"...ข้อดีอีกประการหนึ่งของการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นที่หนึ่งในพนักงานบริษัทต่างชาติระบุถึงก็คือ สามารถทำให้หน่วยงานรัฐนั้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มบรรดาบริษัทต่างชาติได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยความเชื่อที่ว่าหน่วยงานรัฐนั้นจะยังคงสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ถ้าหากมีวิกฤติร้ายแรงเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เงินไม่สามารถจะซื้อได้ ..."
..............................
คำว่า "อู่ฮั่นโมเดล" กำลังกลายเป็นที่สนใจของสังคมไทย!
เมื่อ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 64 ที่ผ่านมาว่า ถ้าหากอีก 2 สัปดาห์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะไม่ลดลง จะต้องเพิ่มมาตรการที่เข้มขึ้นเพื่อควบคุมการระบาด แต่หากตัวเลขผู้ติดเชื้อยังสูงต่อเนื่องใน 2 เดือน ก็มีแนวโน้มจะใช้มาตรการคล้ายเมืองอู่ฮั่นของจีน
น่าสนใจว่า "อู่ฮั่นโมเดล" ของจีน เป็นอย่างไร?
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) สืบค้นข้อมูลสื่อออนไลน์ในต่างประเทศพบว่า มีการระบุว่ามาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด ของเมืองอู่ฮั่น หรือ อู่ฮั่นโมเดล ไว้ดังนี้
เป็นระยะเวลานานกว่า 1 ปีแล้ว ที่เมืองอู่ฮั่นได้เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ 76 วัน ซึ่งมาตรการล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่นนั้นถือว่าเป็นหนึ่งในมาตรการที่มีความเข้มข้นมากที่สุดในโลก ขณะที่เมืองอู่ฮั่นถูกระบุว่าเป็นสถานที่เริ่มต้นของการระบาดของไวรัสโควิด-19
โดยมาตรการล็อกดาวน์ของเมืองอู่ฮั่นนั้น เริ่มตั้งแต่เวลา 02.00 น.ของวันที่ 2 ม.ค. 2563 ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการประกาศล็อกดาวน์นั้น ทางการเมืองอู่ฮั่นได้มีการส่งข้อความไปยังสมาร์ทโฟนทุกเครื่องของประชาชนว่า “ห้ามไม่ให้ใครเข้าหรือออกเมืองอู่ฮั่น”
ทีมข่าวของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรีบหนีจากเมืองอู่ฮั่นหลังจากมีการประกาศล็อกดาวน์ (อ้างอิงวิดีโอจากซีเอ็นเอ็น)
สำหรับเมืองอู่ฮั่นที่มีประชากรกว่าสิบล้านคนนั้น การล็อกดาวน์เมืองถือว่าเป็นสิ่งที่โหดร้ายสำหรับชาวเมืองมาก เมื่อเทียบกับกรณีการใช้มาตรการล็อกดาวน์กรุงลอนดอน
โดยผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองจะได้รับอนุญาตให้ออกจากที่อยู่อาศัยเพียงเพื่อที่จะซื้ออาหารหรือทำกิจกรรมที่คิดว่าจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น และถ้าหากมีผู้ที่มีผลตรวจโควิดเป็นบวก ที่อยู่อาศัยในโซนนั้น ทุกคนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะถูกบังคับให้ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างสิ้นเชิง ร้านสะดวกซื้อในพื้นที่จะทำได้แค่ส่งของไปยังที่อยู่อาศัยเท่านั้น
นอกจากนี้ผู้อยู่อาศัยบางคนยังได้เล่าประสบการณ์ให้ฟังว่าบางทีก็มีการวางรั้วลวดหนาม รอบ ๆ คอนโดที่อยู่อาศัย เพื่อห้ามเข้าออกพื้นที่โดยสิ้นเชิง
“การล็อกดาวน์เป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวดมาก” ผู้อยู่อาศัยในโซนพบเชื้อโควิดของเมืองอู่ฮั่นรายหนึ่งระบุ
การล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่นนั้นถือว่าเป็นมาตรการที่มีความเข้มข้นและหนักหน่วงกว่าอีกหลายเมืองในประเทศจีน แต่ก็เป็นไปด้วยเหตุผลที่ดี เพราะถ้าหากดูจากข้อมูลสถิติของทางรัฐบาล จะพบว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จากไวรัสโควิด ของประเทศจีนนั้นเกิดขึ้นในเมืองอู่ฮั่นเป็นส่วนใหญ่ ด้วยจำนวนผู้เสียชีวิตที่มีอยู่ประมาณกว่า 4,500 ราย
จึงทำให้ได้ข้อสรุปว่าฝันร้ายแห่งการล็อกดาวน์ดังกล่าวนั้นมีขึ้นก็เพื่อที่จะทำให้สามารถควบคุมการระบาดของไวรัสได้
ซึ่งผลจากการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้นดังกล่าว ก็ทำให้เมืองอู่ฮั่นกลับมาเปิดเมืองเป็นครั้งแรกในช่วงเดือน เม.ย. 2563 ในขณะที่เมืองอื่น ๆ หลายแห่งทั่วโลนกลับยังอยู่ในภาวะการล็อกดาวน์ และเป็นเช่นนั้นตลอดปี 2563
โดยประชาชนของเมืองอู่ฮั่นนั้นสามารถกลับไปใช้ชีวิตตามปกติเหมือนในช่วงก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัสโควิดได้ในที่สุด
หนึ่งเดือนหลังจากล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น (อ้างอิงวิดีโอจาก CGTN)
@การกลับมาของภาคธุรกิจที่ค่อนข้างรวดเร็วในเมืองอู่ฮั่น
การล็อกดาวน์อย่างรุนแรงในเมืองอู่ฮั่นนั้นอาจจะเป็นสิ่งที่ให้ผลดีคืนกลับมาเร็วขึ้น
โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจของเมืองและของประเทศจีนที่มีรายงานว่าสามารถกลับมาเติบโตได้เหนือประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหมด นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศจีน จึงเป็นประเทศเดียวที่มีรายงานว่ามีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2563 ที่ผ่านมา
จากการสัมภาษณ์ประชาชนผู้อยู่อาศัยในเมืองเมื่อช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีรายงานว่าวิถีชีวิตและธุรกิจนั้นกลับมาเป็นเหมือนปกติแล้ว โดยเฉพาะในเรื่องธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ของเมืองอู่ฮั่น
แม้ว่า ณ เวลานี้จะยังไม่กลับมาเติบโต 100 เปอร์เซ็นต์ เหมือนกับตอนก่อนการระบาด แต่ก็มีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ในขณะที่อัตราการผลิตภายในเมืองอู่ฮั่นนั้นก็สามารถกลับมาอยู่ที่ระดับเดียวกับช่วงก่อนการระบาดได้อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่อัตราการผลิตจากนานาชาติยังคงอยู่ในทิศทางขาลงอยู่
ขณะที่บริษัทต่างชาติในเมืองอู่ฮั่นเองต่างก็มีทิศทางที่เป็นบวกกับการล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น โดยเชื่อมั่นว่าเพราะการล็อกดาวน์ที่เข้มข้นดังกล่าวนั้นทำให้บริษัทสามารถกลับมาดำเนินกิจการในเมืองได้อย่างรวดเร็ว และดียิ่งกว่าก่อนที่จะมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เสียอีก
ทั้งนี้ ข้อดีอีกประการหนึ่งของการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นที่หนึ่งในพนักงานบริษัทต่างชาติระบุถึงก็คือ สามารถทำให้หน่วยงานรัฐนั้นสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มบรรดาบริษัทต่างชาติได้เป็นผลสำเร็จ ด้วยความเชื่อที่ว่าหน่วยงานรัฐนั้นจะยังคงสามารถเป็นที่พึ่งพาได้ถ้าหากมีวิกฤติร้ายแรงเกิดขึ้น
ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่เงินไม่สามารถจะซื้อได้
นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่าทางรัฐบาลท้องถิ่นเมืองอู่ฮั่นมีการให้การสนับสนุนครั้งใหญ่กับบริษัทต่างชาติในช่วงที่เกิดการระบาดครั้งใหญ่ด้วยเช่นกัน
บรรยากาศ 1 ปี หลังล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่น (อ้างอิงวิดีโอจาก Today)
@ การล็อกดาวน์ของเมืองอู่ฮั่นกับผลกระทบต่อสุขภาพจิต
ทั้งนี้แม้ว่าการล็อกดาวน์เมืองอู่ฮั่นจะถือว่าเป็นชัยชนะสำหรับภาคเศรษฐกิจจีน แต่ก็มีประเด็นคำถามตามมาถึงราคาที่ต้องจ่ายเหมือนกัน
โดยที่ผ่านมานั้น สื่อของทางรัฐบาลจีนมักจะยกภาพว่าเมืองอู่ฮั่นเป็นวีรบุรุษ และมักจะเล่าเรื่องความสำเร็จของเมืองอู่ฮั่น
อย่างไรก็ตาม นางกัวจิง (Guo Jing) นักสังคมสงเคราห์ในเมืองอู่ฮั่น และเป็นผู้ที่เขียนไดอารี่เกี่ยวกับการล็อกดาวน์ได้เล่าให้เห็นมุมมองของการล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้น ว่า
“เราไม่อาจจะพูดถึงสิ่งที่เมืองนี้ผ่านมาได้ เมื่อผู้คนไม่สามารถบอกเล่าถึงเรื่องราวที่ผ่านมาได้ สิ่งที่เกิดขึ้นมันก็จะไม่หายไป อาการบาดเจ็บทางจิตใจ ก็จะยังคงอยู่ตลอดไป” นางกัวจิงกล่าว
มีรายงานว่ามีประชาชนในเมืองอู่ฮั่นนั้นถูกเตือนว่าห้ามให้ข้อมูลใด ๆ ก็ตาม กับสื่อจากต่างชาติ
โดยเฉพาะการบอกเล่าถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นจากการล็อกดาวน์
“ผู้คนที่อาศัยในเมืองอู่ฮั่นมีความเดือดร้อนมาก มีผู้คนเสียชีวิตจำนวนมาก และเราต้องอาศัยอยู่ในเมืองเป็นระยะเวลายาวนาน ถ้าหากคุณถูกแยกตัวเป็นระยะเวลายาวนาน คุณก็คงจะเป็นบ้าเหมือนกัน” ชาวเมืองอู่ฮั่นคนหนึ่งระบุกับสำนักข่าวเอ็นพีอาร์
ทั้งนี้ ถ้าหากตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการล็อกดาวน์ในหลาย ๆ เมือง จะพบว่าประเด็นเรื่องผลกระทบทางลบในด้านจิตวิทยานั้นเป็นเรื่องไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย หากจะต้องมีการล็อกดาวน์เกิดขึ้น
เรียบเรียงจาก:https://investmentmonitor.ai/insights/opinion-wuhan-lockdown-effective
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage