เครือเจริญโภคภัณฑ์ คว้าประกาศเกียรติคุณโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก หรือ LESS จากการส่งเสริมโครงการสบขุ่นโมเดล กาแฟสร้างป่า กักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยโลกลดภาวะโลกร้อน ช่วยให้ชุมชนมีส่วนร่วมสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมมีอาชีพที่ยั่งยืน
.................................
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครัฐ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า เครือเจริญโภคภัณฑ์ ดำเนินการสนับสนุนพื้นที่ต้นน้ำ ปิง วัง ยม น่าน รวมถึงพื้นที่บ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน มาตั้งแต่ปี 2559 เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวและปกป้องฟื้นฟูระบบนิเวศ ด้วยการปลูกต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นต้นเหตุสำคัญของภาวะโลกร้อน และลดภาวะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ตลอดจนทำให้ชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงมีอาชีพที่ยั่งยืนได้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 2564 เครือเจริญโภคภัณฑ์ผ่านการรับรองตามมาตรฐานและได้รับใบประกาศเกียรติคุณจากโครงการสนับสนุนกิจกรรมลดก๊าซเรือนกระจก หรือ LESS (Low Emission Support Scheme) จากการส่งเสริมโครงการสบขุ่นโมเดล กาแฟสร้างป่า กักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ จากพื้นที่ 420 ไร่ และความสามารถในการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้กว่า 5,059.534 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากการวัดค่าเฉพาะไม้ป่าหรือไม้ยืนต้น อาทิ ต้นพังแหร (ต้นปอสร้อย) ต้นมะหาด ต้นประดู่ ต้นอลาง ต้นงิ้วป่า ต้นมะเดื่อ เพื่อสร้างป่าไปพร้อมกับกาแฟ ที่สามารถกักเก็บค่าบอนไดออกไซด์ได้จริงและมีประสิทธิภาพ สะท้อนให้เห็นว่าบ้านสบขุ่นสามารถฟื้นคืนป่ากลับมาได้สำเร็จอย่างยั่งยืน จากอดีตที่เคยแห้งแล้ง ชาวบ้านส่วนใหญ่ซึ่งมีอาชีพทำไร่ข้าวโพด กลับกลายเป็นผืนป่าต้นน้ำที่ชุ่มชื้น ได้สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และสร้างป่าให้กลับคืนมา
เครือเจริญโภคภัณฑ์ ได้สนับสนุนโครงการสบขุ่นโมเดล โดยการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่แก่ชาวบ้านในการปลูกกาแฟและพืชผสมผสาน เพื่อลดพื้นที่ป่าที่ต้องถูกทำลายจากการทำไร่เลื่อนลอย ซึ่งกาแฟเป็นพืชที่ต้องการร่มเงาในการเติบโต จึงต้องปลูกไม้พี่เลี้ยงที่สร้างร่มเงา อีกทั้งที่นี่ทำเกษตรกรรมแบบครอบครัว ซึ่งการปลูกกาแฟไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากเท่ากับการทำไร่ข้าวโพดที่ต้องอาศัยการปลูกเยอะ ๆ เพื่อให้ได้ค่าตอบแทนที่คุ้มค่า ดังนั้น พื้นที่บางส่วนจึงละไว้ให้ธรรมชาติได้ฟื้นตัว เรียกว่า ‘การละเหล่า’ หรือ ทฤษฎีการปลูกป่าโดยไม่ต้องปลูกตามหลักการฟื้นฟูสภาพป่าด้วยวัฎธรรมชาติ
ทั้งนี้ ปัจจุบันบ้านสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน สามารถสร้างป่า สร้างอาชีพ โดยมีสมาชิก 93 ครัวเรือน มีรายได้จากการขายกาเเฟเชอรี่ 491,686 บาท ได้พื้นที่ป่ากลับมา 1,998 ไร่ วันนี้สบขุ่นไม่ได้เป็นเพียงหมู่บ้านจากขุนเขาที่ปลูกกาแฟและสร้างป่า แต่บ้านสบขุ่นยังสามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยโลกด้วยการกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ลดโลกร้อนได้อีกด้วย