ท่าทีของแถลงการณ์จากพระราชวังบักกิงแฮมนั้นเหมือนจะเน้นไปที่ความสำคัญของข้อมูลเกี่ยวกับพระสุขพลานามัยของสมเด็จพระราชินีนาถฯ แต่ก็ไม่ได้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นจึงหมายความว่าความกังวลเกี่ยวกับสมเด็จพระราชินีนาถฯติดโควิดนั้นมาจากการคิดต่อต้านว่าพระพลานามัยของพระองค์ไม่แข็งแรงเพียงพอจะทรงงานต่อไป
สืบเนื่องจากที่ปรากฏเป็นข่าวไปทั่วโลก เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา ว่าสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ได้ออกประกาศว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงติดเชื้อโรคโควิด-19 โดยพระองค์ทรงมีพระอาการประชวรเล็กน้อย "คล้ายไข้หวัด" แต่คาดว่า จะทรงปฏิบัติ "พระราชกรณียกิจเล็กน้อย"
จากกรณีดังกล่าวนั้นทางสำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษได้มีการเขียนข่าวสรุปเพิ่มเติมว่าหลังจากที่มีรายงานข่าวว่าสมเด็จพระราชินีนาถฯทรงติดเชื้อโควิด ทางพระราชวังรวมไปถึงฝ่ายต่างๆในประเทศอังกฤษได้มีการดำเนินการอย่างไรแล้วบ้าง สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำเอารายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังนี้
สำนักพระราชวังบักกิงแฮมได้เปิดเผยในเอกสารแถลงข่าวว่าสมเด็นพระราชินีฯนั้นจะได้รับการปฏิบัติและการดูแลทางการแพทย์อย่างเหมาะสม
โดยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ก็มีรายงานว่าพระโอรสองค์โต เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เจ้าชายแห่งเวลส์ก็ถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่นกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 ก.พ. เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ได้ทรงพบกับสมเด็จพระราชินีนาถ ดังนั้นจึงเป็นที่เข้าได้ว่ามีบุคคลจำนวนหนึ่งนั้นติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อยู่ในพระราชวังวินด์เซอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ประทับของสมเด็จพระราชินีนาถ
ทั้งนี้หลังจากที่มีรายงานข่าวว่าพระราชินีนาถฯทรงติดโควิด ต่อมาไม่นานทางพระราชวังก็ได้มีการออกแถลงการณ์ระบุข้อความแสดงความยินดีจากสมเด็จพระราชินีนาถที่มีต่อทีมกีฬาเคอร์ลิงของประเทศอังกฤษ
สมเด็จพระราชินีนาถฯระบุต่อไปว่า ทีมเคอร์ลิงนั้นมีผลงานที่โดดเด่นมากในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ทำให้ทีมกีฬาฝ่ายหญิงได้เหรียญทองและทีมกีฬาฝ่ายชายได้เหรียญเงิน
“เรารู้ว่าชุมชนท้องถิ่นและผู้คนทั่วสหราชอาณาจักรนั้นจะร่วมกันเราในการแสดงความปรารถนาดีไปถึงคุณ โค้ชของทีม ถึงเพื่อนและครอบครัวผู้ที่สนับสนุนในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของคุณ” สมเด็จพระราชินีนาถฯตรัส
ขณะที่นายบอร์ริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้กล่าวว่าตัวเขามั่นใจว่าได้พูดแทนทุกคนไปแล้วในการอวยพรขอให้สมเด็นพระราชินีนาถฯ นั้นทรงหายจากการประชวรจากไวรัสโควิดโดยเร็วและกลับมามีพระพลานามัยที่สดใส
ส่วนที่ผู้นำพรรคแรงงานและยังเป็นผู้นำฝ่ายค้าน เซอร์เคียร์ สตาร์เมอร์ ก็ได้กล่าวว่าตัวเขาหวังว่าสมเด็จพระราชินีนาถฯจะมีพระพลานามัยที่แข็งแรง สามารถฟื้นพระวรกายได้โดยเร็ว
