DSI จับมือกับ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนาม MOU ด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การวิจัยและพัฒนางานด้านกฎหมาย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2566 พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปารีณา ศรีวนิชย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามบันทึกข้อตกลง ความร่วมมือ (MOU) ทางวิชาการด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านกฎหมาย โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีพันตำรวจตรี ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายสมบุญ ม้าหาญศึก ผู้อำนวยการกองกฎหมาย เป็นผู้ร่วมลงนาม และ คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีรองศาสตราจารย์ ดร.ชัชพล ไชยพร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาวัฒน์ สัตยานุรักษ์ รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ เป็นผู้ร่วมลงนาม ณ ห้องรับรองชั้น 2 กรมสอบสวนคดีพิเศษ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคารเอ) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ พร้อมกันนี้ ดร. สุนทรีย์ ส่งเสริม ผู้ทรงคุณวุฒิ จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งสองหน่วยงานมีเจตจำนงร่วมกันในการขับเคลื่อนงานด้านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การวิจัย และพัฒนางานด้านกฎหมาย งานวิชาการ การพัฒนาบุคลากร การฝึกอบรมสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกฎหมายใหม่ ๆ สร้างความรู้ความเข้าใจในกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นการยกระดับและเสริมสร้างศักยภาพบุคลากรทั้งในการปฏิบัติงานภารกิจสืบสวนคดีพิเศษและภารกิจสนับสนุนคดีพิเศษ รวมถึง การพัฒนาองค์ความรู้และแนวทางการปฏิบัติตามกฎหมาย
โดยในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวได้มีการปาฐกถาพิเศษ ดังนี้
1. อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ภารกิจกรมสอบสวนคดีพิเศษกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”
2. คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ความสำคัญของความร่วมมือ ด้านกฎหมายเพื่อพัฒนาประเทศ”
3. ผู้ทรงคุณวุฒิจากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับการยกระดับประเทศสู่มาตรฐานสากล”
กรมสอบสวนคดีพิเศษตระหนักและให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มุ่งมั่นพัฒนาระบบการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลในการครอบครองและสร้างความเชื่อมั่นให้กับสาธารณะชนในการปฏิบัติงานตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและยกระดับมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของประเทศให้มีมาตรฐานในระดับสากลต่อไป