มีรายงานจากบุคลากรของ WHO จำนวนหกรายระบุว่า พญ.แมคทีโมวาได้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองอาวุโสในระบอบการปกครองเผด็จการของประเทศซีเรีย และเธอยังเคยไปพบกับบุคลากรจากกองทัพรัสเซียอย่างลับๆด้วยเช่นกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นอาจเข้าข่ายละเมิดความเป็นกลางของ WHO
ส่องคดีทุจริตโลก สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สัปดาห์นี้ขอนำเสนอกรณีความไม่โปร่งใสเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ที่ประเทศซีเรีย
โดยสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับประเด็นข้อกล่าวหาว่าหัวหน้าของศูนย์ WHO ที่ประเทศซีเรียนั้นมีพฤติกรรมการใช้เงินที่ผิดวัตถุประสงค์คิดเป็นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งการใช้เงินจำนวนดังกล่าวนั้นก็รวมไปถึงการใช้เงินเพื่อมอบของขวัญให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาล อาทิเช่น คอมพิวเตอร์,เหรียญทองคำ และรถยนต์เป็นต้น และนอกจากนี้ยังพบข้อมูลการประพฤติที่ไม่เหมาะสมในช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 หรือโคโรน่าไวรัสกำลังระบาดในประเทศซีเรีย
ทั้งนี้ข้อมูลที่มาจากเอกสารลับ และเอกสารอื่นๆ รวมไปถึงข้อความที่เป็นความลับมากกว่า 100 รายการ ที่สำนักข่าวเอพีได้มีการรวบรวมมานั้น มีการระบุว่าเจ้าหน้าที่ของ WHO ได้อ้างว่า พญ. อัคเจมาล แมคทีโมวา (Akjemal Magtymova) นั้นมีส่วนในการกดดันให้เจ้าหน้าที่ของ WHO ดำเนินการเซ็นสัญญากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซีเรีย และเป็นผู้มีส่วนทำให้มีการใช้เงินบริจาคของ WHO โดยผิดวัตถุประสงค์
ขณะที่ทางด้านของ พญ.แมคทีโมวาก็ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับข้อกล่าวหา โดยเธอกล่าวแค่เพียงว่าตัวเธอถูกห้ามไม่ให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เนื่องจากข้อผูกมัดที่เธอมีในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของ WHO อย่างไรก็ตาม เธอกล่าวว่าข้อกล่าวหาที่มีต่อตัวเธอนั้นมีลักษณะหมิ่นประมาท
สำหรับข้อกล่าวหานั้นมาจากบุคลากรของ WHO จำนวนนับสิบราย จนเป็นเหตุทำให้ทาง WHO ต้องดำเนินการสอบสวนภายในครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปี โดยเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสอบสวนกล่าวว่าต้องมีการส่งเจ้าหน้าที่สอบสวนทำหน้าที่ไม่ต่ำกว่า 20 ราย
โดย WHO ได้มีการยืนยันในแถลงการณ์ว่าขณะนี้กำลังมีการทบทวนข้อกล่าวหากับ พญ.แมคทีโมวา และกล่าวต่อไปว่าจะมีการขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานสอบสวนภายนอกเข้ามาประกอบกัน
“การสืบสวนคดีนี้เป็นการสืบสวนที่มีความยืดเยื้อและซับซ้อน เนื่องด้วยว่าสถานการณ์ในประเทศซีเรียและความท้าทายอย่างยิ่งในการเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับการรับประกันความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ก็ทำให้เกิดความยุ่งยากเพิ่มเติม” WHO กล่าวและกล่าวต่อไปว่าทางหน่วยงานมีความคืบหน้าเพิ่มเติมในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกี่ยวกับการประเมินข้อร้องเรียนที่มีต่อ พญ.แมคทีโมวา และการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
พญ. อัคเจมาล แมคทีโมวา ผู้แทนของ WHO ในประเทศซีเรียกล่าวสรุปสถานการณ์ปี 2563 (อ้างอิงวิดีโอจาก WHO ซีเรีย)
WHO กล่าวต่อไปว่าจากสถานการณ์ในด้านความปลอดภัย การรักษาความลับ และการเคารพต่อกระบวนการยุติธรรม ทำให้ทาง WHO ไม่สามารถจะแสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาได้ และทาง WHO ก็ไม่สามารถตอบได้เช่นกันว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นเมื่อไร
“จากสถานการณ์ด้านความปลอดภัย การรักษาความลับและการเคารพในกระบวนการยุติธรรมไม่อนุญาตให้เราแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกล่าวหาโดยละเอียด” WHO กล่าว โดยไม่ได้ระบุระยะเวลาว่าการสอบสวนจะเสร็จสิ้นเมื่อใด
โดยในปีที่ผ่านมานั้น สำนักงาน WHO ประจำประเทศซีเรียได้รับงบประมาณไปทั้งสิ้น 115 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4,373.9 ล้านบาท) ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะให้นำไปแก้ไขปัญหาทางสาธารณสุขของประเทศที่ถูกซ้ำเติมโดยสงคราม ทำให้ประชาชนเกือบร้อยละ 90 ต้องอยู่ในภาวะยากจนและต้องการความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
อย่างไรก็ตามจากการทำหน้าที่ตลอดหลายเดือน ผู้สอบสวนได้สืบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่า ชาวซีเรียได้รับการดูแลจาก WHO น้อยมาก และเจ้าหน้าที่ WHO ในซีเรียเองก็ได้รับการปฏิบัติที่ย่ำแย่เช่นกัน จนพบข้อมูลว่า
-เอกสารทางการเงินแสดงให้เห็นว่า พญ.แมคทีโมวาเคยจัดงานปาร์ตี้ที่มีมูลค่ากว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.8 แสนบาท เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จของเธอเอง ซึ่งเงินที่จัดก็เป็นงบประมาณของ WHO และในเวลาที่มีการจัดงานดังปาร์ตี้ก็ประกฎว่าเป็นช่วงเวลาที่ประเทศซีเรียต้องดิ้นรนเพื่อที่จะได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19
-ในรายงานซึ่งปรากฏเป็นข่าวบนสำนักข่าวเอพีระบุว่าในช่วงเดือน ธ.ค. 2563 ซึ่งมีการระบาดใหญ่แล้ว พญ.แมคทีโมวาได้เคยมอบหมายให้บุคลากรของ WHO กว่า 100 รายในประเทศเรียนรู้การเต้นแฟลชม็อบ โดยมีการขอให้เจ้าหน้าที่บันทึกการเต้นในงานเลี้ยงสำหรับบุคลากรสหประชาชาติด้วย
-มีรายงานจากบุคลากรของ WHO จำนวนหกรายระบุว่า พญ.แมคทีโมวาได้มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองอาวุโสในระบอบการปกครองเผด็จการของประเทศซีเรีย และเธอยังเคยไปพบกับบุคลากรจากกองทัพรัสเซียอย่างลับๆด้วยเช่นกัน ซึ่งการกระทำดังกล่าวนั้นอาจเข้าข่ายละเมิดความเป็นกลางของ WHO ทั้งนี้บุคลากรที่ให้ข้อมูลทั้งหกคนนั้นปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเพราะกลัวว่าจะมีมาตรการลงโทษบางอย่างตามมา ซึ่งขณะนี้มีบุคลากรจำนวนสามรายได้ลาออกจาก WHO แล้ว
ทั้งนี้ในเอกสารการร้องเรียนฉบับหนึ่งนั้นซึ่งส่งตรงไปถึงนายเทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้แทน WHOเมื่อช่วงต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ WHO ได้อ้างว่า พญ.แมคทีโมวาได้มีการว่าจ้างเครือญาติที่ไร้ความสามารถของเจ้าหน้าที่รัฐบาลซีเรียรวมทั้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมละเมิดสิทธิมนุษยชนนับครั้งไม่ถ้วน
