ศาลยุติธรรมหนุนไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ อำนวยความสะดวกประชาชนไม่ต้องเดินทางมาศาล ช่วงโควิด-19 เผยทำสำเร็จมาแล้วหลายหมื่นคดี
..........................
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2564 นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานศาลยุติธรรมได้กำหนดนโยบายในการสนับสนุนและพัฒนาระบบ “ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์” โดยนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่คู่พิพาทหรือคู่ความในการยุติข้อพิพาท ไม่ว่าจะเป็นการไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องคดีตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 20 ตรี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ผ่านมา หรือการไกล่เกลี่ยภายหลังจากที่มีการยื่นฟ้องคดี ซึ่งเป็นการไกล่เกลี่ยที่เกิดขึ้นระหว่างการพิจารณาคดีนั้น
โดยขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันได้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID-19)ระลอกใหม่ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล ไม่กล้าออกจากบ้าน ศาลยุติธรรมจึงได้นำระบบการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์มาใช้ในการยุติหรือระงับข้อพิพาทควบคู่กับการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามปกติและการพิจารณาคดีในศาล เพื่อช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้โดยสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ลดความแออัดในการใช้ห้องประชุม ลดการเผชิญหน้า โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาศาล อีกทั้งยังทำให้คู่พิพาทหรือคู่ความสมัครใจและเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทมากขึ้น
สำหรับคู่พิพาทหรือคู่ความที่ประสงค์จะให้ศาลดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์นั้น สามารถยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ต่อศาลที่มีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีหรือต่อศาลที่คู่กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาล ทั้งยังสามารถยื่นคำร้องผ่านระบบ e–filing ในกรณีชั้นก่อนฟ้องคดีต่อศาล หรือยื่นคำร้องผ่านระบบบริการออนไลน์ศาลยุติธรรม (CIOS)
ในกรณีคดีอยู่ระหว่างการพิจารณา เมื่อศาลรับคำร้องและตั้งเป็นสำนวนไกล่เกลี่ยแล้ว ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประจำศาลจะสอบถามความประสงค์ในการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทและวันเวลาที่สะดวกในการไกล่เกลี่ยข้อพาทไปยังผู้ถูกร้อง พร้อม QR Code ในการตอบรับการเข้าร่วม เมื่อคู่ความหรือผู้ถูกร้องตอบรับเข้าร่วมการไกล่เกลี่ยแล้ว ศาลจะดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทผ่านจอภาพหรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ตามความสมัครใจของคู่พิพาทหรือคู่ความ ไม่ว่าจะเป็น การประชุมทางโทรศัพท์ , Video/Web Conference , แอปพลิเคชั่นLine , โปรแกรม Zoom , โปรแกรม Microsoft Teams และหากคู่พิพาทหรือคู่ความสามารถตกลงกันได้ ศาลจะดำเนินการจัดทำบันทึกข้อตกลงหรือสัญญาประนีประนอมยอมความ ตามวันเวลาที่คู่พิพาทหรือคู่ความสะดวกมาศาลต่อไป
ทั้งนี้ ในการให้บริการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ ศาลยุติธรรมได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ที่ผ่านมา โดยจากรายงานสถิติการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาทคดีออนไลน์ (คดีแพ่ง คดีผู้บริโภค และคดีอาญา) ปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 ถึงเดือนกันยายน 2563 พบว่ามีปริมาณคดีที่เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยออนไลน์ทั้งหมด 22,824 คดี สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 19,531 คดี (คิดเป็นร้อยละ 85.57) มีศาลที่ดำเนินการทั้งหมดจำนวน 221 ศาล
และในปีงบประมาณพ.ศ. 2564 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 ถึงปัจจุบัน (18 มกราคม 2564) มีปริมาณคดีที่เข้าสู่ระบบไกล่เกลี่ยออนไลน์ทั้งหมด 12,807 คดี สามารถไกล่เกลี่ยสำเร็จ 11,153 คดี (คิดเป็นร้อยละ 87.09 )และมีศาลดำเนินการทั้งหมด 229 ศาล
โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ นับได้ว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อคู่พิพาทและคู่ความที่จะได้รับความสะดวก รวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายทางคดี และลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางโดยนำเทคโนโลยีออนไลน์มาช่วยสนับสนุน อีกทั้งยังสอดรับนโยบายการบริหารงานศาลยุติธรรม ของนางเมทินี ชโลธร ประธานศาลฎีกา ในเรื่องของการลดขั้นตอน ลดภาระค่าใช้จ่าย ลดระยะเวลาในการดำเนินคดี และให้โอกาสประชาชนเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเสมอภาคทั่วถึง โดยสำนักงานศาลยุติธรรมตั้งเป้าหมายที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการใช้การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ให้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 10 ของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์อีกด้วย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage