"...คนไข้โควิดที่ได้ยาฟ้าทะลายโจร 100 คน จะมีอาการรุนแรงติดเชื้อลงปอด มีอาการปอดบวม ปอดอักเสบ เพียง 1 คน ในขณะที่คนไข้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เหมือนกัน ถ้าไม่ได้กินยาฟ้าทะลายโจรจะมีโอกาสปอดอักเสบถึง 24% จึงสรุปได้ว่าลดอาการปอดบวม ปอดอักเสบได้ถึง 24 เท่า..."
--------------------------------
สถานการณ์โควิดในประเทศไทยระลอกล่าสุด มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ผกผันกับสถานการณ์เตียงที่ไม่สามารถเพิ่มได้ เนื่องจากทรัพยากรที่มีอย่างจำกัด รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ด้วย
กระทรวงสาธารณสุข จึงมีประกาศให้ผู้ป่วยกลุ่มสีเขียวที่สามารถดูแลตนเองได้และต้องรักษาตนเองอยู่ที่บ้าน (Home Isolation) เพื่อเป็นการลดจำนวนเตียงสีเขียว เพิ่มจำนวนเตียงสำหรับรองรับกลุ่มสีเหลืองและแดง โดยจะมีการจัดทีมแพทย์สำหรับติดตามอาการ และจัดส่งยารักษาอาการต่างๆ เช่น ยาฟ้าทะลายโจร ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) เป็นต้น
'ฟ้าทะลายโจร' นับเป็น 'สมุนไพรไทย' อีกหนึ่งแขนงของการรักษาแพทย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมมาก และผู้คนให้ความสนใจในรักษาโรคโควิด
นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยกับ สำนักขาวอิศรา (www.isranews.org) ว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้นำสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณที่จะสมารถต่อต้าน หรือป้องกันเชื้อไวรัสโควิด นำมาศึกษาทดลองตั้งแต่เริ่มมีการระบาด พบว่ามีสมุนไพรกว่า 10 ชนิดที่ทำการทดลองในห้องปฏิบัติการ มีศักยภาพป้องกัน หรือยับยั้งเชื้อไวรัสได้ โดยการทดลองคือ นำสารสกัดของสมุนไพรแต่ละชนิดมาทดสอบกับเซลล์เนื้อเยื่อปอด
จากผลการศึกษาในห้องปฏิบัติการ พบว่า 'กระชาย' เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณในการป้องกันเชื้อไวรัสโควิดได้ดีที่สุด แต่เนื่องจาก ยังไม่มีการศึกษาวิจัยการนำกระชายมาสกัดเป็นยา ส่วนใหญ่ใช้ในเชิงอาหาร ผลิตภณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องดื่ม จึงยังต้องใช้เวลาในการศึกษาพัฒนาสำหรับการใช้เป็นตำรับยา และจะต้องนำไปศึกษาวิจัยทางคลินิก หรือการรักษาในมนุษย์ต่อไป ขณะนี้จึงยังไม่มียากระชาย
@ 'ฟ้าทะลายโจร' ใช้รักษา ไม่ใช่ป้องกัน
นพ.ขวัญชัย กล่าวว่า สำหรับ ยาฟ้าทะลายโจรผลการศึกษาพบว่า ไม่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ ฉะนั้นการนำมาใช้ในเชิงป้องกันจึงไม่ได้ผล แต่ในการทดลองพบว่า มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อไวรัสไม่ให้เจริญเติบโจ แบ่งเซลล์ หรือเพิ่มจำนวนได้ ต่อมาจึงนำมาศึกษาต่อในทางคลินิก เมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา ที่โรงพยาบาลสมุทรปราการ ในผู้ป่วยโควิด 6 รายที่รักษาโดยยาฟ้าทะลายโจร ไม่ว่าจะมีอาการไข้ ไอเจ็บคอ ไม่ได้กลิ่น ไม่รู้รส อาการจะดีขึ้นภายใน 3-5 วัน และไม่มีผลข้างเคียง โดยจำนวนเชื้อไวรัสในร่างกายจะถูกกำจัดหมดไปภายใน 7 วัน
เบื้องต้นจึงได้ข้อสรุปว่า ยาฟ้าทะลายโจร สามารถเป็นยารักษาโควิดได้ รักษาหายไว รวมถึงกำจัดเชื้อในร่างกายได้เร็วขึ้น ลดการแพร่กระจายเชื้อได้มากขึ้น แต่ในขณะนั้น ประเทศไทยสามารถคุมการระบาดของโรคได้ดี จึงไม่มีผู้ป่วย การศึกษาในภาคคลินิกจึงต้องหยุดชะงักไป
ต่อมาในช่วงเดือน ธ.ค.2563 มีการระบาดระลอกใหม่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร จึงได้นำยาฟ้าทะลายโจรมาศึกษาวิจัยในภาคคลินิกต่อจนสามรถทราบถึงขนาดโดสของยาที่ชัดเจน ได้ข้อสรุปว่า ยาฟ้าทะลายโจรทีมีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ขนาด 180 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถลดอาการรุนแรงที่จะลุกลามไปจนทำให้เกิดปอดอักเสบ ลดลงมาเหลือแค่ 1%
