อย่างไรก็ตาม กรณีของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นก็ยังเป็นปัญหาได้แม้ว่าอาการของผู้ติดเชื้อจะไม่รุนแรงก็ตาม เพราะว่าเหตุการณ์ที่มีกลุ่มประชากรจำนวนมากติดเชื้อโดยฉับพลันนั้นอาจนำไปสู่กรณีที่ทุกคนที่ยังมีความเสี่ยงสูงนั้นจะต้องการการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกัน
สืบเนื่องจากประเด็นการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ณ เวลานี้ ที่ผู้เชี่ยวชาญจากทั้งในประเทศไทยและในต่างประเทศนั้นได้มีการวิเคราะห์ถึงการใช้สูตรวัคซีนที่มีอยู่ว่าควรจะเป็นอย่างไรเพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสดังกล่าว
ล่าสุดสำนักข่าวบีบีซีของสหราชอาณาจักรเองก็ได้มีการจัดทำรายงานฉบับหนึ่งเช่นกัน โดยยืนยันว่าการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสด้วยวัคซีนจำนวนสามโดสนั้น สามารถป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนได้อย่างมีนัยยะสำคัญ
ซึ่งสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้นำรายงานดังกล่าวมานำเสนอมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ที่ผ่านมานั้นนักวิทยาศาสตร์สหราชอาณาจักรได้ออกมาเตือนโดยเสมอว่าวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 จำนวนสองโดสนั้นไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้เราติดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้
โดยผลการวิจัยเบื้องต้นของกรณีการติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนและสายพันธุ์เดลต้าที่สหราชอาณาจักรนั้นแสดงให้เห็นผลชัดเจนว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพน้องลงมากในการป้องกันโควิดสายพันธุ์ใหมๆ
อย่างไรก็ตาม พบข้อมูลว่าการฉีดวัคซีนบูสเตอร์นั้นสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ถึง 75 เปอร์เซ็นต์ต่อการมีอาการใดๆจากไวรัสโควิด-19
ในขณะเดียวกันทางด้านของนายไมเคิล โกฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาชุมชนของสหราชอาณาจักร ซึ่งได้มีการพบปะกับรัฐมนตรีคนออื่นๆก็ได้กล่าวว่าสหราชอาณาจักรนั้นต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง และการดำเนินการทุกอย่างนั้นจะต้องมีการทบทวนมาตรการกันทั้งหมดเพื่อที่จะแก้ปัญหาการระบาดของไวรัส
“การดำเนินการนั้นเป็นสิ่งทีต้องกระทำและเมื่อมีข้อมูลใหม่ปรากฏออกมา เราต้องพิจารณาว่าการดำเนินการอย่างไรที่เราจำเป็นต้องทำเพื่อรับมือกับข้อมูลใหม่ที่ได้เปิดเผยออกมา” นายโกฟกล่าว
ซึ่งข้อมูล ณ เวลานี้พบว่าสหราชอาณาจักรมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. ที่ผ่านมาเป็นจำนวนที่ยืนยันแล้ว 448 ราย ในขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนทั้งหมดในประเทศอังกฤนั้นอยู่ที่ 1,265 ราย ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในสหราชอาณาจักรนั้นอยู่ที่ 58,194 ราย โดยถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ม.ค.
จำนวนผู้ติดเชื้อในอังกฤษหลังจากวันที่ 20 พ.ย.
ขณะที่รัฐบาลก็ได้กล่าวว่า ณ เวลานี้รัฐบาลกำลังอัปเดตข้อมูลแนวทางการดูแลบ้านพักคนชราในสหราชอาณาจักรอยู่ ซึ่งมาตรการก็รวมไปถึงการจำกัดจำนวนผู้เข้าเยี่ยมบ้านพักคนชราต่อผู้อยู่อาศัยและการเพิ่มอัตราการตรวจหาผู้ติดเชื้อ โดยการดำเนินการดังกล่าวนั้นก็เพื่อที่จะปรับสมดุลความเสี่ยงด้านโควิด-19 ในปัจจุบัน
โดยหนึ่งในประเด็นข้อกังวลที่สำคัญก็คือว่าไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนี้มีการกลายพันธุ์อย่างมากนับตั้งแต่ที่มีการถูกตรวจพบขึ้นมา ส่งผลทำให้วัคซีนมีประสิทธิภาพลดน้อยลง
ขณะที่สำนักงานหลักประกันสุขภาพของสหราชอาณาจักรก็ได้มีการรายงานข้อมูลวิเคราะห์จากกรณีผู้ป่วยด้วยไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน 581 ราย และผู้ป่วยด้วยโควิดสายพันธุ์เดลต้าอีกนับพันราย เพื่อประเมินว่าวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพเท่าไรกันแน่เมื่อต้องรับมือกับไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวนั้น
ซึ่งผลวิเคราะห์จากข้อมูลที่จำกัดแต่ก็แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพที่ลดต่ำลงอย่างมากของวัคซีนจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า และการลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญของวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์จำนวนสองโดส
โดยการป้องกันที่ 75 เปอร์เซ็นต์สำหรับการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 แบบมีอาการ หลังจากที่ได้มีการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ไปนั้นถือว่าไม่สูงถ้าหากเปรียบเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้
ส่วนวัคซีนของบริษัทโมเดอร์นาและวัคซีนเจนเซ่นของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสันนั้น ณ เวลานี้ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดปรากฎออกมา แต่ก็ไม่มีเหตุผลอีกเช่นกันที่จะคิดว่าผลลัพธ์จะมีความแตกต่างออกไปจากวัคซีนตัวอื่น
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านความมั่นคงทางสาธารณสุขของสหราชอาณาจักรก็ได้กล่าวว่าวัคซีนนั้นยังคงดูเหมือนว่าจะมอบการปกป้องที่ดีต่อการติดโควิดแล้วมีอาการอย่างรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
โดย ณ เวลานี้ มีประชากรสหราชอาณาจักรจำนวนกว่า 22 ล้านคนที่ได้รับการฉีดเข็มบูสเตอร์ไปแล้ว แต่แม้ว่าทุกคนจะได้รับการฉีดบูสเตอร์ไปแล้วก็ตาม การที่วัคซีนมีประสิทธิภาพต่ำลงก็ทำให้ประชากรอีกจำนวนนับล้านรายมีความอ่อนแอได้เช่นกัน
ซึ่งข้อมูลจากการทดลองโลกจริงหรือว่าเรียลเวิร์ลดาต้า ที่ได้สนับสนุนการทดลองในห้องปฏิบัติการณ์นั้นระบุผลว่าพบการลดลงของสารภูมิคุ้มกันหรือว่าแอนติบอดี้เป็นจำนวน 40 เท่าในกลุ่มที่ได้รับวัคซีนสองโดสต่อการกำจัดไวรัส
ทั้งนี้มีการมองโลกในแง่ดีว่าวัคซีนนั้นก็ยังคงมีประโยชน์ในการป้องกันให้คนจำนวนมากไม่ต้องเข้าไปรับการรักษาในโรงพยาบาลแม้ว่าพวกเขาจะติดเชื้อโควิด-19 ก็ตาม เนื่องจากความรุนแรงของโรคที่ลดต่ำลง
อย่างไรก็ตาม กรณีของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นก็ยังเป็นปัญหาได้แม้ว่าอาการของผู้ติดเชื้อจะไม่รุนแรงก็ตาม เพราะว่าเหตุการณ์ที่มีกลุ่มประชากรจำนวนมากติดเชื้อโดยฉับพลันนั้นอาจนำไปสู่กรณีที่ทุกคนที่ยังมีความเสี่ยงสูงนั้นจะต้องการการรักษาในโรงพยาบาลในช่วงเวลาเดียวกัน
โดยการเพิ่มขึ้นของผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นถือเป็นการส่งคำเตือนแล้วว่าสายพันธุ์นี้สามารถอ้อมการป้องกันบางอย่างที่ได้รับมาจากวัคซีนได้
และมีการประเมินอีกเช่นกันว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนอาจจะเพิ่มขึ้นในอัตราทวีคูณในทุกสองหรือสามวัน
หน่วยงานด้านความมั่นคงทางสุขภาพยังได้ประเมินต่อไปอีกว่าจะมีมากกว่าครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรนั้นจะกลายเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในช่วงกลางเดือน ธ.ค. และถ้าอัตราการติดเชื้อยังคงเติบโตต่อไปอย่างไม่เปลี่ยนแปลงก็จะมีผู้ติดเชื้อประมาณ 100,000 รายต่อวันในช่วงก่อนสิ้นเดือน ธ.ค.
ซึ่งทางด้าน พ.ญ.แมรี่ แรมซีย์ หัวหน้าฝ่ายสร้างภูมิคุ้มกัน หน่วยงานด้านความมั่นคงทางสุขภาพของสหราชอาณาจักรได้กล่าวว่า ข้อมูลการคาดการณ์ในเบื้องต้นดังกล่าวนั้น ควรจะต้องมีการดำเนินการอย่างระมัดระวัง แต่ข้อมูลนี้ก็บ่งชี้ให้เห็นว่าเพียงไม่กี่เดือนหลังจากการฉีดวัคซีนในโดสสอง ก็ยังมีความเสี่ยงสูงมากในการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนเมื่อเทียบกับสายพันธุ์เดลต้า
“เราคาดหวังว่าวัคซีนจะแสดงข้อมูลการปกป้องที่สูงกว่านี้ต่อภาวะแทรกซ้อนอันร้ายแรงของไวรัสโควิด-19 ดังนั้นถ้าหากคุณยังไม่ได้รับวัคซีนสองโดสแรก ก็ควรที่จะนัดหมายโดยทันที” พ.ญ.แรมซีย์กล่าว
ทั้งนี้ผลการวิจัยดังกล่าวเกิดขึ้นท่วมกลางความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วยไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนที่เพิ่มขึ้นในสหราชอาณาจักร
โดยทางด้านของนางนิโคลา สเตอร์เจียน มุขมนตรีของสกอตแลนด์ก็ได้ออกมาเตือนถึงคลื่นสึนามิของผู้ติดเชื้อตามมาได้ และ ณ เวลานี้นางสเตอร์เจียนก็ได้ออกคำสั่งให้มีมาตรการแยกผู้ติดเชื้อโควิดอย่างเคร่งครัดและเรียกร้องให้ประชาชนยกเลิกแผนการฉลองงานคริสต์มาสไปก่อน
รายงานข่าวว่าไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนั้นอาจเป็นสายพันธุ์หลักในสหราชอาณาจักรได้ในไม่กี่สัปดาห์ (อ้างอิงวิดีโอจาก Skynews)
ซึ่งมาตรการภายใต้คำแนะนำฉบับใหม่ที่ออกมาสำหรับบ้านพักคนชราในสหราชอาณาจักรนั้น ผู้อยู่อาศัยจะได้รับอนุญาตให้มีผู้ที่มาเยี่ยมได้ไม่เกินสามคน และให้เพิ่มผู้พยาบาลได้ไม่เกินหนึ่งคนเท่านั้น
ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขและการดูแลสังคม ก็ได้กล่าวเช่นกันว่าหลังจากนี้จะมีการเพิ่มการตรวจหาเชื้อสำหรับผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ครบ โดยจะเป็นการส่งคนออกไปตรวจหาเชื้อควบคู่ไปกันการส่งทีมฉีดวัคซีนลงพื้นที่เพื่อที่จะฉีดวัคซีนบูสเตอร์รับมือกับการระบาดในครั้งใหม่นี้
เรียบเรียงจาก: https://www.bbc.com/news/health-59615005
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage