"...สินค้าดังกล่าวมิใช่สินค้าที่ องค์การค้าของ สกสค. ได้รับสิทธิพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้จำหน่ายให้ส่วนราชการโดยวิธีดังกล่าวได้ อันเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุ อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าสินค้าดังกล่าวแท้จริงแล้ว เป็นสินค้าของเอกชน 2 ราย ซึ่งในการดำเนินการซื้อขายดังกล่าวเพียงให้ องค์การค้าของ สกสค. เข้าเป็นคู่สัญญากับ อบจ.มหาสารคาม แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเท่านั้น..."
...................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานไปแล้วว่า เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2564 เจ้าหน้าที่สืบสวนส่วนกลางร่วมกับนักสืบสวนภาค 4 สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้นำตัว นายชัชพัฒน์ บุญประเสริฐ หรือนายอัคคฌาณพัธ บุญประเสริฐภูธ์ อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการภาคการค้า องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ส่งให้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 4 ฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4
หลังจาก นายชัชพัฒน์ ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา กรณีการจัดซื้อหนังสือเรียนประกอบการเรียนรู้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10.2 ล้านบาท และจัดซื้อคอมพิวเตอร์พร้อมโปรแกรมปฏิบัติการ 40.8 ล้านบาท ขององค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) มหาสามาคาม จากองค์การค้าของ สกสค. โดยวิธีพิเศษ ในช่วงปี 2551 ซึ่งพบว่าเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง และยังมีการเอื้อประโยชน์บริษัทเอกชนให้ขายสินค้าให้กับ อบจ.มหาสารคาม โดยไม่ต้องมีการแข่งขันราคา
ก่อนที่ นายชัชพัฒน์ จะหลบหนีคดี จนกระทั่งถูกออกหมายจับ เจ้าหน้าที่สืบสวน ป.ป.ช. ประสานตำรวจฝ่ายสืบสวนของสถานีตำรวจนครบาลบางเขน (สน.บางเขน) ตามแกะรอยจนพบเบาะแส นายชัชพัฒน์ ว่า มาพักอาศัยอยู่ในบ้านที่ กทม. และมาค่อยเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณหน้าบ้านประมาณ 3 วัน
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 30 ส.ค.2564 นายชัชพัฒน์ ได้ออกมาจากบ้านเพื่อไปซื้อของที่ห้างคอมมูนิตี้มอลล์แถวลาดปลาเค้า ช่วงที่นายชัชพัฒน์กำลังเดินทางออกจากห้าง เจ้าหน้าที่ได้เข้าแสดงตัวพร้อมหมายจับ นายชัชพัฒน์ ยอมรับว่าเป็นคนเดียวกันกับคนในหมายจับ จึงจับกุมตัวไปที่ สน.บางเขน ก่อนจะนำตัวขึ้นรถตู้ไปฝากขังชั่วคราวที่ สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น และนำตัวส่งให้อัยการฟ้องคดี ในวันที่ 31 สิงหาคม ดังกล่าว
อย่างไรก็ดี คดีนี้ ยังไม่สิ้นสุด จำเลย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลอีกได้
ต่อไปนี้ เป็นพฤติการณ์การกระทำความผิดของ นายชัชพัฒน์ บุญประเสริฐ หรือนายอัคคฌาณพัธ บุญประเสริฐภูธ์ อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการภาคการค้า องค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิด ก่อนจะหลบหนีคดี จนถูกออกหมายจับกุมตัวดังกล่าว
@ ที่มาคดี
อบจ.มหาสารคาม ได้จัดซื้อหนังสือประกอบการเรียนรู้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 10,200,000 บาท และจัดซื้อคอมพิวเตอร์พร้อมโปรแกรมปฏิบัติการรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 40,800,000 บาท จากองค์การค้าของ สกสค. โดยวิธีกรณีพิเศษ เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2551 และวันที่ 21 มกราคม 2551 ตามลำดับ (รวมวงเงิน 51 ล้านบาท)
ทั้งที่ สินค้าดังกล่าวมิใช่สินค้าที่ องค์การค้าของ สกสค. ได้รับสิทธิพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้จำหน่ายให้ส่วนราชการโดยวิธีดังกล่าวได้ อันเป็นการดำเนินการโดยมิชอบด้วยกฎหมายและระเบียบเกี่ยวกับการพัสดุ
อีกทั้งยังปรากฏข้อเท็จจริงว่าสินค้าดังกล่าวแท้จริงแล้ว เป็นสินค้าของเอกชน 2 ราย ซึ่งในการดำเนินการซื้อขายดังกล่าวเพียงให้ องค์การค้าของ สกสค. เข้าเป็นคู่สัญญากับ อบจ.มหาสารคาม แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเท่านั้น
โดยระหว่าง องค์การค้าของ สกสค. กับบริษัทเอกชนดังกล่าว ได้มีการทำสัญญาความร่วมมือทางการค้าหรือขายฝากสินค้าดังกล่าว
@ คนกลางติดต่องาน
ทั้งนี้ ก่อนที่ อบจ.มหาสารคาม จะทำสัญญาซื้อขายสินค้าดังกล่าวกับองค์การค้าของ สกสค. นั้น นายชัชพัฒน์ บุญประเสริฐ ในฐานะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการภาคการค้า องค์การค้าของ สกสค.ในขณะนั้น มีหน้าที่รับผิดชอบการค้าขององค์การค้าของ สกสค. ได้เป็นผู้ติดต่อกับ อบจ.มหาสารคาม ตามหนังสือที่มีการสอบถามสถานะการแจ้งสถานะขององค์การค้าของ สกสค. และส่งใบเสนอราคาของทั้งสองบริษัทที่เสนอผ่านองค์การค้าของ สกสค. ให้กับ อบจ.มหาสารคาม
เพื่อทั้งสองบริษัทดังกล่าวจะได้ดำเนินการขายสินค้าให้กับ อบจ.มหาสารคาม โดยมิต้องมีการแข่งขันราคากับรายใด
นายชัชพัฒน์ ย่อมทราบดีอยู่แล้วว่าสินค้าดังกล่าว องค์การค้าของ สกสค. ไม่ได้รับสิทธิพิเศษให้ดำเนินการจำหน่ายโดยวิธีกรณีพิเศษกับ อบจ.มหาสารคามได้ และกรณีการดำเนินการขายฝากสินค้าระหว่างองค์การค้าของ สกสค. กับทั้งสองบริษัทดังกล่าว ยังมิได้เป็นไปตามขั้นตอนการดำเนินการขององค์การค้าของ สกสค. ที่ต้องผ่านการพิจารณาจากคณะทำงานพิจารณาการขายสินค้าผ่านบัญชีขององค์การค้าของ สกสค. ก่อน
นายชัชพัฒน์ ย่อมทราบดีเนื่องจากเป็นคณะทำงานดังกล่าวด้วย
กรณี นายชัชพัฒน์ จึงถือว่า เป็นการกระทำความผิด ฐานเป็นพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 11 ประกอบประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ.2526 มาตรา 4 และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้หรือกระทำการใด ๆ โดยมุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออำนวยแก่ผู้เข้าทำการเสนอราคารายใดให้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 2 ประกอนประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6 ) พ.ศ.2526 มาตรา 4
ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับเอกชนทั้ง 2 ราย ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ สำนักข่าวอิศรา จะติดตามมานำเสนอให้สาธารณชนได้รับทราบต่อไป
อย่างไรดี มีเบาะแสแจ้งว่า การซื้อขายสินค้าลักษณะนี้ ของ สกสค. มิได้เกิดขึ้นเฉพาะแค่ อบจ.มหาสารคาม เท่านั้น
หากแต่ยังเกิดขึ้นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อปท. หลายจังหวัดด้วย
ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องติดตามตรวจสอบกันต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/