เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) ร่วมกับ 3 กลุ่มนักลงทุนระดับภูมิภาค ได้แก่ Monk’s Hill Ventures, Golden Gate Ventures และ Insignia Ventures Partners ประกาศผลผู้ชนะเลิศสองทีมที่สามารถนำเสนอไอเดียธุรกิจชนะใจคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและมีชื่อเสียงใน Venture Capital ระดับสากล จนคว้ารางวัลมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 15 ล้านบาท จากโครงการ “SCB 10X We Are In This Together”
เอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) ร่วมกับ 3 กลุ่มนักลงทุนระดับภูมิภาค ได้แก่ Monk’s Hill Ventures, Golden Gate Ventures และ Insignia Ventures Partners ประกาศผลผู้ชนะเลิศสองทีมที่สามารถนำเสนอไอเดียธุรกิจชนะใจคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิและมีชื่อเสียงใน Venture Capital ระดับสากล จนคว้ารางวัลมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 15 ล้านบาท จากโครงการ “SCB 10X We Are In This Together” ได้แก่ ทีม ARIS เจ้าของไอเดียระบบจัดการการขายผ่านไลฟ์ให้ธุรกิจสามารถไลฟ์ได้แบบมืออาชีพด้วยการนำภาพสินค้าขึ้นแสดงขณะไลฟ์บนโซเชียลมีเดีย และปิดการขายอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบแบบไร้คนด้วยแชทบอท และ ทีม Vonder กับไอเดียในการแก้ปัญหาการเรียน e-learning ผ่าน VDO ด้วยแพลตฟอร์มที่สามารถการจัดการความรู้ผ่านแชทบอท สร้างบทเรียนในรูปแบบ microlearning รวมถึงการสร้างแบบสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลเชิงลึกของผู้ใช้งานภายในเครื่องมือเดียว โดยรูปแบบธุรกิจของทั้งสองทีมสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้คนที่เปลี่ยนไป รวมถึงต่อยอดธุรกิจให้เติบโตในโลกยุคหลังโควิด-19
ดร.อารักษ์ สุธีวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด และผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “สิ่งหนึ่งที่เราเห็นและเรียนรู้จากการเกิดขึ้นของโควิด-19 คือ พฤติกรรมของผู้คนเปลี่ยนไป หันมาใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลกันมากขึ้น หลังจากโควิด-19 ผ่านพ้นไปภาพโครงสร้างทางเศรษฐกิจ พฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนรูปแบบการทำธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง เราจะได้เห็น New Normal ใหม่ ๆ เกิดขึ้น เราจะเห็นบริษัทเกิดใหม่ที่มีรูปแบบการทำธุรกิจที่แตกต่างจากปัจจุบันเกิดขึ้นมากมายใน 1 – 2 ปีข้างหน้านี้ และด้วยบทบาทองค์กรของ SCB 10X ที่มุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการคิดและทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นหรือมีมาก่อนผ่านการลงทุนทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่าง ๆ ที่สามารถสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงบทบาทในการสนับสนุนเทคสตาร์ทอัพไทยให้สามารถพัฒนาศักยภาพและเติบโตยิ่งขึ้น ซึ่งโครงการ “SCB 10X We Are In This Together” ที่เราจัดขึ้นในครั้งนี้เพื่อมุ่งเป็นส่วนหนึ่งในการให้ความช่วยเหลือและผลักดันสตาร์ทอัพไทยให้ได้รับโอกาสในการนำเสนอไอเดียธุรกิจเพื่อสร้างรากฐานทางธุรกิจเพื่อการเติบโตและสร้างเครือข่ายสตาร์ทอัพที่แข็งแกร่ง อันเป็นการเตรียมความพร้อมในการต่อยอดและขับเคลื่อนธุรกิจในโลกยุคหลังโควิด-19 ต่อไป”
นางมุขยา พานิช Chief Venture and Investment Officer บริษัท เท็นเอกซ์ จำกัด กล่าวว่า “เราได้ทำการคัดเลือกและเฟ้นหาสองทีมผู้ชนะจากสตาร์ทอัพไทยที่ผ่านเข้ารอบสุดท้ายของโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 10 ทีม ให้นำเสนอรูปแบบธุรกิจที่น่าสนใจผ่านรูปแบบออนไลน์ พิชชิ่ง ต่อคณะกรรมการที่มีชื่อเสียงใน Venture Capital ระดับสากล จาก 3 บริษัทชั้นนำ ได้แก่ บริษัท Monk’s Hill Ventures บริษัท Golden Gate Ventures และบริษัท Insignia Ventures Partners นับเป็นโอกาสอันดีที่สตาร์ทอัพไทยจะได้รับคำแนะนำอันเป็นประโยชน์โดยตรงจากผู้ทรงคุณวุฒิที่มากไปด้วยประสบการณ์และได้รับการยอมรับในแวดวงสตาร์ทอัพ เพื่อนำไปปรับใช้กับแผนธุรกิจเพื่อเตรียมความพร้อมในการต่อยอดหลังวิกฤตโควิดผ่านพ้นไป โดยสองทีมที่ชนะเลิศในโครงการฯ นี้ ได้แก่ ARIS ที่นำเสนอระบบการจัดการการขายผ่านไลฟ์ให้ธุรกิจสามารถไลฟ์ได้แบบมืออาชีพด้วยการนำภาพสินค้าขึ้นแสดงขณะไลฟ์บนโซเชียลมีเดีย และปิดการขายอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบแบบไร้คนด้วยแชทบอท และทีม Vonder กับการนำเสนอช่องทางในการสร้าง Microengagement แบบครบวงจรเพื่อแก้ปัญหาการเรียน e-learning ผ่าน VDO โดยทั้งสองทีมมีความโดดเด่นในเรื่องของโซลูชันที่นำมาใช้ รูปแบบธุรกิจมีความแข็งแกร่งสามารถนำมาใช้แก้ปัญหาและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในยุคโควิด และมีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดเพื่อขยายธุรกิจสู่ต่างประเทศได้อีกด้วย”
ทีม ARIS (เอริส) ระบบจัดการการขายผ่านไลฟ์ เครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถไลฟ์ได้แบบมืออาชีพด้วยการนำภาพสินค้าขึ้นแสดงขณะไลฟ์บนโซเชียลมีเดีย และการปิดการขายแบบอัตโนมัติตั้งแต่ต้นจนจบแบบไร้คนด้วยแชทบอท ซึ่งระบบ ARIS จะช่วยทำให้การขายสินค้าผ่านการไลฟ์ง่าย และมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ทีม Vonder (วอนเดอร์) EdTech Startup ที่ให้บริการแพลตฟอร์มในรูปแบบของ Gamifications สำหรับผู้บริหารทีมและบุคลากรด้านการศึกษา Vondor เกิดขึ้นมาจากการเห็นปัญหา (pain point) ด้านการเรียนระบบ e-learning ผ่าน VDO ที่มักมีอัตราในการเรียนจนจบต่ำ และองค์กรที่ขาดช่องทางในการสร้าง employee engagement ผ่านทางดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ Vonder จึงนำเสนอช่องทางในการสร้าง Microengagement แบบครบวงจร โดยลูกค้าสามารถจัดการความรู้ ผ่านทางแชทบอท สร้างแบบสอบถามเพื่อเก็บ Insights ของพนักงานและนักเรียน รวมทั้งสร้างบทเรียนในรูปแบบ Microlearning ได้ภายในเครื่องมือเดียว
สำหรับรางวัลที่ผู้ชนะเลิศทั้งสองทีมจะได้รับประกอบไปด้วยเงินลงทุนจาก SCB 10X ในรูปแบบของหุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Note) มูลค่า 5 ล้านบาท AWS Credit มูลค่าประมาณ 3 ล้านบาทผ่านโครงการ AWS Activate ซึ่งเป็นการให้ความช่วยเหลือและเทรนนิ่งเกี่ยวกับเทคโนโลยีของ AWS เพื่อให้สตาร์ทอัพประสบความสำเร็จ และพื้นที่ทำงาน Co-Working Space ที่ True Digital Park ฟรี เป็นเวลา 6 เดือน มูลค่า 9 แสนบาท มูลค่ารวมทั้งหมดมากกว่า 15 ล้านบาท โดยมี Baker & McKenzie ให้การสนับสนุนโครงการด้วยการให้ความเห็นทางกฏหมายและจัดทำแบบฟอร์มเอกสารสัญญาที่ใช้ในการลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับสตาร์ทอัพไทยในเรื่องของสภาพคล่องในระยะสั้น และสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้