"คนไข้โควิดที่ได้ยาฟ้าทะลายโจร 100 คน จะมีอาการรุนแรงติดเชื้อลงปอด มีอาการปอดบวม ปอดอักเสบ เพียง 1 คน ในขณะที่คนไข้ที่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ เหมือนกัน ถ้าไม่ได้กินยาฟ้าทะลายโจรจะมีโอกาสปอดอักเสบถึง 24% จึงสรุปได้ว่าลดอาการปอดบวม ปอดอักเสบได้ถึง 24 เท่า"
(นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก)
@ ราคาถูกกว่า 'ฟาวิพิราเวียร์' 10 เท่าตัว
นพ.ขวัญชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาฟ้าทะลายโจรได้ขึ้นทะเบียนเป็นบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร สำหรับรักษาผู้ติดเชื้อโควิด โดยใช้รักษาร่วมกับยาแผนปัจจุบันอื่นๆ เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ ยาฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถรักษาโควิดได้เท่าเทียบกับยาฟาวิพิราเวียร์ และมีราคาถูกกว่า เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายยาสำหรับผู้ป่วย 1 คน ตลอดการรักษา พบว่า ยาฟาวิพิราเวียร์ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 4,800-5,000 บาท ส่วนยาฟ้าทะลายโจร แม้จะขึ้นราคา มีค่าใช้จ่ายประมาณ 300-400 บาท ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่างกันถึง 10 กว่าเท่า
@ กินวันละ 3 มื้อ ติดต่อกัน 5 วัน
นพ.ขวัญชัย กล่าวถึงการใช้ยาฟ้าทะลายโจรว่า แนะนำให้รับประทานทันทีเมื่อรู้ว่าสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย หรือกลุ่มเสี่ยง ไม่ต้องรอให้มีอาการ และถือว่าเป็นยาที่มีความปลอดภัยสูง ทั้งนี้แนะนำให้รับประทานยาฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน โดยแบ่งเป็น 3 มื้อ และรับประทานติดต่อกัน 5 วัน
แต่ทั้งนี้ มีข้อความระวังคือ ห้ามใช้ในผู้หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากไม่มีผลการศึกษาว่าสมุนไพรจะส่งผลเสียต่อบุตรอย่างไรบ้าง และห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาฟ้าทะลายโจร หากมีอาการแพ้ เช่น เกิดผื่น ลมพิษ หน้าบวม ริมฝีปากบวม ให้หยุดใช้ยาทันที และหากใช้ติดต่อกัน 3 วัน อาการไม่ดีขึ้นหรือมีอาการรุนแรงมากขึ้น ควรหยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ อีกทั้งการใช้ยาติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้แขน ขาชา หรือ อ่อนแรงได้
@ เตือนระวังยาปลอม
นพ.ขวัญชัย กล่าวเน้นย้ำว่า ปัจจุบัน ยาฟ้าทะลายโจร เป็นที่ต้องการมากในท้องตลาด อาจจะมีการขึ้นราคาที่สูงขึ้น อีกทั้งอาจจะมีมิจฉาชีพ ปลอมแปลงนำสมุนไพรอื่นๆ มาเจือปน เช่น สะเดา ที่มีสีเขียว และรสชาดขมคล้ายกัน ซึ่งถือว่าเป็นยาปลอม และผิดกฏหมาย อีกทั้งสรรพคุณก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้น จึงขอเตือนประชาชน หากจะซื้อยา ควรซื้อกับแหล่งที่น่าเชื้อถือ ร้านขายยา ร้านสะดวกซื้อ และสังเกตุเลขทะเบียนขออนุญาตที่ข้างกล่องบรรจุภัณฑ์ ซึ่งสามารถนำมาตรวจสอบได้ที่เว็บไซต์ สำนักงานคณะกรรการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
@ เครื่องต้มยำ บรรเทาอาการโควิดได้
นพ.ขวัญชัย กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ ยังมีตำรับยาสมุนไพรอื่นๆ ที่ใช้รักษาบรรเทาอาการโควิดได้ด้วยเช่นกัน คือ น้ำสมุนไพรตรีผลา ประกอบด้วย ลูกสมอไทย ลูกสมอพิเภก และลูกมะขามป้อม จากผลการศึกษาวิจัย พบว่ามีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ให้กับผู้ป่วยโควิด ในระยะเริ่มต้น เช่นเดียวกับการสุมยา ด้วยตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง ข่า หรือเครื่องต้มยำ ก็มีสรรพคุณช่วยในเรื่องระบบขับเสมหะเช่นเดียวกัน โดยการขับเสมหะ เป็นระบบที่ร่างกายจะดักจับเชื้อไวรัส และขับออกมา จึงจะช่วยบรรเทาให้อาการเจ็บป่วยดีขึ้นได้
ปัจจุบัน กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้จัดทีมแพทย์แผนไทยใจอาสา ออกเยี่ยมบ้านผู้ป่วยโควิด กลุ่มสีเขียว เพื่อแจกยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจร น้ำสมุนไพรตรีผลา และน้ำกระชาย เพื่อใช้รักษาอาการโควิด ในระยะเริ่มต้น คาดว่าจะแจกจ่ายให้กับผู้ป่วยในชุมชนที่มีการแพร่ระบาด จำนวน 2,250 คน เบื้องต้นได้แจกไปแล้วที่เทศบาลตำบลไทรน้อย อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี
@ ไม่แนะนำให้กินเพื่อป้องกัน-ไม่มีหลักฐานยืนยันประสิทธิผล
เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2564 ภญ.นพมาศ สุนทรเจริญนนท์ ประธานวิทยาลัยเภสัชกรรมสมุนไพรแห่งประเทศไทย สภาเภสัชกรรม ออกแถลงการณ์ เรื่อง การใช้ยาฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรในผู้ป่วยโควิด โดยระบุเป็น 6 ข้อ มีรายละเอียดดังนี้
1. สนับสนุนให้ใช้ยาฟ้าทะลายโจรตามบัญชียาหลักแห่งชาติด้านสมุนไพร และแนวทางการรักษาโควิดของกรมการแพทย์ ในผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย เพื่อลดความรุนแรงของโรค โดยให้ยาฟ้าทะลายโจรที่มีปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งให้วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร เป็นเวลา 5 วัน โดยต้องเริ่มยาให้เร็วที่สุด
2. ไม่สนับสนุนการใช้ยาฟ้าทะลายโจรในการป้องกันการติดเชื้อ หรือเสริมภูมิคุ้มกันเพื่อหวังผลป้องกันการติดเชื้อ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานยืนยันประสิทธิผล และเพื่อให้มียาฟ้าทะลายโจรเพียงพอสำหรับผู้ป่วยที่มีความจำเป็นต้องใช้ให้ได้เข้าถึงยา รวมทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดพิษต่อตับที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาต่อเนื่องเป็นเวลานาน
3. สนับสนุนให้ผู้ผลิตยาได้เร่งแก้ไขฉลากยา โดยให้ระบุปริมาณสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่ได้รับต่อหนึ่งหน่วยบริโภคบนฉลากอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับขนาดยาที่ถูกต้อง รวมทั้ง ระบุข้อห้ามใช้ ให้ถูกต้องตามที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กำหนด
4. สนับสนุนให้เภสัชกรมีบทบาทในการจัดเก็บข้อมูลประสิทธิผลและความปลอดภัยของยาฟ้าทะลายโจรและสมุนไพรอื่น ๆ ที่มีการนำมาใช้รักษาหรือป้องกันโรคโควิดอย่างเป็นระบบ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการใช้ยาสมุนไพรที่ปลอดภัย
5. เสนอให้ยาฟ้าทะลายโจรเป็นสินค้าควบคุมราคา เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงยารักษาโรคที่จำเป็นในภาวะฉุกเฉิน
6. สนับสนุนให้มีการนำอาหารสมุนไพร ได้แก่ กระชาย ขิง ขมิ้นชัน มะขามป้อม และอื่น ๆ มาใช้ในการส่งเสริมสุขภาพ สร้างเสริมภูมิคุ้มกันในรูปแบบของอาหาร และปริมาณการบริโภคแบบอาหาร เพื่อความปลอดภัยของการบริโภค
ทั้งหมดนี้ คือประเด็นที่น่าสนใจของการนำสมุนไพรไทยมา ป้องกัน รวมถึงรักษาโควิด ร่วมกับแพทย์แผนปัจจุบัน ทั้งนี้ การใช้ยาสมุนไพรใดๆ จะต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม และภายใต้การดูแลของแพทย์
ภาพประกอบจาก: kapook.com
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage