‘กัลฟ์’ รับ 5 ประกาศนียบัตรรับรองวอเตอร์ฟุตพรินต์จากงาน ‘Eco Innovation Forum 2020’ ในฐานะองค์กรที่บริหารที่จัดการทรัพยากรน้ำได้ยั่งยืนตามมาตรฐานสากล
................................
บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ กัลฟ์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการบริหารจัดการทรัพยากรและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้า ล่าสุด กลุ่มบริษัทกัลฟ์ได้รับประกาศนียบัตรวอเตอร์ฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ (Water Footprint of Product) รวม 5 ใบจากสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในงานสัมมนาวิชาการ “Eco Innovation Forum 2020” ตอกย้ำศักยภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยั่งยืนตามมาตรฐานสากล มุ่งดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับความใส่ใจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและความรับผิดชอบต่อสังคม พร้อมลดการใช้ทรัพยากร รวมถึงลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อมุ่งสู่สังคมคาร์บอนต่ำในอนาคต
กัลฟ์มีมาตรการให้โรงไฟฟ้าทุกแห่งที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ครบ 1 ปี ต้องเข้าร่วมโครงการประเมินวอเตอร์ฟุตพรินต์ ซึ่งกระบวนการนี้ทำให้ทราบว่าแต่ละโรงไฟฟ้าใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใดในทุกขั้นตอนของการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้แผนการใช้น้ำเป็นไปอย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยงของปัญหาการขาดแคลนน้ำได้ โดยในปีนี้มีโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทกัลฟ์รวม 5 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าตาสิทธิ์ 1-4 และโรงไฟฟ้าวังตาผิน จ.ระยองที่ผ่านการรับรองการประเมินวอเตอร์ฟุตพรินต์ของผลิตภัณฑ์ โดยตั้งแต่ปีพ.ศ. 2561 มีโรงไฟฟ้าของกลุ่มบริษัทฯ และภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทฯ รวม 19 แห่ง ที่ได้รับประกาศนียบัตรนี้แล้ว
งานสัมมนาวิชาการ “Eco Innovation Forum 2020” ประจำปี 2563 นี้ จัดโดยนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ภายใต้แนวคิด “ปรับตัวให้อยู่รอด ทางออกอุตสาหกรรม 4.0 ในยุค New Normal” เพื่อมอบโล่เกียรติยศและใบประกาศเกียรติคุณแก่นิคมอุตสาหกรรม ท่าเรืออุตสาหกรรม และโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศในระดับต่างๆ รวมถึงบริษัทที่มีการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเป็นไปตามมาตรฐานสากล