'เซเว่น อีเลฟเว่น' เปิดจุดสะดวกชาร์จ ช่วยลดโลกร้อน ขยายจุดบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า ดันรถไฟฟ้าเดลิเวอรี่ เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดี 24 ชั่วโมง
บมจ.ซีพี ออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ตอกย้ำนโยบาย “เซเว่น โก กรีน” (7 Go Green) เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง อย่างต่อเนื่องและครอบคลุมในทุกมิติ ตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ประกอบด้วย
1. GREEN Store and Building การบริหารจัดการร้านและอาคารภายใต้กลยุทธ์เพื่อเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
2. GREEN Packaging การดำเนินงานภายใต้นโยบายและแนวปฎิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ ผ่านแนวคิด “ลด ละ เลิก”
3. GREEN Living การรณรงค์และปลูกจิตสำนึกเพื่อสิ่งแวดล้อม ซีพี ออลล์ เพื่อสร้างวัฒนธรรมและพฤติกรรมที่ลดปริมาณขยะพลาสติก
4. GREEN Logistics ดำเนินงานด้านการขนส่งและการกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
นายยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพี ออลล์ กล่าวว่า “ปัจจุบันพลังงานสะอาดหรือพลังงานไฟฟ้าเริ่มเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากทั่วโลก เพราะช่วยลดการปล่อยมลพิษในอากาศที่ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก และนับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกใหม่ที่ดีต่อสิ่งแวดล้อมและโลก โดยเซเว่น อีเลฟเว่น ได้ร่วมกับซัพพลายเออร์ นำนวัตกรรมมาปรับเปลี่ยนพาหนะในการส่งสินค้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าผ่านบริการ เซเว่น เดลิเวอรี่ เป็นรถที่ใช้พลังงานจากกระแสไฟฟ้า โดยทยอยปรับเปลี่ยนและกระจายสู่สาขาต่างๆทั่วประเทศ
โดยปัจจุบันมีรถไฟฟ้าทดลอง 3 ประเภทในการให้บริการจำนวนรวมกว่า 745 สาขา ได้แก่
1. ประเภท 2 ล้อ จำนวน 680 คัน ประกอบด้วย
- รุ่น Swag 1.2 kW
- รุ่น MB5 1.2 kW
- รุ่น NeoD4 1.2 kW
- รุ่น ROBO 3.0 kW
2. ประเภท 3 ล้อ จำนวน 30 คัน รุ่น DEV-1 1.6 kW
3. ประเภท 4 ล้อ จำนวน 35 คัน รุ่น Fomm ONe 11.84 kW
โดยสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมา เซเว่น อีเลฟเว่น มีรถบริการ เซเว่น เดลิเวอรี่ที่ใช้รถพลังงานไฟฟ้าจำนวนกว่า 1,000 คัน และในปี 2566 มีแผนขยายสู่ 2,035 คัน โดยตั้งเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกว่า 1,214 ตันคาร์บอนต่อปี เปรียเทียบเป็นการปลูกปลูกต้นไม้กว่า 2 แสนต้นต่อปี
จากนโยบายการส่งเสริม และสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle • EV) ของสำนักนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน ที่่มีเป้าหมายให้เกิดการใช้รถยนต์ประเภทไฮบริดปลั๊กอิน และแบตเตอรี่่รวม 1.2 ล้านคัน ในปี พ.ศ.2579
ซีพี ออลล์ ตระหนักถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ โดยได้ขับเคลื่อนโครงการและมาตรการต่างๆในการเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสิ่งแวดล้อมสีเขียวและการอนุรักษ์พลังงาน ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมต่อชุมชนและประเทศชาติ ด้วยปณิธาน “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน” และเพื่อตอบโจทย์ความต้องการและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า ซีพี ออลล์ จึงได้ประสานความร่วมมือกับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า จำนวน 2 จุด, บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด หรือ EA จำนวน 21 จุด แบ่งเป็นในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 20 จุด และ ร้านสาขาธาราพัทยา 1 จุด และ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด จำนวน 1 จุด รวมจำนวน 24 จุด เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง เพื่อต่อยอดนโยบายอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมของบริษัท เตรียมพร้อมรับสังคมไทยเข้าสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต
ล่าสุด ซีพี ออลล์ ร่วมกับ เมืองพัทยา และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดบริการเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าพิกัดสูงที่สุดในประเทศไทย (EV Super Charge) ขนาด 360 kW ณ สถานี PEA VOLTA บริเวณ ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สาขาท่าเรือแหลมบาลีฮาย อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เดินหน้านโยบาย 7 Go Green เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง นับเป็นหนึ่งในโครงการที่อยู่ภายใต้นโยบาย 7 Go Green ซึ่งเป็นการประสานงานร่วมกันระหว่าง ซีพี ออลล์, เมืองพัทยา และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ที่ได้มีเจตนารมณ์ร่วมกันในการรักษาสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน อีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในการนำรถไฟฟ้า (EV) ออกมาใช้มากขึ้นอีกด้วย นับว่าความร่วมมือครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อประเทศชาติ ประชาชน และ สังคม ไปพร้อมๆกัน
ซีพี ออลล์ ในฐานะบริษัทเอกชนที่ให้ความสำคัญด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในหลากหลายมิติควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจเคียงข้างสังคมไทยกว่า 30 ปี พร้อมมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมทั้งกระบวนการผลิต การขนส่ง การลดใช้พลังงานภายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่ออำนวยความสะดวกในการให้บริการลูกค้า ควบคู่ไปกับการลดใช้พลังงานให้กับโลก เป็นไปตามปณิธานองค์กร “Giving & Sharing Opportunity” หรือ “ร่วมสร้างสรรค์และแบ่งปันโอกาสต่อกัน” ของซีพี ออลล์” นายยุทธศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย