขอให้ผู้บริหาร ทอท. ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้เป็นทางการ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2560
ทอท. เคยมีการชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีนี้ ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กชื่อว่า ' AOT Official' ระบุว่า เพื่อให้เกิดความโปร่งใส เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล และลดความกังวลของผู้ถือหุ้น ทอท. ขอชี้แจงกรณี Body Scanner ดังนี้
ทอท. ได้เริ่มเช่าอุปกรณ์ body scanner มาติดตั้งใช้งานตั้งแต่ปี 2554 โดยการพิจารณาเทคโนโลยีที่ผ่านมาตรฐานและการรับรองจาก TSA ซึ่งปัจจุบันในโลก มีเทคโนโลยี body scanner ที่ได้รับการรับรองเพียงผลิตภัณฑ์เดียวคือ L-3 รุ่น Provision ATD และ Provision 2 โดยมีบริษัท เอ็ม ไอ ที โซลูชั่น จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงรายเดียวในประเทศไทย
สำหรับด้านราคานั้น ราคา 5.6 ล้านบาท เป็นราคา GSA ซึ่งตั้งไว้เฉพาะสำหรับขายให้กับรัฐบาลและหน่วยงานของอเมริกาเท่านั้น ไม่ใช่ราคาขายเชิงพาณิชย์ในท้องตลาดที่ขายให้กับสนามบินทั่วไป
โดยจากการสืบราคาของ ทอท. ในช่วงเริ่มแรกอยู่ที่ 19 ล้านบาท ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นเพียงเฉพาะราคาเครื่องที่ไม่รวมการประกันภัย และการบำรุงรักษาแบบรวมอะไหล่ 100% เพื่อให้มั่นใจถึงการใช้งานได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ส่งผลให้คุณภาพบริการสะดุด โดยเมื่อรวมค่าบำรุงรักษาแบบรวมอะไหล่ 100% รวมค่าประกันภัยและค่าดอกเบี้ยในระยะ 5 ปีแล้ว บริษัทตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยคิดค่าเช่า 3 ปีแรกในอัตราเดือนละ 650,000 บาท และเมื่อมีการต่อสัญญาในรัฐบาลนี้ ได้มีการต่อรองราคาลดลงอีกร้อยละ 20 เป็นเดือนละ 520,000 บาท รวมทั้งสิ้น 5 ปีที่ 35.64 ล้านบาทสำหรับรุ่น Provision ATD โดยราคาในระดับนี้ ได้ใช้เป็นมาตรฐานเมื่อมีการเช่าเทคโนโลยีใหม่ Provision 2 ในเวลาต่อมา
ดังนั้น เพื่อความมั่นใจว่าราคาที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเสนอเป็นราคาที่เหมาะสม ทอท. ได้สอบถามไปยัง L-3 Communication ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิต และได้รับหนังสือ Subject: concerns on L3 Provision System related Projects in AOT จากบริษัทผู้ผลิตดังกล่าวเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 60 ยืนยันว่า ราคาที่ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยเสนอให้เช่าพร้อมบำรุงรักษาแบบรวมอะไหล่ 100% รวมค่าประกันภัยและค่าดอกเบี้ยนั้น เป็นราคาที่เป็นมาตรฐาน
อนึ่ง ทอท. ในฐานะรัฐวิสาหกิจ และบริษัทมหาชนที่มุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส ตรวจสอบได้ ขอขอบพระคุณประชาชนและสื่อมวลชนที่มีความห่วงใยในผลประโยชน์ของชาติ และให้ความสำคัญกับการตรวจสอบเพื่อความโปร่งใส มา ณ ที่นี้ (https://www.facebook.com/AOTofficial/posts/1945825059003187)
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าการชี้แจงข้อเท็จจริงของ ทอท. ผ่านเฟซบุ๊กครั้งนี้ ไม่ได้มีการแนบเอกสารหลักฐานประกอบไว้ด้วยแต่อย่างใด
สี่.
สำนักข่าวอิศรา ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด เพื่อขอให้ชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นทางการ แต่ไม่เคยได้รับคำชี้แจง
จากการสืบค้นข้อมูล บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ในช่วงเวลานั้น พบว่า บริษัทฯ จดทะเบียนจัดตั้ง 4 สิงหาคม 2541 ทุนปัจจุบัน 100 ล้านบาท (ช่วงจดทะเบียนจัดตั้งเมื่อปี 2541 มี ทุน 1 ล้านบาท ก่อนจะแจ้งเพิ่มทุนเรื่อยๆ มา จนเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2560 เพิ่มทุนเป็น 100 ล้านบาท) ตั้งอยู่เลขที่ 3069/1 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร
ที่ตั้งตามสบช.3 คือ 238/91 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร /ที่ตั้งสำนักงานสาขาอีก 1 แห่ง คือ เลขที่ 3075/1-2 ถ.สุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
ปรากฎชื่อ น.ส. หทัยรัตน์ พุ่มคชา นาย กิตติพงษ์ วงศ์รัตน์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ รายชื่อผู้ถือหุ้น ณ 30 สิงหาคม 2560 นางสาว หทัยรัตน์ พุ่มคชา ถือหุ้นใหญ่สุด 74.98% นาย กิตติพงษ์ วงศ์รัตน์ 25% และ นาย สำรวย แน่นอุดร 0.02%
เมื่อเดินทางไปตรวจสอบข้อมูลตามที่อยู่ เลขที่238/91 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร พบว่า เป็นที่ตั้งของคอนโดมิเนียม ชื่อ "ดิ เอ็กคลูซีฟ รีเจนท์" (ดูรูปประกอบ)
จากการตรวจสอบข้อมูลคนในพักอาศัยในคอนโดฯ ได้รับการยืนยันว่า ห้องพักเลขที่238/91 เปิดเป็นบริษัท หน้าห้องก็มีป้ายชื่อบริษัทติดอยู่
"เจ้าของห้องชื่อว่า "ต้น" แต่ที่นี่เป็นที่พักเขา ไม่รู้ว่าบริษัทจริงๆอยู่ไหน รู้แต่ว่าขับรถนอกทั้งนั้น เบนซ์ บีเอ็ม อะไรพวกนี้ ล่าสุดถอยลัมโบกินี่ป้ายแดง"
ต่อมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา ได้เดินทางไปตรวจสอบข้อมูลที่ตั้งสำนักงานสาขาของ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ที่แจ้งไว้อีก 1 แห่ง คือ เลขที่ 3075/1-2 ถ.สุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ
เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า มีลักษณะเป็นอาคารสำนักงาน 5 ชั้น ด้านหน้าตึกติดชื่อ "เฉลิมศรีสุนทร" บนกระจกติดชื่อ "เอ็ม เอ็ม พี คอร์ปอเรชั่น" ติดถนนสุขุมวิท ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า BTS ปุณณวิถี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้ติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ตึก เพื่อขอสัมภาษณ์ผู้บริหารบริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด แต่ได้รับการปฏิเสธว่า ที่นี่ไม่ใช่ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด
ขณะที่ จากการสืบค้นข้อมูลในโลกออนไลน์ พบว่า บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด แจ้งเบอร์ติดต่อไว้คือ 02-741-8491 (ดูภาพประกอบ)
อย่างไรก็ตาม เมื่อสำนักข่าวอิศรา ติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าว ได้รับแจ้งว่า เป็นที่อยู่ของ "เฉลิมศรีสุนทร" แจ้งที่อยู่ 3075/1-2 ถ.สุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่อยู่สาขาเดิมของ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ตึก ยืนยันว่า ที่นี่ ไม่ใช่ที่ตั้งของ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด
ต่อมาสำนักข่าวอิศรา ได้เดินทางไปติดต่อ บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ตามที่อยู่อีกแห่ง ที่แจ้งไว้ล่าสุดกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า คือ เลขที่ 3069/1 ถนนสุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร
เมื่อเดินทางไปถึง พบว่า ที่อยู่ดังกล่าว เป็นอาคารขายสินค้าของ บริษัท เอ็ม เอ็ม พี คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งขายผลิตภัณฑ์บรรจุอาหารยี่ห้อเอ็มแร็ป
อยู่ไม่ไกลจากอาคาร "เฉลิมศรีสุนทร" ซึ่งเป็นที่ตั้งเดิมของบริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด เลขที่3075/1-2 ถ.สุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ มากนัก
โดยบริเวณทางเข้าอาคารขายสินค้าของ บริษัท เอ็ม เอ็ม พี คอร์ปอเรชั่น จำกัด มีป้ายชื่อบริษัท เอ็ม ไอ ที โซลูชั่น จำกัด ติดไว้ (ดูภาพประกอบ)
สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า จากการสอบถามพนักงานในอาคารขายสินค้า บริษัท เอ็ม เอ็ม พี คอร์ปอเรชั่น จำกัด เกี่ยวกับบริษัท เอ็ม ไอ ที โซลูชั่น จำกัด ได้รับแจ้งว่า ไม่มีใครรู้จัก บริษัท เอ็ม ไอ ที โซลูชั่น จำกัด มาก่อน
"ที่นี่เป็นอาคารเก็บสินค้าผลิตภัณฑ์ถนอมอาหารยี่ห้อเอ็มแรปของบริษัท เอ็ม เอ็ม พี คอร์เปอร์เรชั่น ซึ่งมีที่ตั้งอีกแห่งในอาคารเฉลิมศรีสุนทร ส่วนบริษัท เอ็ม ไอ ที โซลูชั่น จำกัด ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน" พนักงานรายหนึ่งระบุ
ขณะที่สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลในสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร ระหว่าง บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด กับ ทอท. ในช่วงปี 2556 และ 2559 พบว่า บริษัท เอ็ม ไอ ที โซลูชั่น จำกัด ได้แจ้งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ไว้ 2 แห่ง คือ
ในปี 2556 ใช้ที่อยู่เลขที่ 238/91 ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีสภาพเป็นห้องในคอนโดมิเนียม ชื่อ "ดิ เอ็กคลูซีฟ รีเจนท์" (ดูเอกสารประกอบ)
ส่วนในปี 2559 แจ้งใช้ที่อยู่เลขที่ 3075/1-2 ถ.สุขุมวิท แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นอาคารชื่อ "เฉลิมศรีสุนทร" แต่คนในอาคาร ไม่มีใครรู้จัก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด (ดูเอกสารประกอบ)
จึงไม่ทราบว่า สรุปแล้ว บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด แจ้งใช้ที่อยู่ติดต่องานแห่งใดกันแน่?
