"… สำหรับอาการข้างเคียงจากวัคซีนโมเดอร์นาที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดบริเวณฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ มีไข้ หนาวสั่น ผิวแดง และบวม ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีน 2-3 วัน แต่สำหรับการแพ้รุนแรง จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหรือหลายชั่วโมง และอาจทำให้เกิดอาการ ได้แก่ หายใจลำบาก รู้สึกสับสน รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เป็นลม หัวใจเต้นเร็ว หรือเกิดลมพิษได้ ส่วนอาการเยื่อหุ้มหัวใจหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนครั้งที่ 2….”
ภายหลัง บริษัท ซิลลิค ฟาร์มา จำกัด ตัวแทนจำหน่ายและนำเข้าวัคซีนโมเดอร์นา ออกแถลงการณ์เรื่องความคืบหน้าส่งมอบวัคซีนโมเดอร์นาให้แก่ประเทศไทย ยืนยันจัดส่งล็อตแรกถึงไทย 560,000 โดส ภายในวันที่ 5 พ.ย.2564 และจะจัดส่งส่วนที่เหลือจนครบ 1.9 ล้านโดส ส่วนอีก 6.8 ล้านโดส คาดส่งมอบให้เสร็จสิ้นใน มี.ค.2565
นับเป็นข่าวดีสำหรับผู้ที่จองวัคซีนโมเดอร์นาไว้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นผู้ที่ได้จองและชำระเงินในลำดับต้นกับโรงพยาบาลเอกชนต่างๆแล้ว จะต้องพิจารณาว่าจะฉีดวัคซีนอย่างไร และเมื่อฉีดวัคซีนแล้ว จะมีอาการข้างเคียงอย่างไรบ้าง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการรับวัคซีน
สำหรับการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา เคยโพสต์เฟซบุ๊ก Chalermchai Boonyaleepun ระบุว่า กรณีรอวัคซีนมาโดยตลอด สามารถฉีดวัคซีนโมเดอร์นาได้ทันที แต่กรณีฉีดวัคซีนอื่นไป 1 เข็ม ให้เว้นไปอย่างน้อยสามสัปดาห์ ก็จะสามารถฉีดวัคซีนเข็ม 2 ได้ 2 แบบ คือ ฉีดด้วยวัคซีนชนิดเดียวกับเข็มที่ 1 ไปก่อน แล้วค่อยรอกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยวัคซีนโมเดอร์นา หรืออีกรูปแบบ คือ ฉีดเข็ม 2 ด้วยวัคซีนโมเดอร์นา แต่วิธีนี้ยังมีการศึกษาวิจัยการฉีดวัคซีนสูตรนี้ไม่มากนัก
แต่หากได้รับวัคซีนอื่นครบ 2 เข็มแล้ว ให้เว้นระยะห่างเข็ม 2 ออกไป 1-3 เดือน จึงฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนโมเดอร์นา และในกรณีที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ให้เว้นห่างจากเข็ม 2 ไปอย่างน้อย 6 เดือน จึงฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนโมเดอร์นา
-
ซิลลิค ฟาร์มายัน จะจัดส่งโมเดอร์นาล็อกแรก 5.6 แสนโดส ถึงไทยไม่เกิน 5 พ.ย.นี้
-
'หมอเฉลิมชัย'ไขข้อสงสัยการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา-ผลข้างเคียง ก่อนล็อตแรกเข้า 5 พ.ย.
ส่วนอาการข้างเคียงจากวัคซีนโมเดอร์นานั้น สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ได้เรียงเรียงข้อมูลจาก เว็บไซต์ ABC News เปิดเผยว่า วัคซีนโมเดอร์นาเป็นวัคซีนชนิด Messenger Ribonucleic Acid หรือเรียกย่อว่า mRNA ซึ่งคล้ายกับวัคซีนไฟเซอร์ วัคซีนชนิดนี้จะใช้รหัสพันธุกรรมช่วยให้เซลล์ในร่างกายสร้างสไปค์โปรตีน (Spike Protein) ที่จำลองลักษณะของเชื้อโควิดเข้ามาในร่างกายของเราโดยที่ไม่มีการติดเชื้อ ทำให้ร่างกายเตรียมพร้อมที่จะต่อสู่ หากมีเชื้อไวรัสตัวนั้นเข้าสู่ร่างกาย
โดยหลังจากการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาครบ 2 เข็ม พบมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันโรคโควิดและป้องกันการรักษาตัวในโรงพยาบาล
ขณะที่ Anthony Tassone ประธานสมาคมเภสัชกรรมแห่งวิกตอเรีย กล่าวว่า วัคซีนโมเดอร์นาอาจดีกว่าวัคซีนไฟเซอร์และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเล็กน้อย เพราะมีข้อมูลจาก บริษัท โมเดอร์นา จำกัด ของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเล็กน้อยในการลดความรุนแรงโรคและการป้องกันการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เมื่อเทียบกับตัวแปรโควิดสายพันธุ์เดลต้า (สายพันธุ์อินเดีย) ที่สำคัญยังฉีดในกลุ่มผู้มีอายุมากกว่า 60 ปี และฉีดเป็นวัคซีนบูสเตอร์โดสสำหรับผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่องได้
สำหรับผลข้างเคียงของวัคซีนโมเดอร์นา คนส่วนใหญ่ไม่ได้รับผลข้างเคียง และอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นไม่รุนแรงและเป็นอาการชั่วคราว โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่ ปวดบริเวณฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ หรือมีไข้ บางคนอาจมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน บวมบริเวณที่ฉีด หรือต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งผลข้างเคียงเหล่านี้พบได้น้อย
ส่วนกรณีที่สวีเดนและเดนมาร์กหยุดให้โมเดอร์นาชั่วคราว กรณีการฉีดให้กับวัยรุ่น Anthony Tassone กล่าวว่า ผลข้างเคียงของวัคซีนที่พบในคนอายุน้อย คือ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งหลังจากออสเตรเลียได้รับวัคซีนมาเกือบ 200,000 โดส ยังไม่พบรายงานกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เกิดจากวัคซีนโมเดอร์นา และหากพบผลข้างเคียงดังกล่าว ภาวะนี้สามารถรักษาได้ ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเพียงเล็กน้อยและฟื้นตัวได้ดี
“สิ่งที่เราได้เห็นจากหลักฐานระหว่างประเทศ คือ อุบัติการณ์ของผลข้างเคียงจากวัคซีนโมเดอร์นา คล้ายคลึงกับไฟเซอร์มาก ซึ่งวัคซีนเหล่านี้เป็นวัคซีนที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพมาก และอาการข้างเคียงที่กระตุ้นให้หยุดใช้ชั่วคราวในสวีเดนและเดนมาร์กชั่วคราวนั้นหายากมาก” Anthony Tassone กล่าว
แพ้รุนแรง-กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ความเสี่ยง‘โมเดอร์นา’
ขณะที่เว็บไซต์ Medical News Today เปิดเผยข้อมูลวัคซีนโมเดอร์นาด้วยว่า วัคซีนนี้ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (Food and Drug Administration) ให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน (Emergency Use Authorization : EUA) ได้ เมื่อเดือน ธ.ค.2563
ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention : CDC) ได้แนะนำให้กลุ่มบุคคลที่มีอาการต่อไปนี้ แจ้งบุคคลากรการแพทย์ทราบก่อนรับวัคซีนโมเดอร์นาด้วย ดังนี้
-
ภาวะเลือดออกผิดปกติ
-
โรคภูมิแพ้
-
มีไข้
-
รับประทานยาที่ทำให้เลือดออกผิดปกติ หรือส่งผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน
-
ภูมิคุ้มกันบกพร่อง
-
ตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์
-
ให้นมลูก
ส่วนบุคคลที่ไม่ควรรับวัคซีนโมเดอร์นา คือ ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้บางประเภท รวมถึงผู้ที่มีอาการแก้รุนแรงต่อส่วนผสมใดๆ ของวัคซีน ได้แก่ mRNA, Lipids SM-102, 1,2-Dimyristoyl-rac-glycero-3-methoxypolyethylene glycerol-2000 (PEG2000 DMG), 1,2-distearoyl-sn-glycero-3-phosphocholine (DSPC), Cholesterol, Tromethamine, Tromethamine Hydrochloride, Acetic acid, Sodium acetate และ Sucrose
สำหรับอาการข้างเคียงจากวัคซีนโมเดอร์นาที่พบได้บ่อย นอกจากอาการ ปวดบริเวณฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ หรือมีไข้แล้ว ยังรวมถึงอาการหนาวสั่น ผิวแดง และบวมอีกด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิดขึ้นหลังได้รับวัคซีน 2-3 วัน โดยสามารถบรรเทาอาการได้ด้วยการขยับแขนไปมา ดื่มน้ำเยอะๆ หรือรับประทานยาแก้ปวด
แต่สำหรับการแพ้รุนแรง จะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีหรือหลายชั่วโมงหลังการฉีดวัคซีน และอาจทำให้เกิดอาการ ได้แก่ หายใจลำบาก รู้สึกสับสน รู้สึกวิงเวียนศีรษะ เป็นลม หัวใจเต้นเร็ว หรือเกิดลมพิษได้ ส่วนอาการเยื่อหุ้มหัวใจหรือกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนครั้งที่ 2
อาการบวมเฉพาะจุดในผู้ฉีดฟิลเลอร์
ด้านเว็บไซต์ Harvard Health Publishing เปิดเผยถึงผลข้างเคียงของวัคซีนโมเดอร์นาที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ฉีดฟิลเลอร์ด้วยว่า มีหลายกรณีที่สงสัยว่าวัคซีนนี้ ทำให้เกิดอาการบวมเฉพาะจุด ในผู้ที่มีสารเติมเต็มผิวหนัง ซึ่งส่วนใหญ่มักจะอยู่ที่ใบหน้าหรือริมฝีปาก เป็นไปได้ว่าวัคซีนอาจกระตุ้นปฏิกิริยาของระบบภูมิคุ้มกันที่ทำให้เกิดการอักเสบ อย่างไรก็จามปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อหรืออาการแพ้
ดังนั้นหากบุคคลใดฉีดฟิลเลอร์ที่ผิวหนังและได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีน ให้รู้ว่าอาการนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว สามารถทานยาแก้แพ้ เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ หรือโทรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อขอคำแนะนำ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีเหตุผลทางการแพทย์อื่นๆ ว่าทำไมถึงไม่ควรรับวัคซีน ขอให้ทุกคนเข้ารับวัคซีน
เว็บไซต์ CNBC
อาการแพ้รุนแรงอาจถึงแก่ชีวิตได้
สำหรับข้อมูลของอาการแพ้รุนแรง หรือ Anaphylaxis เว็บไซต์ CNBC เปิดเผยรายละเอียดว่า อาการนี้เป็นปฏิกิริยาการแพ้ที่รุนแรงและอาจถึงแก่ชีวิตได้ เพราะจะไปทำให้ระบบภูมิคุ้มกันปล่อยสารเคมีออกมามาก จนเกิดอาการช็อก ความดันโลหิตลดลง และทางเดินหายใจแคบลง จึงทำให้หายใจไม่ออก แต่อาการแพ้รุนแรงนี้สามารถรักษาให้หายได้ หากได้รับการวินิฉัยได้ทันเวลา
อาการแพ้รุนแรงนี้สามารเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุเช่นเดียวกัน อย่างอาหาร ยา แมลงกัดต่อย หรือสารอื่นๆ ที่เข้ามากระตุ้นได้เช่นเดียวกัน อาการที่คล้ายกับภาวะแพ้ทั่วไป คือ ผื่น ลมพิษขึ้นตามตัว และคัน แต่จะมีอาการอื่นร่วมด้วย คือ หายใจลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว หน้ามืด หรือความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
โดยบุคคลที่เป็นโรคหัวใจ โรคหอบหืด และโรคภูมิแพ้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้รุนแรงมากที่สุด จึงเป็นเหตุผลให้หลังการฉีดวัคซีนโควิด ต้องรอ 30 นาที เพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าไม่เกิดอาการข้างต้น ทั้งนี้สำหรับผู้ที่มีประวัติการรักษาอาการป่วย หรือมีอาการป่วยเป็นโรคประจำตัว ควรจะแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนฉีดวัคซีน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน
เว็บไซต์ USA Today
อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หายใจลำบาก-เจ็บหน้าอก
ส่วนอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือ Myocarditis เว็บไซต์ USA Today เปิดเผยการให้สัมภาษณ์ของ Dr.Chandhiran Rangaswamy แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือดมหาวิทยาลัยหลุยส์วิลล์ สหรัฐอเมริกา ว่า โรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ คือ การอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจและมักพบเห็นได้จากการติดเชื้อไวรัส และการอักเสบดังกล่าวส่งผลให้ความสามารถในการสูบฉีดของหัวใจลดลง
“ไวรัสใดๆ ก็ตาม รวมทั้งไข้หวัดใหญ่ก็ทำให้เกิดอาการหล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้ หรือแม้แต่ยาตามใบสั่งของแพทย์ก็สามารถทำให้เกิดได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วอะไรก็ตามที่สามารถกระตุ้นการตอบสนองการอักเสบ สามารถย้ายตัวเองไปที่กล้ามเนื้อหัวใจ และทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบด้วยวิธีนี้" Rangaswamy กล่าว
สำหรับอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ มักทำให้หายใจลำบาก เจ็บหน้าอกเหมือนหัวใจเต้นแรง ซึ่ง วัคซีนทุกชนิด เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สามารถทำให้เกิดกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบได้เหมือนกัน โดยในเดือน พ.ค.2564 CDC กำลังตรวจสอบรายงานโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายที่เกิดขึ้นในวัยรุ่นที่ได้รับวัคซีนโควิด ซึ่งพบในผู้มีอายุน้อยสูง และพบในเพศชายมากกว่าหญิง อย่างไรก็ตามความเสี่ยงในการเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากวัคซีนโควิดมีน้อยกว่า 1% และไวรัสโควิดนั้นอันตรายกว่า
“ในทางการแพทย์ เราดูอัตราส่วนความเสี่ยงและผลประโยชน์ การได้รับวัคซีนนั้นมีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงที่เกิดจากการติดเชื้อโควิด และที่สำคัญคือวัคซีนยังช่วยการป้องกันไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากการติดโควิด เช่น โรคปอดบวม ปัญหาปอดตลอดชีวิตสำหรับผู้ที่ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ปัญหาอัตราการเต้นของหัวใจ ปัญหาความดันโลหิต” Rangaswamy กล่าว
เปรียบเทียบผลข้างเคียงวัคซีน 4 ยี่ห้อ
ทั้งนี้หากเปรียบเทียบอาการข้างเคียงของวัคซีนโมเดอร์นา กับวัคซีนยี่ห้ออื่น ได้แก่ วัคซีนไฟเซอร์ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน และวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เว็บไซต์ USA Today เปิดเผยข้อมูลดังนี้
-
วัคซีนโมเดอร์นา อาการที่พบมากกว่า 1 ใน 10 คน ได้แก่ ปวดและบวมบริเวณฉีด มีไข้ ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อและข้อ หนาวสั่น ต่อมน้ำเหลืองบวม กดแล้วเจ็บใต้วงแขน คลื่นไส้ และอาเจียน อาการที่พบน้อยกว่า 1 น 10 คน ได้แก่ ผื่นแดง ลมพิษ และผื่นบริเวณที่ฉีด อาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 100 คน ได้แก่ คันบริเวณฉีด และอาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 1,000 คน ได้แก่ ใบหน้าบวมในผู้ที่มีสารเติมเต็มผิวหนัง และกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง
-
วัคซีนไฟเซอร์ อาการที่พบมากกว่า 1 ใน 10 คน ได้แก่ ปวดบริเวณฉีด อ่อนล้า ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อและข้อ หนาวสั่น และมีไข้ อาการที่พบน้อยกว่า 1 น 10 คน ได้แก่ แดงบริเวณฉีด และคลื่นไส้ อาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 100 คน ได้แก่ คันบริเวณฉีด, ปวดแขนและขา, ต่อมน้ำเหลืองโต, นอนไม่หลับ และรู้สึกไม่สบาย และอาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 1,000 คน ได้แก่ กล้ามเนื้ออ่อนแรงที่ใบหน้าข้างใดข้างหนึ่ง
-
วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน อาการที่พบมากกว่า 1 ใน 10 คน ได้แก่ ปวดบริเวณฉีด ปวดศีรษะ อ่อนล้า ปวดกล้ามเนื้อ และคลื่นไส้ อาการที่พบน้อยกว่า 1 น 10 คน ได้แก่ ไอ ปวดข้อ หนาวสั่น และบวมแดงบริเวณฉีด อาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 100 คน ได้แก่ จาม ตัวสั่น เจ็บคอ ผื่น เหงื่อออก กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปวดแขนและขา ปวดหลัง อ่อนล้า และรู้สึกไม่สบาย และอาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 1,000 คน ได้แก่ ภาวะภูมิไวเดิน และผื่นคัน
-
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า อาการที่พบมากกว่า 1 ใน 10 คน ได้แก่ ปวดและกดแล้วเจ็บบริเวณฉีด ปวดศีรษะ เหนื่อยล้า ปวดกล้ามเนื้อ รู้สึกไม่สบาย หนาวสั่น มีไข้ ปวดข้อและคลื่นไส้ อาการที่พบน้อยกว่า 1 น 10 คน ได้แก่ อาเจียนและท้องเสีย อาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 100 คน ได้แก่ เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ เหงื่อออก ปวดบรเวิณท้องและมีผื่น และอาการที่พบน้อยกว่า 1 ใน 1,000 คน แม้ว่าจะไม่มีปัญหาใด ๆ แต่เราตรวจพบระหว่างการทดลองทางคลินิก มีผู้รับวัคซีนหลายรายได้พัฒนาลิ่มเลือดผิดปกติหลังจากฉีดวัคซีนได้ไม่นาน
แม้วัคซีนโมเดอร์นาจะทำให้เกิดอาการข้างเคียงอย่างภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ อาการแพ้รุนแรง หรืออาการบวมสำหรับผู้ฉีดฟิลเลอร์ แต่อาการดังกล่าวเกิดขึ้นได้น้อยและสามารถหายเองได้ ดังนั้นวัคซีนยังมีประโยชน์มากกว่าโทษ
ตารางเปรียบเทียบผลข้างเคียงของวัคซีน 4 ยี่ห้อ
ภาพจาก: Shutterstock
อ้างอิงจาก :
-
https://www.medicalnewstoday.com/articles/moderna-vaccine-for-coronavirus
-
https://www.abc.net.au/news/2021-10-09/your-questions-about-moderna-covid-vaccine-answered/100525410
-
https://www.usatoday.com/in-depth/graphics/2021/03/27/comparing-covid-19-vaccines/6806600002/
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/