"...นายมานพ ศรีผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีอำนาจอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินดังกล่าว เพื่อนำเงินอุดหนุนดังกล่าวไปเพื่อประโยชน์แก่ทีมสโมสรฟุตบอลปากน้ำโพ เอ็นเอสอาร์ยูเอฟซี เป็นทีมฟุตบอลอาชีพ ที่ดำเนินการในเชิงธุรกิจของเอกชน มีผลประโยชน์ มีรายได้เป็นของตนเอง โดยมี นายมานพ ศรีผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นประธานสโมสร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จำนวน 19,500,000 บาท..."
กรณี นายมานพ ศรีผึ้ง อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครสวรรค์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ส.ส.นครสวรรค์ เขต 4 พรรคภูมิใจ พร้อมพวก 1 ราย ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดคดีอาญานั้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิดทางอาญา นายมานพ ศรีผึ้ง และนายจิรศักดิ์ ส่งศิริ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครสวรรค์ ในคดีการขอรับเงินอุดหนุนจาก อบจ. ตามโครงการเตรียมตัวนักกีฬาและเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชายสู่มาตรฐานกีฬาระดับสูง ประจำปี 2555 เป็นจำนวนเงิน 9,500,000 บาท และโครงการส่งเสริมพัฒนาฟุตบอลชายสู่มาตรฐานกีฬาระดับสูง ประจำปี 2556 จำนวนเงิน 10,000,000 บาท ซึ่งเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้รัฐเสียหายเป็นเงินรวมกว่า 19,500,000 บาท นั้น
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ได้รับการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิด ของ นายมานพ ศรีผึ้ง และ นายจิรศักดิ์ ส่งศิริ เป็นทางการ
มีรายละเอียดสำคัญดังต่อไปนี้
ในสำนวนการไต่สวน ป.ป.ช. ระบุว่า นายมานพ ศรีผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 และ นายจิรศักดิ์ ส่งศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ และกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ กรณีการขอรับเงินอุดหนุนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครสวรรค์ ตามโครงการเตรียมตัวนักกีฬาและเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชายสู่มาตรฐานกีฬาระดับสูง ประจำปี 2555 เป็นจำนวนเงิน 9,500,000 บาท และโครงการส่งเสริมพัฒนาฟุตบอลชายสู่มาตรฐานกีฬาระดับสูง ประจำปี 2556 จำนวนเงิน 10,000,000 บาท
นายจิรศักดิ์ ส่งศิริ ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการประสานแผนการดำเนินงานในโครงการต่างๆ เพื่อเสนอของบประมาณท้องถิ่นและภาคเอกชน ในการส่งเสริมและพัฒนากีฬาไปสู่กีฬาเพื่อความเป็นเลิศ และดำเนินการจ่ายเงินงบประมาณและเงินอุดหนุนโครงการในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ได้ใช้อำนาจในตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทยจังหวัดนครสวรรค์กระทำการร่วมกันกับนายมานพ ศรีผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 ซึ่งดำรงตำแหน่งนายก อบจ.นครสวรรค์ ซึ่งมีอำนาจอนุมัติเบิกจ่ายเงินตามโครงการดังกล่าว ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยวางแผนร่วมกันให้ผู้ถูกกล่าวหาที่ 2 ทำหน้าที่เสนอโครงการขอเงินอุดหนุนจาก อบจ.นครสวรรค์
ซึ่งนายมานพ ศรีผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 มีอำนาจอนุมัติให้เบิกจ่ายเงินดังกล่าว เพื่อนำเงินอุดหนุนดังกล่าวไปเพื่อประโยชน์แก่ทีมสโมสรฟุตบอลปากน้ำโพ เอ็นเอสอาร์ยูเอฟซี ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลอาชีพ ที่ดำเนินการในเชิงธุรกิจของเอกชน มีผลประโยชน์ มีรายได้เป็นของตนเอง โดยมี นายมานพ ศรีผึ้ง ผู้ถูกกล่าวหาที่ 1 เป็นประธานสโมสร เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ จำนวน 19,500,000 บาท
โดยการกระทำดังกล่าว เข้าฐานความผิด ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามประมวลกฎหมาย อาญามาตรา 151, 152 และกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ มาตรา 8 และ 9
เหตุเกิดระหว่างวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2555 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2555 และระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน 2555 ถึงวันที่ 10 เมษายน 2556 ในท้องที่อำเกอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาสำนวนการไต่สวนคดีนี้แล้ว มีมติเป็นเอกฉันท์ดังนี้
1. นายมานพ ศรีผึ้ง มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล หรือเจ้าของทรัพย์นั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 มาตรา 152 และมาตรา 157 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เห็นควรส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อไป ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91(1)
นอกจากนี้ ยังมีมูลความผิดกรณีพ้นจากตำแหน่ง ฐานเป็นนายกอบจ. กระทำการเป็นผู้มีส่วนได้เสียไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดนั้นเป็นคู่สัญญาหรือในกิจการที่กระทำให้แก่อบจ.นั้นหรือที่อบจ.นั้นจะกระทำ และฐานเป็นนายกอบจ.ละเลยไม่ปฏิบัติการตามอำนาจหน้าที่หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยอำนาจหน้าที่หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน ตามพระราชบัญญัติองค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 44/3 (3) และมาตรา 79 แต่เนื่องจากนายมานพ ศรีผึ้ง พ้นจากตำแหน่งนายก อบจ.นครสวรรค์แล้ว จึงไม่มีเหตุที่จะต้องส่งสำนวนการไต่สวนไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจอีก โดยเห็นควรแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งทราบ
2. นายจิรศักดิ์ ส่งศิริ มีมูลความผิดทางอาญาฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้ อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์การ บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือหน่วยงานที่เรียกชื่ออย่างอื่น ฐานเป็นพนักงาน มีหน้าที่จัดการ หรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นเนื่องด้วยกิจการนั้น เป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรีอหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8, 9 และ 11 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เห็นควรส่งรายงาน สำนวนการ ไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อไป ตามฐานความผิดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 91 (1)
พร้อมมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง ฐานเป็นพนักงานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่ของตนไม่ว่าจะโดยทางตรงหรือทางอ้อมหาประโยชน์ให้แก่ตนเองโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้เป็นการทุจริตต่อหน้าที่และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ฐานเป็นพนักงานกระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาผลประโยชน์อันอาจทำให้เสียความเที่ยงธรรมหรือเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ของตน ฐานเป็นพนักงานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ตามข้อบังคับองค์การส่งเสริมการกีฬาแห่งประเทศไทย ว่าด้วยระเบียบพนักงาน พ.ศ. 2521 ข้อ 17(2) (8) และ (9) เห็นควรส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน และคำวินิจฉัยไปยังผู้บังคับบัญชาหรือผู้มีอำนาจแต่งตั้งถอดถอนเพื่อให้ดำเนินการทางวินัย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 91 (2)
นอกจากนี้ เห็นควรแจ้งกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการติดตามเรียกเงินคืนจากผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองรายหรือผู้ที่เกี่ยวข้องคืนคลังอบจ.นครสวรรค์ ด้วย
อย่างไรก็ดีการชี้มูลความผิดทางคดีอาญาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ยังไม่ถือเป็นที่สุด ผู้ถูกกล่าวหายังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่จนกว่าจะมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดจากศาล
@ มานพ ศรีผึ้ง
ขณะที่ นายมานพ ศรีผึ้ง ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์สำนักข่าวอิศราว่า ยังไม่ทราบข่าวมติที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ ชี้มูลความผิดทางอาญา ตนและ นายจิรศักดิ์ ส่งศิริ ในคดีนี้ คงต้องขอตรวจสอบก่อน
นายมานพ กล่าวด้วยว่า อย่างไรก็ดี เกี่ยวกับคดีนี้ ป.ป.ช. เคยเรียกให้ตนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว และตนก็เพิ่งทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาส่งให้ ป.ป.ช. ภาค 6 ไปเมื่อเดือนที่แล้ว ไม่คิดว่า ป.ป.ช. จะพิจารณาสรุปผลคดีเร็วขนาดนี้
เมื่อถามว่า การถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางอาญาในคดีนี้ จะมีผลกระทบต่อสถานะการดำรงตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ นายมานพ กล่าวว่า "ถ้าป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องให้อัยการฟ้องร้องคดี ถ้าศาลรับฟ้อง ก็คงจะมีผลกระทบ ต่อตำแหน่ง ส.ส.แน่ ซึ่งเรื่องนี้ก็คงจะต้องมีการปรึกษาหารือกับทางพรรคอีกครั้ง"
ผลการต่อสู้คดีในชั้นศาลจะออกมาเป็นอย่างไร ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป