"...แม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่แล้ว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีกรณีการระบาดที่มาจากการนำเข้าผู้ติดเชื้อเข้ามาในประเทศก็เป็นได้ ดังนั้น เรายังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโควิดอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งการฉีดวัคซีน การใส่หน้ากาก การล้างมืออย่างสม่ำเสมอ การเว้นระยะห่างทางสังคม และการหลีกเลี่ยงจากสถานที่ที่ฝูงชนจำนวนมากนั้นยังคงเป็นมาตรการที่ได้ผล...”
.................................
สถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นที่ชาวโลกให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อประเทศจีนได้ประกาศออกว่าสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธ์เดลต้าได้แล้ว หลังไม่มีพบผู้ติดเชื้อใหม่
ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนที่สูงกว่า ยังคงมีปัญหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวัน ในจำนวนที่สูงอยู่
เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักข่าวซินหัวของประเทศจีน ได้นำเสนอรายงานพิเศษ เบื้องลึกประเทศจีน ว่ามีวิธีการอย่างไร ถึงสามารถควบคุมแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 สายพันธ์เดลต้าได้เป็นผลสำเร็จดังกล่าว
มีรายละเอียดดังนี้
ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่นั้น มีการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดเป็นศูนย์ครั้งแรกในรอบเดือน เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งถือได้ว่าเป็นความสำเร็จในการควบคุมไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้าที่มีความร้ายแรงซึ่งเริ่มระบาดตั้งแต่ต้นปี 2564 ได้เป็นผลสำเร็จ
ย้อนกลับไปในช่วงกลางเดือน ก.ค. ที่เริ่มมีการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า รัฐบาลจีนได้เริ่มต้นดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพ เช่น การล็อกดาวน์เฉพาะกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง การจำกัดการท่องเที่ยว การตรวจเชื้อหมู่มาก และปฏิบัติการณ์ทางการแพทย์อย่างรวดเร็วเพื่อควบคุมการระบาด
นพ.หม่า เชียวเว่ย ผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติประเทศจีน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัว ว่า “ผลจากการปฏิบัติการดังกล่าว ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามาตรการป้องกันของเรามีประสิทธิภาพ เราต้องดำเนินมาตรการเหล่านี้ต่อไปเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมโยงของการทำงานในพื้นที่เปราะบางเอาไว้เป็นพื้นที่ที่สำคัญ”
ทั้งนี้ มาตรการต่าง ๆ ของประเทศจีน ที่บังคับใช้ออกมานั้นได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชน จึงเป็นสาเหตุสำคัญทำให้โรคระบาดอยู่ภายใต้ความควบคุมได้เป็นผลสำเร็จ
ดังนั้น คำถามสำคัญก็คือบทเรียนอะไรบ้างที่เราสามารถเรียนรู้จากการรับมือการระบาดของประเทศจีน
@จำเป็นต้องมีการล็อกดาวน์ในระดับท้องถิ่นหรือไม่?
นพ.หยู ชวนหวา ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาและสถิติสุขภาพ มหาวิทยาลัยอู่ฮั่น กล่าวว่า การที่รัฐบาลท้องถิ่นประเทศจีนนั้นมีการใช้มาตรการที่รวดเร็วเพื่อจะรับมือกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการที่ว่านี้ได้แก่การรักษาอย่างทันท่วงทีเมื่อมีกรณีผู้ติดเชื้อเกิดขึ้น การกักบริเวณอย่างเข้มข้นของผู้มีความเสี่ยงสูง การจัดการชุมชนที่อยู่อาศัยในพื้นที่ปิด และการระงับการขนส่งที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก
ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีประสิทธิภาพอย่างรวดเร็วในการควบคุมโรคระบาด
ระบบการตรวจหาคิวอาร์โค๊ดเพื่อยืนยันสุขภาพของประเทศจีน (อ้างอิงวิดีโอจาก TechNode)
ส่วน นพ.หวู ซุนยูหัวหน้านักระบาดวิทยากับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ได้กล่าวว่า มาตรการของประเทศจีนในการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นถือว่าเป็นไปตามหลักการพื้นฐานของการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อและเพื่อที่จะทำให้การแพร่เชื้อถูกควบคุมได้ในระยะเวลาอันสั้น
“กลยุทธ์นี้ได้พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการควบคุมการระบาดได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งที่ผ่านมาเราก็ได้มีการใช้กลยุทธ์เหล่านี้ในการควบคุมการระบาดที่มาจากต่างประเทศเข้าสู่ประเทศจีนเป็นจำนวนมากกว่า 20 ครั้งแล้ว และมาตรการการควบคุมการติดเชื้ออย่างเฉียบพลันดังกล่าวนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหากับเศรษฐกิจมากจนเกินไป” นพ.หวูกล่าว
ทั้งนี้ มีรายงานว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้านั้นส่งผลกระทบมากกว่าครึ่งหนึ่งในภูมิภาคตะวันออกของมณฑลเจียงซู
โดยในพื้นที่ดังกล่าวมีรายงานการติดเชื้อสูงถึง 818 ราย จึงถือได้ว่าเป็นมณฑลที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศจีน
“เราได้มีการทุ่มเททั้งบุคลากร ค่าใช้จ่ายด้านทรัพยากรต่าง ๆ และมาตราการในการควบคุมและป้องกันโรคเพื่อจะทำให้มณฑลและในภูมิภาคอื่น ๆ ในประเทศจีนนั้นยังคงสามารถเปิดได้อย่างเสรี” นพ.หวูกล่าว
พร้อมเน้นย้ำว่า ถ้าหากไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการควบคุมในระดับท้องถิ่นเกิดขึ้น ก็จะส่งผลทำให้สูญเสียการควบคุมการระบาดไปในทั่วประเทศ
@เรายังมีความจำเป็นต้องใส่หน้ากากหรือไม่ ?
ทั่วทั้งโลกตอนนี้ยังคงต่อสู้เพื่อที่จะรับมือกับวิกฤติการระบาด
แม้ว่าประเทศจีนจะไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่แล้ว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีกรณีการระบาดที่มาจากการนำเข้าผู้ติดเชื้อเข้ามาในประเทศก็เป็นได้
“ดังนั้น เรายังคงต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโควิดอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติก่อนหน้านี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทั้งการฉีดวัคซีน การใส่หน้ากาก การล้างมืออย่างสม่ำเสมอ การเว้นระยะห่างทางสังคม และการหลีกเลี่ยงจากสถานที่ที่ฝูงชนจำนวนมากนั้นยังคงเป็นมาตรการที่ได้ผล” นพ.หวูกล่าว
และเน้นย้ำว่าถ้าหากไวรัสมีการกลายพันธุ์อีกครั้งหนึ่ง ถ้าหากเราทุกคนนั้นยังคงใส่หน้ากาก ยังคงล้างมืออย่างต่อเนื่อง และยังคงมีการเว้นระยะห่างทางสังคม การป้องกันผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 ก็จะยังคงมีประสิทธิภาพอยู่
ซึ่งความเห็นของ นพ.หวูนั้นสอดคล้องกับ นพ.จู หลี่กัว จากกับศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคมณฑลเจียงซู
โดย นพ.จูกล่าวว่า การสวมใส่หน้ากากและการล้างมืออย่างต่อเนื่องนั้นจะช่วงในการลดการแพร่เชื้อจากไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่มีศักยภาพในการติดเชื้อสูงผ่านทางระบบทางเดินหายใจ
@วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพอยู่หรือไม่?
มีรายงานว่าประเทศจีน สามารถแจกวัคซีนไปได้มากกว่า 1.94 พันล้านโดส ซึ่งจากการศึกษาเบื้องต้นเกี่ยวกับการระบาดในมณฑลกวางตุ้งนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่า วัคซีนที่ผลิตในประเทศจีนก็ยังคงมีประสิทธิภาพในการรับมือกับไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า
ประเทศจีนสามารถฉีดวัคซีนไปได้เกือบ 2 พันล้านโดส (อ้างอิงวิดีโอจากเซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์)
นพ.จง หนานซาน ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด ได้กล่าวถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่ผลิตในประเทศจีนว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อในประเทศอยู่ที่ 60 เปอร์เซ็นต์ต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์เดลต้า และมีประสิทธิภาพเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ต่อการป้องกันการเสียชีวิต
นอกจากนี้มีรายงานแสดงให้เห็นว่า ระดับผลภูมิคุ้มกันนั้นเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ถ้าหากมีการฉีดวัคซีนที่ผลิตในประเทศเป็นโดส 3 ห่างจากวัคซีนโดส 2 ไปแล้วเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือน
“ด้วยอัตราของประชากรมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่คาดว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนภายในช่วงสิ้นปีนี้ ประเทศนั้นสามารถเข้าสู่ภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นพ.จงกล่าว
@การตรวจหาเชื้อหมู่มากนั้นสามารถจะหยุดการแพร่กระจายของไวรัสได้อย่างไร ?
