"...แหล่งข่าวจาก สตง.ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า มทร.ศรีวิชัย ไม่ใช่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวที่ถูกตรวจสอบพบปัญหาเรื่อง ยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน และต้องมีการถูกเรียกเงินคืนกลับมา..."
"สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) พิจารณาแล้ว ยังคงยืนยันความเห็นเดิมให้มหาวิทยาลัยคืนเงินทั้งสองส่วน เนื่องจากเป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามระเบียบ ซึ่งปัจจุบันทางมหาวิทยาลัย อยู่ดำเนินการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะอยู่"
คือ ข้อมูลล่าสุดที่สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) นำมาเสนอให้สาธารณชนรับทราบไปแล้ว
ต่อกรณีสตง.ตรวจสอบพบปัญหาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพนักงานมหาวิทยาลัย ในปีงบประมาณ 2562 ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐแห่งหนึ่งไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการจ่ายค่าตอบแทนรายเดือน ค่าประจำตำแหน่งทางวิชาการ พร้อมแจ้งให้มีการเรียกเงินคืนจำนวนหลายล้านบาท
ก่อนที่ สำนักข่าวอิศรา จะได้รับการยืนยันข้อมูลเป็นทางการในภายหลังว่า มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ ที่ถูก สตง.ตรวจสอบพบปัญหาการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพนักงานมหาวิทยาลัยดังกล่าว คือ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ถูกตรวจสอบโดย สตง.จังหวัดสงขลา
ต่อไปนี้ เป็นรายละเอียดฉบับเต็มในรายงานผลการตรวจสอบของ สตง. กรณีนี้
รายงานผลการตรวจสอบ สตง. ระบุว่า จากการตรวจสอบการปฏิบัติตามกฎหมาย เรื่อง การตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินงบประมาณงบเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพนักงานมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 พบข้อสังเกตที่สำคัญ ดังนี้
ข้อตรวจพบที่ 1 มีเงินอุดหนุนทั่วไป (รายการบุคลากรภาครัฐ) เหลือจ่ายอยู่ในบัญชีเงินรับฝากเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายพนักงานมหาวิทยาลัยยังไม่ได้ส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
จากการตรวจสอบบัญชีเงินฝากธนาคาร พบว่า มีเงินคงเหลือจำนวนเงิน 8.04 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินอุดหนุนเหลือจ่ายของปี พ.ศ.2554 จำนวนเงิน 3.68 ล้านบาท พ.ศ.2555 จำนวนเงิน 3.55 ล้านบาท พ.ศ.2559 จำนวนเงิน 180.00 บาท และ พ.ศ. 2562 จำนวนเงิน 0.80 ล้านบาท
แต่มหาวิทยาลัยยังไม่ได้ส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
ข้อตรวจพบที่ 2 การเบิกจ่ายเงินปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ที่ได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณจากสำนักงบประมาณ งบเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไป รายการค่าใช้จ่ายบุคลากรไม่ถูกต้อง
2.1 การเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนรายเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัยที่มีตำแหน่งทางวิชาการไม่ถูกต้องจำนวน 73 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 4.76 ล้านบาท
ตามระเบียบมหาวิทยาลัยว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2557 ข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2559 และประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง การเบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการและเงินค่าตอบแทนรายเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัย ที่มีตำแหน่งทางวิชาการค่าตอบแทนรายเดือนดังกล่าว ไม่อยู่ในรายการจำแนกประเภทค่าใช้จ่ายที่ได้รับอนุมัติงบประมาณจากสำนักงบประมาณเป็นการเบิกจ่ายไม่ชอบด้วยระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกเงินจากคลัง การรับเงินการจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน และการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2562 ข้อ 35 ซึ่งเป็นการเบิกจ่ายที่ขัดกับระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการพ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
มหาวิทยาลัยจึงไม่สามารถนำเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปจ่ายเป็นค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยได้ และไม่เป็นไปตามหนังสือซักซ้อมความเข้าใจสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ อว 1227.3/ว 1009 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563 เรื่อง การชักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย ตามแบบซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย ข้อ 5 ความว่า สถาบันอุดมศึกษาไม่สามารถนำเงินงบประมาณที่ได้รับจัดสรรไปจ่ายเป็นค่าตอบแทน นอกเหนือจากเงินเดือนให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยได้เนื่องจากขัดกับระเบียบกระทรวงการคลัง
2.2 เบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษไม่ถูกต้องให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งวิชาการ คุณวุฒิปริญญาเอก จำนวนเงินรวม 3.01 ล้านบาท
เป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบมหาวิทยาลัยว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2557 ข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2559 และประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง เงินเพิ่มพิเศษสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งวิชาการคุณวุฒิปริญญาเอก
2.3 เบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยไม่ถูกต้อง จำนวน 73 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 5.35 ล้านบาท ซึ่งได้รับอนุมัติงบประมาณจำนวน 36 ราย จำนวนเงิน 2.49 ล้านบาท เบิกเกินจำนวน 37 ราย เป็นเงิน 2.86 ล้านบาท
เป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบมหาวิทยาลัยว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุน ทั่วไปสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2559 ข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2559 และประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง การเบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการและเงินค่าตอบแทนรายเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัย ที่มีตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการที่ขอเบิกเกินกว่าอัตราตำแหน่งที่ได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณ
ขณะที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย ชี้แจงว่า
ข้อตรวจพบที่ 1 แจ้งว่าไม่ขอคืนเงินดังกล่าว ตามหนังสือสำนักงานปลัดกระทรวงการอุตมศึกษา วิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีกรณีค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย ที่ อว 1227.3 /ว 1009 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563
ข้อตรวจพบที่ 2 ได้ดำเนินการเบิกจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนพนักงานมหาวิทยาลัย ตั้งแต่ปีงบประมาณพ.ศ. 2552 ตามระเบียบมหาวิทยาลัยว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2559 และที่แก้ไขเพิ่มเติม โดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2554 ได้รับจัดสรรงบประมาณจัดสรรในภาพรวมหมวดเงินอุดหนุน เงินอุดหนุนทั่วไป รายการค่าใช้จ่ายบุคลากร ซึ่งมหาวิทยาลัยสามารถเบิกจ่ายงบประมาณที่เกี่ยวกับพนักงานมหาวิทยาลัยได้ทุกรายการ โดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัย ตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยว่าด้วยการบริหารงานบุคคลสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2559 ระเบียบมหาวิทยาลัยว่าด้วยการใช้จ่ายเงินอุดหนุนประเภทเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2557 และประกาศมหาวิทยาลัย เรื่อง เงินเพิ่มพิเศษสำหรับพนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งวิชาการคุณวุฒิปริญญาเอก ทั้งนี้ ต้องดำเนินการอยู่ภายในวงเงินที่ได้รับจัดสรร
สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่า
ข้อตรวจพบที่ 1 การที่มหาวิทยาลัยไม่นำเงินอุดหนุนทั่วไป ค่าใช้จ่ายบุคลากรที่เหลือจ่ายแต่ละปีงบประมาณและตามรายการที่ได้รับจัดสรรส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน เป็นการไม่ปฏิบัติตามนัยมาตรา 40 แห่งพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ประกอบหนังสือกระทรวงการคลัง ด่วนที่สุด ที่ กค 1409.6/ว 126 ลงวันที่ 7 กันยายน 2548 หนังสือซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย ของสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมที่ อว 0227.3/ว 1009 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563 และเทียบเคียงหนังสือหารือตามนัยกฤษฎีกาตีความเรื่องเสร็จที่ 1541/2561 ประกอบหนังสือสำนักงบประมาณที่ นร 1722/14261 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2562 ตอบข้อหารือ หนังสือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล ที่ อว 0655/947 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2562 เพื่อขออนุมัติเงินเหลือจ่ายงบเงินอุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายบุคลากร ประจำปี พ.ศ. 2561
ข้อตรวจพบที่ 2 รายจ่ายตามข้อ 2.2 เงินเพิ่มพิเศษพนักงานมหาวิทยาลัย และ ข้อ 2.3 เงินประจำตำแหน่งทางวิซาการ จำนวน 37 อัตรา ไม่สามารถเบิกจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 ได้ เนื่องจากไม่อยู่ในรายการจำแนกประเภทรายจ่ายตามที่ได้รับอนุมัติจัดสรรจากสำนักงบประมาณ ไม่เป็นไปตามระเบียบว่าด้วยการบริหารงบประมาณ พ.ศ. 2548 ข้อ 21 (4) ก. ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไปให้ใช้จ่ายตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนดหรือการโอนและหรือเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่าย ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ ว่าด้วยการใช้งบประมาณรายจ่าย การโอนเงินจัดสรรหรือการเปลี่ยนแปลงเงินจัดสรร พ.ศ. 2562 ข้อ 5 (4) ก. ประเภทเงินอุดหนุนทั่วไปให้ใช้จ่ายตามรายการและจำนวนเงินที่กำหนด ซึ่งใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2562 และไม่เป็นไปตามหนังสือสำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ อว 1227.3/ว 1009 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2563 เรื่อง การซักซ้อมความเข้าใจในการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี กรณีค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างพนักงานมหาวิทยาลัย ข้อ 4 กรณีมีผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณให้เมื่อมีคำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ
ดังนั้น เมื่อสถาบันอุดมศึกษามีคำสั่งแต่งตั้งให้บุคคลดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ให้สถาบันอุดมศึกษาเสนอคำขอตั้งงบประมาณ ณ ปีที่มีคำสั่งแต่งตั้งให้บุคคลดำรงตำแหน่งทางวิชาการ หากเป็นกรณีที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการย้อนหลัง ให้สถาบันอุดมศึกษาเสนอคำขอตั้งงบประมาณในปีที่มีคำสั่งแต่งตั้ง ให้ได้รับเงินประจำตำแหน่งและย้อนหลังไปถึงวันที่ได้รับการแต่งตั้งได้ แต่จะไม่สามารถนำเงินเหลือจ่ายดังกล่าวมาเบิกจ่ายย้อนหลังได้
สตง. ได้แจ้งผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะ
ข้อตรวจพบที่ 1
ให้มหาวิทยาลัยนำส่งเงินอุตหนุนเหลือจ่ายคืนคลังเป็นเงินรายได้แผ่นดิน โดยถือปฏิบัติตามระเบียบดัวกล่าวโดยเคร่งครัด พร้อมสำเนาเอกสารหลักฐานการนำส่งให้สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเพื่อประกอบการตรวจสอบ
ข้อตรวจพบที่ 2
1. ตามข้อ 2.1
1.1 ให้มหาวิทยาลัยเรียกเงินคืนค่าตอบแทนรายเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัย ที่มีตำแหน่งทางวิชาการจำนวน 73 ราย เป็นเงินทั้งสิ้น 4.76 ล้านบาท นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน พร้อมสำเนาเอกสารหลักฐานการนำส่งให้สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเพื่อประกอบการตรวจสอบ
1.2 ให้ตรวจสอบเพิ่มเติมการเบิกจ่ายย้อนหลังตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ถึงปีงบประมาณพ.ศ. 2561 ว่ามหาวิทยาลัยมีการเบิกจ่ายค่าตอบแทนรายเดือนของพนักงานมหาวิทยาลัย ที่มีตำแหน่งทางวิชาการทั้งหมดเป็นจำนวนเงินเท่าใด เพื่อเรียกเงินคืนนำส่งคลังเป็นเงินรายได้แผ่นดิน พร้อมสำเนาเอกสารหลักฐานการนำส่งให้สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเพื่อประกอบการตรวจสอบ
2. ตามข้อ 2.2 ให้มหาวิทยาลัยเรียกเงินคืนเงินเพิ่มพิเศษให้แก่พนักงานมหาวิทยาลัยตำแหน่งวิชาการคุณวุฒิปริญญาเอก จำนวนเงินรวม 3.01 ล้านบาท นำส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และตรวจสอบเพิ่มเติมย้อนหลังตั้งแต่มีการเบิกจ่าย พร้อมส่งสำเนาหลักฐานการส่งเงินคืนให้สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเพื่อประกอบการตรวจสอบ
3. ตามข้อ 2.3 ให้มหาวิทยาลัยเรียกเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการจำนวน 37 อัตรา ที่เกินจากที่สำนักงบประมาณอนุมัติจำนวน 36 อัตราจำนวนเงิน 2.86 ล้านบาท และเงินเหลือจ่ายตามที่ได้รับอนุมัติจำนวน 36 อัตรา (ถ้ามี) เพื่อส่งคืนคลังเป็นรายได้แผ่นดิน และสำเนาหลักฐานการนำส่งให้สำนักตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดเพื่อประกอบการตรวจสอบ
สำหรับ ผลการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการปฏิบัติงานของหน่วยงาน สตง.ระบุว่า อยู่ระหว่างดำเนินงานตามข้อเสนอแนะ
อย่างไรก็ดี จากผลการตรวจสอบและการแจ้งข้อเสนอแนะให้หน่วยงานดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องและปรับปรุงการปฏิบัติงานดังกล่าว ส่งผลให้หน่วยงานมีการปรับปรุงแก้ไขการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ในด้านการเบิกจ่ายเงินอุดหนุน การจัดทำแผนการใช้จ่ายงบประมาณ การวินิจฉัยและการพิจารณาอนุมัติการสั่งจ่าย การเบิกจ่ายเงิน และการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ รวมทั้งมีการดำเนินการชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดจากข้อบกพร่องดังกล่าวนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
ขณะที่แหล่งข่าวจาก สตง.ให้ข้อมูลยืนยันสำนักข่าวอิศรา ว่า "มทร.ศรีวิชัย ไม่ใช่มหาวิทยาลัยแห่งเดียวที่ถูกตรวจสอบพบปัญหาเรื่อง ยังมีอีกหลายมหาวิทยาลัยที่มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน และต้องมีการถูกเรียกเงินคืนกลับมา"
กรณีนี้ จึงนับเป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการใช้จ่ายเงินในมหาวิทยาลัยกำกับดูแลของรัฐ ที่ต้องติดตามดูกันต่อไป