โดยการกระทำดังกล่าวนั้นทางเจ้าหน้าที่ WHO ผู้ทำการร้องเรียนได้กล่าวว่าอาจจะนำไปสู่ผลกระทบในแง่ลบต่อปฏิบัติการณ์ของ WHO ในการสนับสนุนชาวซีเรีย ทำให้ชาวซีเรียเจอกับความสูญเสียจากการเล่นพรรคเล่นพวกมากขึ้น รวมไปถึงอาจจะเป็นการทำให้ WHO สูญเสียทั้งความไว้ใจและผู้บริจาคก็เป็นได้
อย่างไรก็ตามนายเทดรอสไม่ได้ตอบสนองต่อคำร้องแต่อย่างใด โดยในช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ผู้อำนวยการในระดับภูมิภาคของ WHO ในทะเลเมดิเตอร์ริเนียนภาคตะวันออกได้มีการแต่งตั้งผู้แทนรักษาการเพื่อเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทนที่ พญ.แมคทีโมวา เนื่องจากว่าเธอได้ตัดสินใจลางาน แต่ว่าเธอก็ยังคงถูกระบุชื่อจากฐานข้อมูลว่าเป็นเธอผู้รับผิดชอบในประเทศซีเรีย และยังคงรับเงินเดือนในระดับผู้อำนวยการต่อไป
สำหรับประวัติของ พญ.แมคทีโมวานั้นพบว่าเธอเป็นชาวเติร์กเมนิสถาน และเคยดำรงตำแหน่งในหลายหน้าที่ รวมไปถึงผู้แทนของ WHO ในประเทศโอมาน,เป็นผู้ประสานงานฉุกเฉินในประเทศเยเมน และเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทน WHO ประเทศซีเรียในเดือน พ.ค. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่โควิดได้เริ่มระบาด
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ WHO ในประเทศซีเรียจำนวนหลายคนได้กล่าวว่า พญ.แมคทีโมวานั้นล้มเหลวในการทำความเข้าใจกับความรุนแรงของโรคระบาด และทำให้ประชาชนจำนวนนับล้านต้องตกอยู่ในอันตราย
เจ้าหน้าที่ WHO คนหนึ่งกล่าวว่าในช่วงการระบาดของโควิด-19 สถานการณ์ในซีเรียนั้นย่ำแย่มาก อย่างไรก็ตาม WHO ไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออย่างเพียงพอแก่ชาวซีเรีย อาทิ ในเรื่องของเวชภัณฑ์เป็นต้น ซึ่งความช่วยเหลือส่วนมากนั้นจะมุ่งเน้นไปที่กรุงดามัสกัส ไม่ครอบคลุมไปยังพื้นที่อื่นๆในซีเรีย ที่ยังคงมีปัญหาการขาดแคลนยาและอุปกรณ์ต่างอย่างฉับพลันในช่วงของการระบาด
ทั้งนี้เป็นเวลานานนับสิบปีที่ระบบสาธารณสุขของประเทศซีเรียได้รับความเสียหายจากสงคราม ผู้คนกว่า 7 ล้านคนต้องพลัดพรากจากถิ่นฐานเดิม สงครามนั้นทำให้ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากต่างประเทศแทบจะทั้งหมด อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของ WHO เฉพาะในพื้นที่ที่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลกรุงดามัสกัสควบคุมการช่วยเหลือของ WHO ในประเทศเอาไว้ ซึ่งรัฐบาลที่ว่านี้ก็ถูกคว่ำบาตรจากทั้งทางสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป
พอมาถึงการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ WHO จำนวนอย่างน้อยห้ารายที่ส่งไปยังผู้สอบสวนระบุว่า พญ.แมคทีโมวานั้นละเมิดแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการป้องกันไวรัสโควิด-19 ของ WHO อาทิ การไม่สนับสนุนการทำงานทางไกล การให้มาที่สำนักงานแม้จะเพิ่งหายจากการติดโควิด-19 และการจัดประชุมโดยไม่มีการสวมใส่หน้ากากป้องกันแต่อย่างใด โดยเจ้าหน้าที่ของ WHO จำนวนสี่รายกล่าวว่า พญ.แมคทีโมวานั้นเป็นผู้ที่แพร่เชื้อโควิดให้กับคนอื่น
สำหรับกรณีการเต้นแฟลชแดนซ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวนั้นพบว่ามีอยู่ด้วยกันสองครั้งด้วยกัน โดยครั้งแรก พญ.แมคทีโมวาไดออกคำแนะนำให้เต้นในช่วงเดือน ธ.ค. 2563 และอีกครั้งก็เป็นช่วงเดือน ต.ค. 2564 ในช่วงวันสหประชาชาติ ซึ่งได้มีการบันทึกภาพและวิดีโอเอาไว้ โดยในวิดีโอนั้นไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคมแต่อย่างใด ซึ่งทาง พญ.แมคทีโมวาก็ได้ออกมากล่าวถึงการเต้นดังกล่าวว่าเป็นการสื่อสารไปยังผู้ชมว่าอย่าหมดกำลังใจ เป็นการย้ำเตือนว่าบุคลากร WHO มีหน้าที่สำคัญต้องทำ เป็นการคิดนอกกรอบ ว่าบุคลากรของ WHO นั้นกล้าที่จะเฉิดฉาย
เจ้าหน้าที่ WHO ซีเรียแข่งเต้นแฟลชม็อบ (อ้างอิงวิดีโอจาก WHO ซีเรีย ลงวันที่ 7 ม.ค. 2564)
ส่วนกรณีปัญหาเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณของ WHO นั้นมีที่มาจากเอกสารภายใน อีเมล และข้อความต่างๆ ซึ่งเงินของ WHO ที่ว่ามานี้นั้นควรจะถูกนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือชาวซีเรียจำนวนกว่า 12 ล้านคนที่ต้องการความช่วยเหลือด้านสาธารณสุขอย่างยิ่งยวด แต่ พญ.แมคทีโมวากลับนำเงินนี้ไปใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตามคำกล่าวอ้างของเจ้าหน้าที่ WHO รายหนึ่ง
โดยเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา พญ.แมคทีโมวาได้มีการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์เนื่องในโอกาสที่เธอได้รับรางวัลความเป็นผู้นำจากมหาวิทยาลัยทัฟส์ (Tuffts) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เธอเคยศึกษา ตั้งอยู่ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา โดยงานเลี้ยงที่ว่านี้จัดที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น ในกรุงดามัสกัส มีแขกเข้าร่วมประมาณ 50 คน และแน่นอนว่าในช่วงเวลาดังกล่าวมีชาวซีเรียจำนวนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโควิดเพียงแค่โดสเดียวเท่านั้น
ส่วนในใบแจ้งหนี้ของโรงแรมแสดงเมนูอาหารของงานเลี้ยงดังกล่าว ระบุว่ามีทั้ง สะเต๊ะเนื้อสไตล์สิงคโปร์ ชีสแพะทอดกับโครเกต์น้ำมันเห็ดทรัฟเฟิล และไก่หั่นศรีราชา ควบคู่ไปกับม็อกเทลตามฤดูกาลที่ได้รับการคัดสรร โดยมีรายงานว่ามีบริษัทแห่งหนึ่งได้รับมอบหมายให้ถ่ายทำงานเลี้ยงนี้และจัดทำวิโอโปรโมต อ้างอิงข้อมูลเอกสารภายในของ WHO
มีข้อสังเกตด้วยว่างานเลี้ยงนี้นั้นมีผู้เข้าร่วมคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของซีเรีย มีการแสดงงานดนตรีกว่าสองชั่วโมง โดยในเอกสาร WHO ระบุว่างานเลี้ยงนี้จัดขึ้นเพื่อฉลองต่อกรณีที่ WHO ได้กำหนดให้ปี 2564 ที่ผ่านมาเป็นปีแห่งสุขภาพและการดูแลเหล่าผู้ปฏิบัติงานทางด้านสาธารณสุข แต่อย่างไรก็ตามเนื้อหาของงานเลี้ยงส่วนมากมุ่งเน้นไปที่ พญ.แมคทีโมวามากกว่าที่จะเป็นบุคลากรทางสาธารณสุข โดยมีค่าใช้จ่ายในงานเลี้ยงอยู่ที่ 11,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (418,374 บาท)
ร้านอาหารในโรงแรมโฟร์ ซีซั่น กรุงดามัสกัส (อ้างอิงวิดีโอจาก Rneem Jber)
ทั้งนี้แม้ว่าบุคลากรของสหประชาชาติที่มาจากต่างประเทศมักเลือกเข้าพักที่โรงแรมโฟร์ซีซั่น แต่สิ่งที่ทำให้ พญ.แมคโทโมวาแตกต่างจากคนอื่นก็คือว่า เธอเลือกที่จะพักในห้องสวีทขนาดใหญ่ มีห้องน้ำจำนวนสองห้อง สามารถเห็นวิวได้ทั่วกรุงดามัสกัส
โดยเอกสารของสหประชาชาตินั้นระบุว่า พญ.แมคโทโมวาเข้าพักในห้องสวีทตั้งแต่เดือน ต.ค.2563 ถึงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ด้วยราคาค่าห้องต่อคืนหักลบด้วยส่วนลดไปแล้ว อยู่ที่คืนละ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ (17,115 บาท) ขณะที่พนักงานโรงแรมระบุว่าค่าห้องสวีทดังกล่าวนั้นมีราคาปกติอยู่ที่คืนละ 940 ดอลลาร์สหรัฐฯ (35,751 บาท)
ยิ่งไปกว่านนั้นยังพบว่าโรงแรมแห่งนี้ถูกคว่ำบาตรจากทางสหรัฐฯและสหราชอาณาจักร เพราะว่าเจ้าของโรงแรมนั้นมีบทบาทในการสนับสนุนระบอบเผด็จการของนายบาชาร์ อัล-อัสซาด อย่างไรก็ตามกลับปรากฏข้อมูลว่าสหประชาชาติได้ใช้งบประมาณกว่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (2,662.38 ล้านบาท) ไปกับการอุดหนุนโรงแรมนี้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
เจ้าหน้าที่ WHO รายอื่นๆยังได้แสดงความกังวลที่ชัดเจนว่าหน่วยงานนั้นไม่สามารถจะติดตามการใช้จ่ายสิ่งอำนวยสะดวกด้านสุขภาพในประเทศซีเรียได้เลย โดยเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้มีการรายงานเกี่ยวกับความกังวลในการทำโครงการเกี่ยวกับสาธารณสุขทางตอนเหนือของประเทศซีเรีย ซึ่งในรายงานอ้างถึงสิ่งที่ WHO ได้จ่ายเงินไป กับสิ่งที่พบเจอในข้อเท็จจริง
ปัญหาที่ว่าก็มีอาทิ ปริมาณยาไม่ตรงกับใบแจ้งหนี้,เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับการฝึกอบรมทางการแพทย์,มีสิ่งของบางอย่างที่หายไปจากรายการ อาทิ รถเข็น,ไม้ค้ำยัน และอุปกรณ์ช่วยฟัง เป็นต้น และอาคารสถานที่ที่มีการระบุว่าให้เช่าเพื่อเก็บอุปกรณ์ทางการแพทย์ ก็ปรากฏว่าภายในอาคารนั้นว่างเปล่า
ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าว นพ.อาเหม็ด อัล-มันดารี (Ahmed Al-Mandari) ผู้แทนของในภูมิภาคทะเลเมดิเตอร์ริเนียนตะวันออกก็ได้ตำหนิ พญ.แมคทีโมวาเช่นกันเกี่ยวกับปัญหาที่สำนักงาน WHO ที่ซีเรียไม่รับผิดชอบต่อค่าใช้จ่าย
โดยในอีเมลฉบับหนึ่ง นพ.มันดารีได้กล่าวกับเธอว่ามีปัญหาด้านการตรวจสอบและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ไม่ได้รับการแก้ไขมากมาย อันเนื่องมาจากว่า พญ.แมคทีโมวาไม่ได้ทำรายงานเกี่ยวกับรายละเอียดการใช้จ่ายในซีเรียเป็นจำนวนหลายฉบับ และได้เรียกร้องให้เธอทำรายงานที่ว่านี้อย่างเร่งด่วนเพราะถ้าหากไม่มีรายงาน ผู้บริจาคของ WHO ก็แทบจะไม่เห็นหลักฐานอันพึงเชื่อได้เลยว่าการใช้จ่ายในซีเรียของ WHO นั้นเป็นไปตามเป้าประสงค์ที่ผู้บริจาคต้องการ
มีรายงานด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ WHO อีกจำนวนอย่างน้อยสามคนที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อได้ให้ข้อมูลกับผู้สืบสวนว่า พญ.แมคทีโมวานั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับสัญญาที่น่าสงสัยจำนวนหลายฉบับ รวมไปถึงข้อตกลงด้านการขนส่ง ซึ่งสุดท้ายซัพพลายเออร์ที่เธอได้มีความสัมพันธ์ด้วย ก็เป็นผู้ที่รับสัญญาคิดเป็นมูลค่ากว่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