รายงานข่าวสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ทรงติดเชื้อโรคโควิด-19 (อ้างอิงวิดีโอจากสำนักข่าวเอ็นบีซี)
อนึ่งข่าวผลตรวจโควิดเป็นบวกของสมเด็จพระราชินีนาถฯนั้น ถูกรายงานขึ้นเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะถึงวันซึ่งคาดกันว่าฝ่ายนิติบัญญัตินั้นจะได้ลงมติยกเลิกมาตรการการกักตัวเองสำหรับกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการยกเลิกมาตรการจำกัดไวรัสล่าสุดไปแล้ว
ทั้งนี้รัฐบาลของนายจอห์นสันได้มีการดำเนินแผนการที่จะใช้ชีวิตกับไวรัสโควิด-19 โดยเขาได้เคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีมันถึงเวลาแล้วที่จะเปลี่ยนผ่านมาตรการจากที่เคยเป็นข้อบังคับของรัฐ เพื่อที่ภาคสาธารณชนจะได้มีความมั่นใจกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
โดยเมื่อประมาณวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถฯทรงครองราชย์ได้เป็นระยะเวลา 70 ปี ซึ่งสมเด็จพระราชินีนาถฯได้ทรงปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการพบปะกับผู้ที่ทำงานด้านการกุศลในนิวาศสถานแซนดริงแฮมเฮาส์
สมเด็จพระราชินีนาถฯนั้นจะทรงมีพระชนม์มายุ 96 พรรษาในช่วงเดือน เม.ย.ที่จะถึงนี้ โดยพระองค์ทรงได้รับวัคซีนโดสแรกเมื่อเดือน ม.ค. 2564 และเชื่อกันว่าได้รับวัคซีนโดสถัดๆมาในเวลาต่อไป
ขณะที่นายนิโคลัส วิชเชล ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำพระราชวังได้กล่าวว่าพระองค์ค่อนใช้ชีวิตเรียบง่าย และเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา พระองค์ก็ได้ใช้เวลาอย่างน้อย 1 คืนในโรงพยาบาลเพื่อตรวจสุขภาพ แต่ต่อมาพระองค์ก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมวันรำลึกในช่วงเดือน พ.ย. (วันรำลึกเป็นกิจกรรมที่จัดขึ้นทุกวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือน พ.ย.เพื่อรำลึกถึงความเสียสละของทหารแคนาดา) เนื่องจากได้รับคำแนะนำจากทางแพทย์ให้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
โดยนี่ถือเป็นครั้งแรกที่สมเด็จพระราชินีนาถฯไม่เข้าร่วมพิธีนี้ นอกเหนือจากเหตุผลที่ว่าพระองค์ทรงพระครรภ์หรือว่าทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอยู่ต่างประเทศ
ขณะที่พระราชกรณียกิจเล็กน้อยที่พระองค์จะทรงปฏิบัตินั้นก็จะเป็นการทรงพระอักษร (อ่าน) เอกสารที่ทางรัฐบาลอังกฤษ รัฐมนตรีจากกระทรวงต่างๆ และตัวแทนจากเครือจักรภพได้ถวายมา ในทุกๆวันและให้จะทรงให้ความเห็นชอบ ลงพระนามได้ถ้าเห็นว่าจำเป็น
@ความหวังเรื่องยาต้านไวรัส
ในขณะเดียวกัน ทางด้านของนายจิม รี๊ด ผู้สื่อข่าวสายสุขภาพของสำนักข่าวบีบีซี ก็ได้กล่าวอาจจะมีการใช้ยาต้านไวรัสตัวใหม่ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติเพื่อช่วยเหลือในด้านการฟื้นฟูพระวรกายของสมเด็จพระราชินีนาถฯ ก็เป็นไปได้
นายรี๊ดกล่าวต่อว่ายาตัวใหม่นั้นถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะลดความเสี่ยงในการที่ประชากรกลุ่มเปราะบางจะต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่ายานี้จะมีการถวายให้กับสมเด็จพระราชินีนาถฯหรือไม่
โดย ณ ขณะนี้จะมีการให้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่เป็นระยะเวลาประมาณ 3-5 วันหลังจากที่วินิจฉัยว่าติดโควิด ซึ่งยาที่มีการอนุมัติใช้งานในประเทศอังกฤษนั้นก็มีรวมไปถึงยาแพกซ์โลวิดและยาโมลนูพิราเวียร์ที่แสดงให้เห็นแล้วในกระบวนการทดลองทางการแพทย์ว่ามีประสิทธิภาพสามารถลดความเสี่ยงในการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรือว่าเสียชีวิตได้
ทั้งนี้เมื่อประมาณวันที่ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา สมเด็จพระราชินีนาถฯนั้นได้มีการพบปะเป็นครั้งแรกกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และยังมีการพบปะแบบเสมือนจริงหรือว่าแบบเวอร์ชวลกับเอกอัครราชทูตคนใหม่ 2 คนประจำสหราชอาณาจักร และในวันต่อมา สมเด็จพระราชินีนาถฯ ได้ทรงตรัสว่าทรงมีพระอาการเคลื่อนไหวพระวรกายลำบากในช่วงที่พบปะกับคณะทำงานจากฝ่ายกลาโหม โดยต้องใช้ธารพระกรแทน
การอนุมัติใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ในสหราชอาณาจักรเมื่อเดือน ธ.ค. 2564 (อ้างอิงวิดีโอจาก Global News)
@พระราชวังยืนยันว่าไม่ต้องกังวล
ส่วนทางด้านของนายฌอน คอชแลน ผู้สื่อข่าวประจำพระราชวัง ได้ออกมาวิเคราะห์ว่าท่าทีของแถลงการณ์จากพระราชวังบักกิงแฮมนั้นเหมือนจะเน้นไปที่ความสำคัญของข้อมูลเกี่ยวกับพระสุขพลานามัยของสมเด็จพระราชินีนาถฯ แต่ก็ไม่ได้มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเหตุที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด ดังนั้นจึงหมายความว่าความกังวลเกี่ยวกับสมเด็จพระราชินีนาถฯติดโควิดนั้นมาจากการคิดต่อต้านว่าพระพลานามัยของพระองค์ไม่แข็งแรงเพียงพอจะทรงงานต่อไป
ดังนั้นจึงมีการเน้นย้ำในแถลงการณ์ว่าทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งเมื่อเช้าวันนี้ สมเด็จพระราชินีนาถฯ ยังได้มีการทรงอักษร (เขียน) ข้อความแสดงความยินดีไปถึงทีมเคอร์ลิ่งในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว
และสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ต่อไป พระองค์ก็จะได้รับการดูแลและจับตาดูอย่างใกล้ชิดจากทีมแพทย์ส่วนพระองค์
ขณะที่เซอร์ฮิว โทมัส หมอส่วนพระองค์ ก็ได้เคยอธิบายไปแล้วว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเข้านั้นก็คือการทำให้สุขภาพของสมาชิกราชวงศ์ปลอดภัยที่สุดในช่วงโรคระบาด
โดย ณ เวลานี้เราได้รับทราบแล้วว่าสมเด็จพระราชินีนาถฯเคยมีการฉีดวัคซีนไปแล้วในโดสแรกเมื่อตอนต้นปีที่ผ่านมา และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีการออกมาปฏิเสธเลยว่าพระองค์ได้รับการฉีดวัคซีนโดยรวมไปแล้ว 3 โดส แต่อย่างไรก็ตามพระพลานามัยของสมเด็จพระราชินีนาถฯนั้นเป็นสิ่งที่ถูกเก็บเป็นความลับส่วนพระองค์และมีการเปิดเผยรายละเอียดที่น้อยมาก
ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์และ ดัชเชสคามิลลา แห่งคอร์นวอลล์ถูกวินิจฉัยว่าติดโควิด-19 (เป็นครั้งแรก) ก็ไม่มีแม้แต่รายงานยืนยันออกมาว่าสมเด็จพระราชินีนาถฯนั้นได้รับการตรวจโควิดด้วยหรือไม่
ดังนั้นการประกาศว่าสมเด็จพระราชินีนาถฯติดโควิด จึงถือว่าเป็นการดำเนินการอย่างมีขั้นมีตอนอันสำคัญ และหลังจากนี้ก็คงจะมีแรงกดดันตามมาเป็นอย่างยิ่งในแง่ของการอัปเดตข้อมูลในอนาคตต่อไป
เรียบเรียงจาก:https://www.bbc.com/news/uk-60453566