ส่วนบริษัทของนายทักษิณเองก็ไม่เคยประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับแผนอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับเกาะนี้ แต่ในช่วง 1 ปีหลังจากที่เขาได้เข้ามาเป็นเจ้าของเกาะ รัฐสภามอนเตเนโกรก็ได้ใช้แผนซึ่งมีวัตถุประสงค์พิเศษในด้านการมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นเมืองให้กับเกาะแห่งนี้ ด้วยการสร้างโรงแรมที่มีจำนวน 500 เตียง และมีท่าเทียบเรืออีกที่จอดได้ 50 ลำ ซึ่งบริษัทที่ดำเนินการก็คือบริษัท โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร
หมายเหตุ:สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้ติดตามข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีในต่างประเทศ หลังจากหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดพบรายงานข่าวที่สำคัญจากสำนักข่าว vijesti ของประเทศมอนเตเนโกรลงวันที่ 28 ก.พ. ในหัวข้อว่าโครงการก่อสร้างของบริษัทของนายทักษิณที่ประเทศมอนเตเนโกรนั้นอาจจะมีส่วนในการรุกที่ ซึ่งผิดกฎหมาย และเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมของเกาะในประเทศมอนเตเนโกร โดยสำนักข่าวอิศราได้นำเอารายงานข่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
มีรายงานข่าวพบข้อมูลว่ามีสิ่งก่อสร้างรกร้างจำนวน 2 หลัง ขนาด 900 ตารางเมตร ถูกตรวจพบในภายหลังว่าที่บางส่วนนั้นอาจจะสร้างขึ้นบนแปลงที่ไม่ใช่ของตัวเอง
โดยสิ่งก่อสร้างรกร้างดังกล่าวนั้นถูกสร้างขึ้นโดยผิดกฎหมาย บนเกาะที่มีชื่อว่าสเวตินิโกลา (เกาะเซนต์นิโคลัส) ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองบุดวา ซึ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงก็พบว่าสิ่งก่อสร้างทั้ง 2 หลังที่มีขนาด 900 ตารางเมตรดังกล่าวนั้นเป็นอาคารที่อยู่บนที่ดินของบริษัทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย แต่อย่างไรก็ตามพบข้อมูลว่ามีบางส่วนของที่ดินนั้นถูกสร้างอยู่บนที่ผู้อื่นนั้นเป็นเจ้าของ
จากข้อมูลบันทึกของของหน่วยงานด้านการบริหารอสังหาริมทรัพย์ พบว่าที่ดินรกร้างทั้ง2 หลังดังกล่าวนั้นเป็นของบริษัทของนายทักษิณที่ชื่อว่า โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร
“ข้อมูลบันทึกการดำรงอยู่ของอาคารนั้นพบว่าอาคารหลังหนึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ โดยเป็นอาคารชั้นเดียวมีพื้นที่ 762 ตารางเมตร และอาคารหลังที่ 2 พบว่าเป็นอาคาร 2 ชั้นมีพื้นที่ 133 ตารางเมตร ซึ่งอาคารทั้ง 2 หลังนั้นไม่ได้มีใบอนุญาตให้ก่อสร้างรุกล้ำไปในที่ของคนอื่นแต่อย่างใด” สำนักข่าว VIjesti ระบุ
เกาะสเวตินิโกลา (เกาะเซนต์นิโคลัส) อ้างอิงวิดีโอจาก HISHAM ABU EL NEIL
ทั้งนี้เมื่อประมาณครึ่งปีก่อน บริษัทโกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร ซึ่งตั้งอยู่ ณ กรุงพอดกอริก้า เมืองหลวงของมอนเตเนโกร ได้มีการขอให้ทางเทศบาลเมืองบุดวาได้ดำเนินการเพื่อให้การทำให้อาคารที่อยู่บนเกาะสเวตินิโกลานั้นมีความถูกต้องตามกฎหมาย
โดยสำนักข่าว Vijesti ได้เข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับการยื่นคำขอที่ส่งไปยังสํานักเลขาธิการเพื่อความเป็นเมืองและการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งรายละเอียดคำขอนั้นพบว่ามีการร้องขอให้สถานประกอบการที่มีพื้นที่ประมาณ 350 ตารางเมตร หรือ 300 ตารางเมตรโดยสิทธินั้นเป็นสถานที่ซึ่งถูกต้องตามกฎหมาย
พอถึงช่วงปี 2550 อาคารรกร้างที่ว่านี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้น และมีการจ่ายภาษีอสังหาริมทรัพย์สำหรับอาคารเหล่านี้ ซึ่งตามข้อมูลเอกสารพบว่าหลังจากนั้นผู้ที่ยื่นคำขอจะต้องมีการส่งข้อมูลการศึกษาทางธรณีวิทยาที่ผ่านการรับของและเอกสารประกอบตามมาด้วย
ทั้งนี้คำขอการก่อสร้างดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในเกือบห้าพันคำขอสำหรับการทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ที่ถูกส่งมายังเทศบาลเมืองบุดวาในช่วงเวลาตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
มีรายงานล่าสุดจากเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินได้ออกมายืนยันข้อมูลว่ามีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการก่อสร้างที่ดินบนเกาะนี้แล้วหลายครั้ง ซึ่งพื้นที่ทั้งเกาะสเวตินิโกลา ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ในโซนตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะที่ถูกซื้อโดยนายทักษิณเท่านั้นที่พบว่ามีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นใหม่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และสิ่งก่อสร้างที่เกิดขึ้นใหม่เหล่านี้ก็พบว่าไม่มีใบอนุญาตด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยมากแล้วสิ่งปลูกสร้างบนเกาะนั้นจะมีบริษัท Public Company for Maritime Property Management (บริษัทมหาชนเพื่อการจัดการทรัพย์สินทางทะเล) เป็นผู้ที่ดำเนินการก่อสร้าง
รายงานข่าวระบุต่อไปด้วยว่านายทักษิณได้พยายามที่จะหาผู้ที่จะมาซื้อต่อในบางส่วนของเกาะ แต่ก็ไม่มีการยืนยันจากทางการแต่อย่างใด
อนึ่งบริษัทของนายทักษิณ ที่ถือว่าเป็นชาวมอนเตเนโกรที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ และมีการประเมินทรัพย์สินของเขาโดยนิตยสารฟอร์บสว่ามีมากกว่าพันล้าน (ไม่ได้ระบุหน่วยเงินตราไว้) ในเดือน เม.ย. 2560 พบว่าได้เคยทำสัญญาซื้อขายกับบริษัทอีกแห่งในกรุงพอดกอริก้า ที่มีชื่อว่า ซาน อินเวสเมนท์ (San Investments) ซึ่งบริษัทนี้มีผู้หนุนหลังก็คือนักธุรกิจชาวเซอร์เบียผู้อื้อฉาวชื่อว่านาย สแตนโก ซูโบติก เคน
โดยนักธุรกิจคนนี้นั้นเป็นเจ้าของที่ดินขนาดรวมกว่า 37,000 ตารางเมตร และที่ดินที่อยู่บนเกาะสเวตินิโกลา ซึ่งพบว่ามีการก่อสร้างอาคารบนชั้นหินเป็นจำนวนหลายแห่งนั้น นั้นก็เป็นการก่อสร้างที่ไม่ได้มีใบอนุญาตด้วยเช่นกัน ซึ่งนายทักษิณก็ได้เงินจำนวนกว่า 24 ล้านยูโร (885,133,310 บาท) เพื่อซื้อส่วนหนึ่งของเกาะที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศมอนเตเนโกรแห่งนี้
ทั้งนี้อาคารรกร้างว่างเปล่าที่อยู่บนเกาะนั้นพบว่าถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าของคนก่อนหน้าที่เป็นนักธุรกิจจากกรุงเบลเกรด ชื่อว่านายเนนาด ยอร์ดเยวิช ซึ่งนายยอร์ดเยวิชนั้นได้ขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับนายซูโบติกไปในช่วงปี 2550
โดยที่ไปที่มาของการที่นายยอร์ดเยวิช ขายเกาะให้กับนายซูโบติกนั้นมาจากในช่วงเวลาที่นายยอร์ดเยวิชได้รับเกาะแห่งนี้ในช่วงปี 2545 เขามีแผนการที่จะก่อสร้างเขตอนุรักษ์ควบคู่ไปกับรีสอร์ทท่องเที่ยวสุดหรู
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2550 ทางด้านของฝ่ายมอนเตเนโกรนำโดยพรรคประชาธิปัตย์แห่งสังคมนิยมมอนเตเนโกรหรือ DPS ได้แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแผนการของนายยอร์ดเยวิชที่มีกับเกาะนี้ นายยอร์ดเยวิชจึงได้ขายเกาะให้กับบริษัทนายซูโบติกไปด้วยราคา 20 ล้านยูโร (737,253,338 บาท) แต่ปรากฏว่าเงินที่นายซูโบติกได้ใช้ซื้อเกาะนั้นก็เป็นเงินกู้จากนายอาโค ดูคาโนวิช ซึ่งเขาเป็นเจ้าของธนาคารที่ชื่อว่า First bank of Montenegro หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Prva banka และนายอาโค ดูคาโนวิชนั้นยังเป็นน้องชายของนายไมโล ดูคาโนวิช หัวหน้าพรรค DPS คนปัจจุบัน
และหลังจากที่นายซูโบติกได้เกาะแห่งนี้ ซึ่งถูกเปรียบได้ว่าเทียบเท่ากับฮาวายแห่งมอนเตเนโกร นายซูโบติกก็ได้แสดงความตั้งใจชัดเจนว่าจะสร้างทางเดินจากส่วนที่เป็นเมืองเก่าบนเกาะ ซึ่งจะมีทั้งโรงแรม,วิลล่า และท่าจอดเรือ 2 แห่ง ตามแนวกำแพงเมืองเก่า อย่างไรก็ตามเรื่องจากปัญหาเรื่องการไม่ชำระคืนเงินกู้นั้นทำให้ทางธนาคาร Prva banka ได้พยายามที่จะขายพื้นที่ส่วนนั้นของเกาะถึงสองครั้งด้วยกัน แต่ก็ล้มเหลว ทำให้ภาระถูกพันของสถานที่กลับไปอยู่กับบริษัทของนายซูโบติก
บริษัทของนายซูโบติกจึงได้ติดสินใจที่จะขายอสังหาริมทรัพย์ให้กับบริษัทของนายทักษิณ โดยไม่นานหลังจากการซื้อเกาะ ธนาคารของนายดูคาโควิชก็ได้ถอดสถานะการจำนองของเกาะออกไป
โดยนายทักษิณนั้นได้รับสัญชาติมอนเตเนโกรด้วยขั้นตอนที่สั้นลงเป็นอย่างยิ่ง ในช่วงประมาณปี 2552 แม้ว่านายทักษิณจะถูกพิพากษาคดีที่ประเทศไทยในข้อหาว่าทุจริตในช่วงเวลาดังกล่าวก็ตาม ซึ่งเขานั้นได้เป็นแขกประจำที่เมืองสเวติ สเตฟานได้นานหลายปีแล้ว
ทั้งนี้หลังจากที่นายทักษิณต้องหลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในปี 2549 นายทักษิณก็ได้หนีออกจากประเทศไทยเพื่อหลบเลี่ยงโทษจำคุกในข้อหาทุจริต และได้ใช้ชีวิตอยู่ในต่างประเทศหลังจากนั้น และเมื่อมาถึงยังประเทศมอนเตเนโกร ก็มีรายงานจากสื่อว่าเขามีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกันนายไมโล ดูคาโนวิช
นายไมโล ดูคาโนวิช อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานาธิบดีมอนเตเนโกร
ส่วนบริษัทของนายทักษิณเองก็ไม่เคยประกาศต่อสาธารณะเกี่ยวกับแผนอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับเกาะนี้ แต่ในช่วง 1 ปีหลังจากที่เขาได้เข้ามาเป็นเจ้าของเกาะ รัฐสภามอนเตเนโกรก็ได้ใช้แผนซึ่งมีวัตถุประสงค์พิเศษในด้านการมุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นเมืองให้กับเกาะแห่งนี้ ด้วยการสร้างโรงแรมที่มีจำนวน 500 เตียง และมีท่าเทียบเรืออีกที่จอดได้ 50 ลำ ซึ่งบริษัทที่ดำเนินการก็คือบริษัท โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร
บริษัท โกลบอล ทีเอส มอนเตเนโกร ระบุว่าจดทะเบียนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2558 มีนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้บริหารบริษัท
@ทางเมืองบุดวายังคงต้องการให้เกาะแห่งนี้ได้รับการปกป้อง
ในขณะที่นายทักษิณนั้นถูกกล่าวหาว่าได้พยายามที่จะขายอสังหาริมทรัพย์ที่หรูหราเหล่านี้ ทางด้านของสํานักเลขาธิการคุ้มครองทรัพย์สินของเทศบาลเมืองบุดวาก็ได้มีการส่งจดหมายด่วนพิเศษไปถึงกระทรวงนิเวศวิทยาการวางแผนเชิงพื้นที่และความเป็นเมือง ในช่วงเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ปกป้องเกาะเซนต์นิโคลัสเอาไว้เพื่อให้ได้สถานะของทรัพย์สินธรรมชาติที่ได้รับการคุ้มครอง
สำนักเลขาธิการยังได้เรียกร้องให้มีการปรับปรุงแผนการพิเศษสำหรับพื้นที่ชายฝั่งทะเล และให้ยุติแผนการก่อสร้างที่จะดำเนินต่อไป
โดยจดหมายของสำนักเลขาธิการนั้น ทางด้านของนาย Đorđe Zenović รองเลขานาการพรรคเดโมแครตมอนเตเนโกรได้นำไปส่งถึงนายรัตโก มิโตรวิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงนิเวศวิทยาการวางแผนเชิงพื้นที่และความเป็นเมือง มีรายละเอียดดังนี้
“ผมขอให้คุณนำเรื่องคำขอของสำนักเลขาธิการไปพิจารณาในประเด็นอันเกี่ยวข้องกับการปกป้องทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นเสมือนกับหัวใจของเมืองบุดวา ซึ่งระยะทางเพียงแค่ 1 กิโลเมตรจากตัวเมืองเก่าของเมืองบุดวานั้นถือได้ว่าเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลเอเดรียติกทางตอนใต้ เกาะแห่งนี้ครอบคลุทพื้นที่ 47 เฮกตาร์ ซึ่ง 90 เปอร์เซ็นต์ของเกาะนั้นเป็นป่าประเภทที่ 4 ในขณะที่รอบเกาะนั้นถูกล้อมไปด้วยชายหาดกว่า 840 เมตร เกาะนี้อุดมไปด้วยพืชและสัตว์มากมาย อีกทั้งยังเป็นสวรรค์ที่แท้จริงสำหรับนกและผู้ที่สนใจทำกิจกรรมล่าสัตว์ขนาดเล็ก และในช่วงทศวรรษที่ 60 ที่ผ่านนั้นก็ได้มีการนำกวางแฟลโลว์จากบริจูนีมาปล่อยไว้ที่เกาะแห่งนี้ ซึ่งเกาะแห่งนี้นั้นในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นเสมือนสถานที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวสำหรับทั้งเมืองบุดวาและประเทศมอนเตเนโกร เนื่องจากชายหาดที่เป็นที่นิยมของทั้งคนในประเทศและนักท่องเที่ยว”
ขณะที่นาย Zenović ได้ระเมินต่อไปว่าถ้าหากการก่อสร้างนี้ยังดำเนนต่อไปจะส่งผลประทบทำให้เป็นอันตรายต่อพืชและสัตว์ส่งผลต่อรูปลักษณ์ของเกาะ,และยังส่งผลไปถึงการเคลื่อนที่ของกระแสน้ำทะเลและการไหลของอากาศ อันจะเป็นอันตรายต่อปริมาณทรายของชายหาดสโลวีเนียทั้งหมด และอาจทำให้ชายหาดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของมอนเตเนโกรต้องหายสาบสูญไป
สำนักข่าวอิศรารายงานเพิ่มเติมว่า กรณีการทำธุรกิจของนายทักษิณ ในมอนเตเนโกรดังกล่าว ยังไม่เคยมีคำชี้แจงข้อมูลอีกด้านจากฝั่งนายทักษิณหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องรอฟังกันอีกครั้ง
อ่านเรื่องในหมวดเดียวกัน