"...การจัดซื้อครั้งนี้ขอยืนยันว่าเป็นการจัดซื้อที่ทำให้ได้ราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป ราคาไม่สูงแต่อย่างใด อีกทั้งที่ผ่านมา การไฟฟ้าจากส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบแล้วก็พบว่าจัดซื้อโดยได้ราคาต่ำจริง..."
กรณี ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 มีคำพิพากษาลงโทษจำคุก นายนิพัฒน์ จินดาวงศ์ อดีตผู้ชำนาญการระดับ 8 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเขต 3 (ภาคใต้) จังหวัดยะลา เป็นเวลา 5 ปี 90 เดือน และปรับ 375,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 3 ปี คุมความประพฤติจำเลย มีกำหนด 2 ปี
จากการจัดซื้อกระดาษเอ 4, กระดาษเทอร์มอล, กระดาษต่อเนื่อง, กระดาษบัตรคิว และหมึกคอมพิวเตอร์กับ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอ็น พีบีเซ็นเตอร์ ระหว่างปี 2551 – 2554 รวม 28 โครงการ โดยทุจริต
ขณะที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการประชุมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ได้พิจารณาแล้วมีมติไม่เห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9 ในส่วนที่รอการลงโทษ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกมานำเสนอเพิ่มเติมไปแล้วว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอ็น พีบีเซ็นเตอร์ ปัจจุบันยังประกอบกิจการอยู่ ตั้งอยู่ในจังหวัดยะลา แจ้งวัตถุประสงค์ประกอบธุรกิจ ขายปลีก-ส่งอุปกรณ์สำนักงาน
ที่น่าสนใจ คือ หุ้นส่วนผู้จัดการผู้มีอำนาจ 1 ราย มีนามสกุล จินดาวงศ์ ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกับ นายนิพัฒน์ จินดาวงศ์ จำเลยในคดีนี้
อย่างไรก็ดี ในการเผยแพร่ข้อมูลคดีนี้ ของ ป.ป.ช. ไม่ได้ปรากฏชื่อ ห้างหุ้นส่วนจำกัดเอ็น พีบีเซ็นเตอร์ หรือเจ้าของ เป็นจำเลยด้วยแต่อย่างใด
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา สามารถติดต่อ นายนิพัฒน์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมเกี่ยวกับคดีนี้
นายนิพัฒน์ยืนยันกับผู้สำนักข่าวอิศราว่า เป็นผู้ที่ดำเนินการจัดซื้อทั้งหมดเอง แต่ไม่ได้มีส่วนในเรื่องของการอนุมัติให้มีการจัดซื้อแต่อย่างใด
"ส่วนเรื่องการต่อสู้คดีนั้น ตอนนี้กำลังปรึกษากับทนายความอยู่ว่าตอนนี้จะเอาอย่างไรดี" นายนิพัฒน์ระบุ
นายพิพัฒน์ ยังชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่า "การจัดซื้อครั้งนี้ขอยืนยันว่าเป็นการจัดซื้อที่ทำให้ได้ราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป ราคาไม่สูงแต่อย่างใด อีกทั้งที่ผ่านมา การไฟฟ้าจากส่วนกลางเข้ามาตรวจสอบแล้วก็พบว่าจัดซื้อโดยได้ราคาต่ำจริง"
"ที่ผ่านมามีกรรมการมาตรวจสอบแล้วสองครั้ง มาจากส่วนกลาง มาเช็คในแต่ละที่ ในแต่ละครั้งเขาก็สรุปว่าเราได้จัดซื้อราคาต่ำ ทำประโยชน์ให้ไฟฟ้า ผมเองก็ไม่รู้จักหรอกกรรมการที่มาจากกรุงเทพ"นายนิพัฒน์กล่าว
นายนิพัฒน์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดในปี 2565 การไฟฟ้าส่วนกลางก็มีการไปสอบถามกับผู้อำนวยการการไฟฟ้าเขต 3 ซึ่งทางผู้อำนวยการก็ตอบเองเลยว่า ตัวเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหายแต่อย่างใด
"เรื่องนี้มีแต่ผมที่โดน แต่คนที่อนุมัตินั้นไม่โดนเลย" นายนิพัฒน์ระบุ
เมื่อถามเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจของ หจก.เอ็น พีบีเซ็นเตอร์ นายนิพัฒน์กล่าวยอมรับว่า เป็นหจก.ของตัวเองจริง
เมื่อถามย้ำว่าแบบนี้หมายความว่าถ้านายพิพัฒน์ทำหน้าที่จัดซื้อจัดจ้าง แล้วไปซื้อกับ หจก.ของนายพิพัฒน์เอง จะไม่เข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือ
นายพิพัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นการตกลงราคา ระเบียบก็ไม่ได้ห้ามอะไร อันที่จริงระเบียบของการไฟฟ้าไม่ได้ระบุว่าจะเปรียบเทียบอะไรด้วย
"การจัดซื้อนี้ขอเรียนว่าไม่ได้ซื้อเยอะ แต่ว่ามันซื้อกันหลายชุด สมมติว่าใครต้องการของมาก็ทำหนังสือมาที่นายผม ที่คนใหญ่ แล้วก็แทงมาที่ผมให้จัดซื้อ ผมก็ซื้อตามเขาสั่ง ซื้อมาก็ใช้เลยไม่ได้กองไว้ ยกตัวอย่างที่คุณเห็นอยู่ กระดาษ A4 ดับเบิลเอ ขนาด 80 แกรม คุณไปซื้อที่ไหนก็ได้ 103 บาท คุณซื้อไม่ได้ ไปเช็คได้เลย แต่ผมซื้อได้ 103 บาท เพราะผมทำอย่างไรก็ตามเพื่อให้การไฟฟ้าได้ประโยชน์" นายนิพัฒน์ระบุ
และกล่าวต่อว่า "การตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบ ที่มีผู้ว่าการการไฟฟ้าที่กรุงเทพเขามีส่วนในการตรวสอบ เขาก็มีตารางเปรียบเทียบ และก็มองว่าการไฟฟ้าได้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน "
เมื่อถามว่าใครเป็นคนเลือกว่าจะต้องเป็น หจก.เอ็น พีบีเซ็นเตอร์ นายนิพัฒน์กล่าวว่า "ตัวเองไปติดต่อเอง และส่วนตัวก็ได้ไปเสนอด้วยว่าสามารถหาซื้อได้ราคาประมาณนี้ หรือสรุปว่าการที่ตัวเองได้ไปติดต่อหาร้านต่างๆ ก็ทำให้ทราบในส่วนของราคาที่ขาย และก็พยายามดำเนินการหาให้ได้ถูกกว่า เพื่อทำให้การไฟฟ้านั้นได้ประโยชน์"
ทั้งหมดนี้ คือ คำชี้แจงอีกด้านของ นายนิพัฒน์ ผู้ตกเป็นจำเลยในคดีนี้
ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอต่อไป