ห้า.
ในการติดตามตรวจสอบข้อมูลการดำเนินงานโครงการฯ นี้ สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า สตง. ได้รับทราบเรื่อง และมีการเข้าตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกไปแล้ว
แต่จนถึงปัจจุบันกระบวนการตรวจสอบเรื่องนี้ยังไม่แล้วเสร็จ
หลังจากนั้น เรื่องนี้ก็เงียบหายไป จนกระทั่ง สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบพบข้อมูลใหม่ว่า ในช่วงปี 2561 - 2564 ทอท. ยังได้ทำสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด ต่อเนื่อง อีก 5 สัญญา โดยสัญญาล่าสุด ปี 2564 วงเงิน 109,079,395 บาท ที่ระบุวันสิ้นสุดสัญญา 19 ธ.ค. 66
นับรวมข้อมูลตั้งแต่ปี 2556 - 2566 ทอท. ได้ทำสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (ฺBody Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที.โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียว จำนวน 11 สัญญา นับรวมระยะเวลากว่า 10 ปี รวมวงเงินว่าจ้างทุกสัญญาอยู่ที่ตัวเลข 1,900,544,721 บาท
ตามข้อมูลที่นำเสนอไปล่าสุด
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา ได้รับการยืนยันข้อมูลจากแหล่งข่าวในทอท. ว่า ประเด็นการผูกเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด เพียงรายเดียว นั้น มีการตั้งข้อสังเกตและนำไปถกเถียงในบอร์ด ทอท. แล้วว่า ทำไมต้องมีการผูกเช่าเครื่องจากเอกชนรายนี้เพียงรายเดียวเป็นระยเวลานานแบบนี้
ทั้งที่ ปัจจุบันก็มีเอกชนหลายรายที่มีสินค้าใหม่ และผ่านการรับรองแล้ว
โดยการถกเถียงกันในที่ประชุมบอร์ดทอท. ดังกล่าว มีการเสนอเรื่องให้ทอท. ต่อสัญญาเช่าเครื่องตรวจวัตถุตามร่างกายผู้โดยสาร (Body Scanner) จาก บริษัท เอ็ม.ไอ.ที. โซลูชั่น จำกัด จำนวน 19 ชุด ออกไปอีก 7 ปี จากสัญญาเดิมที่จะหมดลงในช่วงเดือนก.ค.2566 นี้ด้วย
แต่ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า บอร์ดทอท. เห็นชอบให้ต่อสัญญายาวดังกล่าวไปอีกหรือไม่
ข้อเท็จจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไร? คงต้องรอให้ ทอท. รวมไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเพื่อทำความจริงให้ปรากฏต่อสาธารณชนอีกครั้ง
อ่านประกอบ :
- ควักจ่าย6.4แสน/ตัว/เดือน! รู้หรือไม่?ทอท.ผูกเช่าเครื่องบอดี้สแกนบ.เจ้าเดียวนาน5ปี1.3พันล.
- ชัดๆข้อมูล3สัญญาเช่าบอดี้สแกนทอท.ปี59 ยุคบิ๊กตู่1.08พันล.-ควักจ่าย6.4แสน/ตัว/เดือน
- ปมใหม่บอดี้สแกน หน่วยงานสหรัฐ โค้ทราคาขายแค่5.6ล./เครื่อง ไฉนทอท.ควักเช่าตัวละ38ล.?
- ตัวละ5.6ล.ขายเฉพาะสหรัฐ!ทอท.แจงผูกเช่าบอดี้สแกน1.3พันล.-ยันควักจ่าย35ล.ราคามาตรฐาน
- เปิดตัวบ.ผูกเช่าบอดี้สแกนทอท.5ปี1.3พันล.! ที่แท้เจ้าเดิมถูกสอบงานวิมานพญาแถน30ล.
- ซุกตัวอาคารเก็บสินค้าเอ็มแรป? แกะรอยที่อยู่ใหม่บ.ผูกเช่าบอดี้สแกนทอท.1.3พันล.
- ข้องใจผูกเช่าบ.เดียว-ไม่ซื้อกรรมสิทธิ์ขาด!สตง.จี้ทอท.ส่งหลักฐานเครื่องบอดี้สแกนทุกสัญญา
- ผู้โดยสารสุวรรณภูมิเจอเอง เครื่องบอดี้สแกนเช่า35ล.ถูกปิดกั้นไม่ใช้งาน-ส่งภาพชุดอิศราสอบ