“ฉันต้องส่งข้อความไปสอบถามกับที่พักถึง 30 แห่งด้วยกัน เพื่อจะหาของที่พักก็พบว่าหลายที่พักนั้นถูกจองไปด้วยระยะเวลาจองนานกว่า 1 ปี ฉันสอบถามข้อมูลจากสถานที่หนึ่งเพื่อจะจองบ้านสี่หลัง โดยฉันต้องการราคาเช่าปกติที่คิดกันอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท ต่อเดือน ปรากฏว่าสถานที่นั้นมีผู้หญิงรัสเซียไปจองแล้วก็มาปล่อยเช่าต่อ โดยเธอคิดราคาให้เช่าบ้าน 4 หลัง ในราคาต่อหลังอยู่ที่วันละ 1,300 บาท ถ้าคิดเป็นรายเดือนก็อยู่ที่ราคาต่อหลังละ 40,000 บาทต่อเดือน” นางบาก้ากล่าวและกล่าวทิ้งท้ายว่าคนไทยหลายคนเองก็ไม่มีทางที่จะได้ข้อตกลงที่ดีได้เลย และหลายคนที่เคยเรียกเกาะพงันว่าบ้านมานานหลายปี ก็กำลังจะไปจากเกาะแห่งนี้แล้ว
สิ่งหนึ่งที่ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว ก็คือปริมาณของชาวรัสเซียที่ทะลักเข้าสู่ประเทศไทยมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดนี้ก็มีการให้ความเห็นทั้งในแง่บวก ก็คือว่าชาวรัสเซียที่มีกำลังซื้อจะทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องมีการเติบโตหลังจากที่ต้องซบเซาเพราะวิกฤติโควิด ขณะที่ความเห็นในแง่ลบก็ระบุว่า ชาวรัสเซียที่เข้ามาเป็นจำนวนมากอาจจะเข้ามายึดครองภาคเศรษฐกิจ มาแย่งงานทำก็เป็นไปได้อีกเช่นกัน
จากกรณีดังกล่าวสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกาก็ได้มีการทำรายงานข่าววิเคราะห์ถึงผลกระทบของชาวรัสเซียที่ทะลักเข้ามาทำงานในประเทศไทยไว้เช่นกัน โดยสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
มีรายงานข่าวนักท่องเที่ยวรัสเซียกำลังเดินทางมาที่ประเทศไทยมากขึ้น ด้วยเหตุผลว่าทั้งต้องการหนีจากสงครามในยูเครน หรือว่าต้องการที่จะย้ายมาอยู่ในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)
ที่ผ่านมา ประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นสวรรค์สำหรับนักเดินทางชาวรัสเซียที่ต้องการจะหลบหนีสงครามที่ตอนนี้เข้าสู่ปีที่สองแล้ว โดยนับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้มีการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบและยกเลิกข้อจำกัดเรื่องโควิด-19 ไปเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจากรัสเซียก็มีสัดส่วนคิดเป็นอันดับสามของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศทั้งหมดที่เข้ามายังประเทศไทย โดยอยู่ตามหลังแค่นักท่องเที่ยวจากมาเลเซียและจากอินเดีย
พอมาถึงตอนนี้ชาวรัสเซียนับพันคนกำลังหาบ้านใหม่ ด้วยความกลัวในเรื่องปัญหาความทุกข์ยากทางเศรษฐกิจในรัสเซีย และกลัวในเรื่องของการถูกเกณฑ์ทหาร ซึ่งประเทศไทยนั้นก็เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการพักผ่อนวันหยุดของนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียมาเป็นระยะเวลายาวนานแล้ว
โดยในปี 2562 พบว่ารัสเซียนั้นเป็นตลาดการท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 7 ในประเทศไทย เนื่องจากว่าไทยไม่ได้มีการปฏิบัติตามมาตรการของประเทศตะวันตกและการห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวรัสเซียเข้าไทย
นักท่องเที่ยวรัสเซียที่มาเที่ยวประเทศไทย (อ้างอิงวิดีโอจาก Living Abroad)
นักท่องเที่ยวรัสเซียจึงได้ใช้ประโยชน์จากเรื่องดังกล่าว ซึ่งในช่วงเวลาหลายเดือนตั้งแต่ ต.ค.-ธ.ค. พบว่ามีนักท่องเที่ยวรัสเซียเดินทางเข้าสู่ไทย 331,000 คน ตามข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาของไทย
มีรายงานว่านักท่องเที่ยวจำนวนนับหลายพันคนนั้นได้เข้ามาลงทุน,มาซื้ออสังหาริมทรัพย์,หรือว่ามาเช่าที่อยู่อาศัยในไทยเป็นระยะเวลานาน โดยหลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ได้ออกคำสั่งให้เคลื่อนกำลังรบในเดือน ก.ย. ชาวรัสเซียที่ร่ำรวยหลายคน ก็เลือกจะมาประเทศไทยที่มีชายฝั่งที่มีแดดจัด แลกกับการที่จะไม่ต้องถูกเกณฑ์เข้าสู่ความขัดแย้งในยูเครน
โดยตอนนี้ในรัสเซียผู้ชายในวัย 18-27 ปีทุกคนจะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นระยะเวลา 1 ปี ขณะที่รัสเซียได้ออกมากล่าวว่าสามารถจะเกณฑ์ประชาชนไปเป็นทหารได้เป็นจำนวนอย่างน้อย 200,000 นายแล้ว นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีปูตินได้ออกคำสั่งเคลื่อนกำลังรบในเดือน ก.ย.
ทางด้านของนายอามิน เอตตาเยบ ผู้จัดการฝ่ายขายจากกรุงมอสโก ให้กับบริษัท InDreamsPhuket ซึ่งเป็นบริษัทว่าด้วยอสังหาริมทรัพย์บนเกาะภูเก็ตได้ให้สัมภาษณ์ว่ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของลูกค้าของเขานั้นเป็นชาวรัสเซีย โดยในเดือน พ.ย.ถอว่าเป็นเดือนที่มียอดขายสูงสุด เพราะผู้คนกำลังซื้อทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง
นายเอตตาเยบกล่าวต่อไปว่าสำหรับตลาดการเช่าวิลล่าเพื่อพักผ่านนั้นพบว่าที่ผ่านมาเคยมีรายได้ต่อเดือนต่ำกว่า 9,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (316,170 บาท) ต่อเดือน แต่ว่าตอนนี้ยอดขายพุ่งขึ้นไปมากกว่า 28,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (983,738 บาท) ต่อเดือนแล้ว
“ตลาดการเช่าวิลล่าค่อนข้างมีความโกลาหล ณ เวลานี้ ราคาวิลล่าหลายแห่งเคยอยู่ที่ 300,000 บาท ต่อเดือน แต่ตอนนี้ราคาวิลล่าบางแห่งพุ่งขึ้นไปถึงมากกว่า 1 ล้านบาท แต่ผู้คนก็ยังคงจะเลือกซื้อวิลล่าเหล่านี้” นายเอตตาเยบกล่าว
ผู้จัดการฝ่ายขายจากกรุงมอสโกกล่าวว่าแม้ว่าประเด็นเรื่องเงินจะไม่ใช่ปัญหาสำหรับลูกค้าของเขา แต่ลูกค้าของเขานั้นก็ไม่ต้องการจะอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะเวลายาวนาน
“มีเพียงไม่กี่คนที่ต้องการจะออกจากรัสเซียโดยถาวร พวกเขาแค่ต้องการจะทำให้มั่นใจว่าพวกเขาจะไม่ต้องไปรบในสงคราม ซึ่งเมื่อสถานการณ์เป็นปกติ มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะกลับไป” นายเอตตาเยบกล่าว
โดยในช่วงระหว่างวันที่ 1 พ.ย.-21 ม.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีชาวรัสเซียกว่า 233,000 รายเดินทางมายัง จ.ภูเก็ต ตามข้อมูลของสนามบินนานาชาติ จ.ภูเก็ต ขณะที่ในปีที่ผ่านมา พบว่าชาวรัสเซียได้มีการซื้อคอนโดมิเนียมคิดเป็นสัดส่วนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับคอนโดทั้งหมดที่ขายให้ชาวต่างชาติใน จ.ภูเก็ต ตามข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ไทย
ขณะที่นายเอมิล ซาเลียนี ชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในไทยเป็นเวลาหลายปี และทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตรด้านการพัฒนา ที่บริษัท Wyndham Grand and Natai Beach Resort ใน จ.ภูเก็ตกล่าวว่าในตอนนี้เรามีโรงแรมใหม่ เป็นโรงแรมที่มีการเข้าพักเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดย 50 เปอร์เซ็นต์พบว่าเป็นชาวรัสเซีย ซึ่งจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
นายซาเลียนีกล่าวว่าตลาดการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ณ เวลานี้ถือว่ามีความบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง เพราะราคาบางอย่างนั้นอาจจะพุ่งขึ้นไปถึง 15-20 เปอร์เซ็นต์ และค่าเช่าบางอย่างก็อาจจะมีราคาพุ่งขึ้นเกิน 3-4 เท่า
ทั้งนี้ถ้าเปรียบเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวรัสเซียเป็นจำนวนนับหลายพันคนต้องตกค้างอยู่ในประเทศไทย เพราะว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศตะวันตกอื่นๆได้มีการออกมาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศรัสเซีย
โดยมาตรการคว่ำบาตรที่ว่านี้นั้นมีทั้งการแบนการใช้บัตรเครดิตวีซ่าและมาสเตอร์การ์ด และการถอนธนาคารจากรัสเซียออกจากระบบการเงินนานาชาติหรือ SWIFT นี่ส่งผลทำให้ชาวรัสเซียไม่สามารถเข้าถึงทุนได้ ขณะค่าเงินรูเบิลก็พังทลาย
ตอนนี้รัสเซียก็กำลังเจอกับการคว่ำบาตรที่หนักขึ้นในขณะที่สงครามดำเนินต่อไป
นายซาเลียนีกล่าวว่าเหตุผลหนึ่งของการลงทุนที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าพวกเขาต้องการจะย้ายเงินออกจากรัสเซีย ซึ่งนี่เป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแย่ พวกเขายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับประเด็นเรื่องค่าเงิน
นายซาเลียนีกล่าวต่อไปว่าที่เขาบอกว่ามันแย่ก็เพราะว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีความอิ่มตัวมาก นี่จึงส่งผลทำให้เกิดตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ที่ไม่มีใบอนุญาตเพื่อที่จะดำเนินการหาเงิน
เพราะคำว่าตลาดมีความอิ่มตัว ทุกคนอยากจะหาเงิน ตอนนี้ทุกคนก็สามารถจะเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ได้เลย และสามารถคิดราคาอสังหาริมทรัพย์ได้สูงเกินจริงเป็นนับร้อยเท่า นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก คล้ายกับว่าเป็นตลาดที่มีความป่าเถื่อน ไม่มีใครจะเข้ามาควบคุมตลาดนี้เลย” นายซาเลียนีกล่าว
และนอกจากนี้สื่อท้องถิ่นในประเทศไทยยังได้มีการรายงานข่าวแล้วว่าพบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียบางคนในประเทศไทยตอนนี้กำลังทำงานที่ผิดกฎหมายบางประการอยู่ อาทิเช่นเป็นไกด์ทัวร์ หรือว่าเป็นคนขับแท็กซี่ในภูเก็ตเป็นต้น
มีรายงานว่าชาวรัสเซียกว่า 7,000 คน ตกค้างในประเทศไทย ในวันที่รัสเซียรุกรานยูเครน (อ้างอิงวิดีโอจากเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
ส่วนทางด้านของนายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม อดีตนายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตก็ได้มีการเรียกร้องผ่านเฟซบุ๊กในเดือน ก.พ.นี้ด้วยเช่นกันว่า ขอให้ทางการได้เข้ามาสืบสวนเกี่ยวกับโอกาสที่จะพบว่ามีชาวรัสเซียจะทำงานอย่างผิดกฎหมายในประเทศไทย
@ชาวรัสเซียแห่กันไปที่เกาะพงัน
นับตั้งแต่ที่ประเทศไทยได้มีการเปิดพรมแดน เกาะพงันก็ได้กลายเป็นอีกสถานที่ยอดนิยมสำหรับชาวรัสเซียที่ต้องการจะหลบหนีจากสงคราม
อย่างไรก็ตาม นางคิมเบอร์ลีย์ บาก้า อาชีพไลฟ์โค้ชจากแอฟริกาใต้ ซึ่งอาศัยอยู่ที่เกาะแห่งนี้ เธอกล่าวว่าเธอรู้สึกว่าเหมือนกับว่าจะมีการยึดครองเกาะในช่วงไม่กี่เดือนมานี้
โดยเกาะพงันนั้นนอกจากจะมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นสถานที่จัดกิจกรรมฟูลมูนปาร์ตี้ในแต่ละเดือนแล้ว ยังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวเกาะด้วยราคาที่เป็นมิตรด้วยเช่นกัน
ทว่าด้วยการเพิ่มขึ้นของราคาสถานที่ นี่ส่งผลทำให้ผู้คนเริ่มหนีห่างจากเกาะแห่งนี้
“ฉันต้องส่งข้อความไปสอบถามกับที่พักถึง 30 แห่งด้วยกัน เพื่อจะหาของที่พักก็พบว่าหลายที่พักนั้นถูกจองไปด้วยระยะเวลาจองนานกว่า 1 ปี ฉันสอบถามข้อมูลจากสถานที่หนึ่งเพื่อจะจองบ้านสี่หลัง โดยฉันต้องการราคาเช่าปกติที่คิดกันอยู่ที่ประมาณ 12,000 บาท ต่อเดือน ปรากฏว่าสถานที่นั้นมีผู้หญิงรัสเซียไปจองแล้วก็มาปล่อยเช่าต่อ โดยเธอคิดราคาให้เช่าบ้าน 4 หลัง ในราคาต่อหลังอยู่ที่วันละ 1,300 บาท ถ้าคิดเป็นรายเดือนก็อยู่ที่ราคาต่อหลังละ 40,000 บาทต่อเดือน” นางบาก้ากล่าวและกล่าวทิ้งท้ายว่าคนไทยหลายคนเองก็ไม่มีทางที่จะได้ข้อตกลงที่ดีได้เลย และหลายคนที่เคยเรียกเกาะพงันว่าบ้านมานานหลายปี ก็กำลังจะไปจากเกาะแห่งนี้แล้ว
เรียบเรียงจาก:https://www.voanews.com/a/thousands-of-russians-flee-to-thailand-to-escape-war-/6979011.html