'ธนาคารกลางเมียนมา' อนุมัติไลเซ่นส์ให้ 'ไทยพาณิชย์' เปิดสาขาธนาคารในแหล่งธุรกิจสำคัญได้ 10 แห่ง พร้อมอนุญาตให้บริการรับฝากเงิน-ปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลในเมียนมาได้ ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 7,000 ล้านบาทภายในปี 67
เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับอนุมัติจากธนาคารกลางเมียนมาให้จัดตั้งธุรกิจแบบจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคลตามกฎหมายเมียนมา (Subsidiary Bank) ทำให้ธนาคารฯสามารถเปิดธนาคารในรูปแบบบริษัทลูกที่มีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ถือหุ้น 100% และสามารถประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ได้เต็มรูปแบบเสมือนธนาคารท้องถิ่นในเมียนมา หลังจากเมื่อปี 2555 ธนาคารฯเริ่มต้นให้บริการผ่านสำนักงานผู้แทนธนาคารในเมียนมา
ทั้งนี้ ภายใต้ Subsidiary License ทำให้ธนาคารฯสามารถเปิดสาขาในแหล่งธุรกิจที่สำคัญได้ถึง 10 สาขา ซึ่งในระยะแรกธนาคารจะมุ่งตอบสนองความต้องการให้กับลูกค้าธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนแล้วและที่ต้องการเข้าไปขยายธุรกิจทั้งด้านการค้าและการลงทุนในเมียนมา ด้วยโซลูชั่นทางการเงินเพื่อธุรกิจการค้าครบวงจร อาทิ สินเชื่อ อัตราแลกเปลี่ยน ธุรกรรมการค้า ซัพพลายเชน และบริหารเงินสด เป็นต้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้รับอนุญาตให้บริการทางการเงินสำหรับลูกค้ารายย่อยของเมียนมาได้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2564 ซึ่งตลาดลูกค้ารายย่อยของเมียนมานั้น เป็นโอกาสที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับธุรกิจธนาคาร เนื่องจากมีประชากรกว่า 54 ล้านคน ทั้งนี้ ธนาคารวางแผนจะพิจารณาการให้บริการลูกค้ารายย่อยชาวเมียนมาด้วยผลิตภัณฑ์ทางด้านเงินฝาก สินเชื่อบุคคล ดิจิทัลแบงกิ้ง และกลุ่มลูกค้ามั่งคั่งอีกด้วย
“ด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจเมียนมาที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และแรงงานเมียนมาก็มีค่าแรงไม่สูงมากนัก จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะเข้ามาใช้เมียนมาเป็นฐานการผลิตและส่งออกไปทั่วภูมิภาคได้ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีลูกค้านักธุรกิจไทยที่เข้าไปลงทุนที่เมียนมา และสนใจใช้บริการกับธนาคารแล้วกว่า 100 ราย จากกลุ่มอุปโภคบริโภค พลังงาน นิคมอุตสาหกรรม ภาคการผลิต และอุตสาหกรรมการเกษตร โดยธนาคารตั้งเป้าประมาณการวงเงินสินเชื่อ 7,000 ล้านบาท ภายในปี 2567”นายอาทิตย์กล่าว
นายอาทิตย์ ย้ำว่า การได้รับอนุมติในการจัดตั้งธนาคารลูกเพื่อสามารถเข้าทำธุรกิจเมียนมาครั้งนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความพร้อมของธนาคารไทยพาณิชย์ทางด้านเครือข่ายต่างประเทศที่สมบูรณ์ครอบคลุมกลุ่มประเทศ CLMV+2 ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม จีน และสิงคโปร์ และธนาคารไทยพาณิชย์พร้อมเป็นสะพานเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างภูมิภาคให้กับนักลงทุนจากทุกชาติที่ต้องการขยายการค้าการลงทุนมายัง ประเทศไทย เมียนมา ตลอดจนประเทศอื่นในลุ่มแม่น้ำโขง
สำหรับสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจอันดับต้นๆของภูมิภาค โดยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีอัตราการขยายตัวของจีดีพีเฉลี่ย 6-7% ต่อปี และมีมูลค่าการลงทุนตรงจากประเทศไทย (FDI) ที่ได้รับการอนุมัติแล้วจนถึงปัจจุบันที่ 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งไทยเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่เป็นอันดับที่ 3 รองจากสิงคโปร์ และ จีน นอกจากนี้ ไทยยังเป็นคู่ค้าในลำดับที่ 2 รองจากจีน โดยมีมูลค่าการค้า 7,600 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2562
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/