มีรายงานด้วยว่ามีเจ้าหน้าที่ WHO ผู้ใกล้ชิดกับ พญ.แมคทีโมวาอีกรายหนึ่งนั้นได้เงินไปกว่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (760,680 บาท) เพื่อนำเงินดังกล่าวไปซื้อยา ทั้งๆที่ไม่มีคำร้องขอมาจากรัฐบาลซีเรีย ซึ่งตามหลักการแล้วจะต้องมีการร้องขอมาจากทางรัฐบาลท้องถิ่นก่อน ทำสำนักงาน WHO จึงสามารถดำเนินการจัดซื้อได้
นอกจากนี้ยังมีบุคลากรของ WHO จำนวนอย่างน้อยห้ารายได้ออกมาบอกว่า พญ.แมคทีโมวานั้นใช้เงินของ WHO เพื่อนำไปซื้อของขวัญให้กับบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งรวมไปถึงแล็ปท็อป,เหรียญทอง และรถยนต์ราคาแพง แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลดังกล่าวนั้นทางสำนักข่าวเอพีระบุว่าต้องมีการยืนยันเพิ่มเติม และก็มีบุคลากรของ WHO อีกส่วนหนึ่งระบุว่าพวกเขาถูกกดดันให้ต้องมีการทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลซีเรีย อาทิ สัญญาการจัดหาเชื้อเพลิง,เสบียงขั้นพื้นฐานที่มีราคาสูงเกินจริง ซึ่งพวกเขาจะถูกกีดกันออกจากบทบาทหน้าที่ต่างๆ ถ้าหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่ว่ามานี้ได้
ทั้งนี้ที่ผ่านมา WHO ก็เคยเจอกับปัญหาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการที่ผู้อำนวยการสำนักงานของ WHO ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอยู่บ่อยครั้งในหลายประเทศ
อาทิ เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพีรายงานข่าวว่ามีผู้บริหารระดังสูงของ WHO มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศในช่วงเวลาที่มีการระบาดของไวรัสอีโบลาในประเทศคองโกในช่วงปี 2561-2563 โดยในกรณีนี้คณะกรรมการสอบสวนพบว่ามีบุคลากรที่ทำงานในนามของ WHO จำนวนกว่า 80 รายมีพฤติกรรมแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากผู้หญิง
รวมไปถึงกรณีที่เมื่อเดือน ม.ค.ผ่านมา มีการกล่าวหาว่า นพ.ทาเคชิ คาไซ ผู้แทน WHOในระดับภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกได้ใช้ภาษีที่มีลักษณะเหยียดเชื้อชาติและมีการแชร์ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ไปให้กับทางประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เมื่อเดือน ส.ค. ทาง WHO ได้ดำเนินการถอดถอน นพ.คาไซออกจากตำแหน่งหลังจากที่มีการสอบสวนภายในเกี่ยวกับข้อกล่าวหาแล้ว
โดยจากกรณีทั้งหมดที่ว่านี้นั้นทางด้านนายฮาเวียร์ กุซแมน ผู้อำนวยการด้านสุขภาพในระดับโลก ณ ศูนย์ Center for Global Development กรุงวอชิงตันดีซี ได้กล่าวว่าข้อหาเกี่ยวกับ พญ.แมคทีโมวานั้นเป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่ง และปัญหาเกี่ยวกับ WHO ทั้งหมดที่ว่ามานี้ถือว่าเป็นปัญหาในเชิงระบบอย่างชัดเจน เพราะว่าเรื่องนี้นั้นไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในสำนักงานแห่งใดแห่งหนึ่งของ WHO แต่กลับเกิดขึ้นในหลายภูมิภาค
นายกุซแมนกล่าวด้วยว่าเขาเรียกร้องไปยัง WHO ให้ดำเนินการเปิดเผยข้อมูลการสอบสวน พญ.แมคทีโมวาและการสอบสวนการประพฤติมิชอบของสำนักงาน WHO ประเทศซีเรียให้สาธารณชนได้รับทราบ
ขณะที่ทาง WHO กล่าวว่าข้อมูลการสอบสวนนั้นโดยมากแล้วจะไม่ใช่เอกสารทางสาธารณะที่สามารถเปิดเผยได้ แต่อย่างไรก็ตามข้อมูลเอกสารที่ไม่ได้มีการระบุชื่อจะมีการส่งไปให้กับบอร์ดบริหารของ WHO และจะมีการเปิดเผยข้อมูลนี้ต่อสาธารณะ