นพ.ฉู่ ไห่โบ้ ผู้เชี่ยวชาญจากสภาแห่งรัฐในการป้องกันการระบาดของไวรัสโควิด-19 และหนึ่งในทีมขับเคลื่อนมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 กล่าวว่า ประเทศจีนนั้นมีความสามารถในการควบคุมโรคระบาดได้เร็วขึ้นมากกว่าเดิม หลังจากที่มีการระบาดที่เมืองอู่ฮั่นในช่วงแรก
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าการมีกลไกการตรวจสอบทางกรดนิวคลีอิกอย่างรวดเร็ว ที่สามารถจะระบุทั้งตัวตนของผู้ติดเชื้อและควบคุมแหล่งต้นกำเนิดของการระบาด
โดยวิธีการทดสอบทางกรดนิวคลีอีกที่ว่านั้นก็สามารถที่จะหาตัวผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าได้อย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในการตรวจหาเชื้อหมู่มากในกลุ่มประชากรที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ทางรัฐบาลได้มีการใช้เทคโนโลยีการตรวจหากรดนิวคลีอิกและเพิ่มความถี่ในการตรวจควบคู่กันไปจึงทำให้สามารถตรวจพบบุคคลนั้นก่อนจะไปแพร่เชื้อได้มากขึ้น
นพ.จู ฉื่อตา ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการทดสอบกรดนิวคลีอิกฮูยาน ระบุว่า กระบวนการทดสอบหมู่มากในประเทศจีนนั้นมีการพัฒนาแนวคิดการทดสอบมาจากวิธีการลดขั้นตอนการจากสิบให้เหลือหนึ่ง ซึ่งวิธีการนี้จะทำให้ลดค่าใช้จ่ายในการตรวจหาเชื้อโควิดลงได้เป็นอย่างยิ่ง ถ้าหากเทียบกับการใช้หลอดทดสอบแบบปกติ
กระบวนการทดสอบทางกรดนิวคลีอิกเพื่อหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 (อ้างอิงวิดีโอจาก New China TV)
@ผลกระทบจะเป็นอย่างไรถ้าหากไม่มีการควบคุม?
มีการประเมินว่า ถ้าหากไวรัสนั้นมีการกลายพันธุ์และสามารถแพร่รระบาดไปได้ไกลขึ้น
ความพยายามในการควบคุมโรคระบาดทั้งหมดของประเทศจีนที่ได้ทำไว้เมื่อปีที่ผ่านมาก็จะเป็นการสูญเปล่า และผลกระทบกับความสูญเสียที่ตามมานั้นจะมากกว่าที่จินตนาการไว้มาก
นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ประเทศจีนมีความจำเป็นจะต้องใช้มาตรการหลีกเลี่ยง ไม่ให้เกิดการติดเชื้อเป็นจำนวนมากในประเทศ เพราะจะใช้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า
โดยทางการประเทศจีนคาดว่าถ้าหากมีมาตรการที่ถูกต้องแล้ว การดำเนินชีวิตของประชาชนก็จะยังดำเนินต่อไป โดยที่เศรษฐกิจก็จะสามารถมีผลประกอบการเป็นบวกได้
นพ.หวู ซุนยู ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า มาตรการการป้องกันและควบคุมของประเทศจีนนั้น สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของผู้คนและชีวิตก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะถือว่าเป็นสิ่งที่มีประสิทธิภาพดีที่สุดในการปกป้องชีวิตผู้คนอีกนับล้านครอบครัวและยังสามารถทำให้เศรษฐกิจไปต่อได้
เรียบเรียงจาก:https://en.imsilkroad.com/p/323403.html
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage