ครม.ขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีโรงงาน-ในอนุญาตอุตสาหกรรม บรรเทาผลกระทบโควิดให้ผู้ประกอบการ พร้อมขยายเวลายกเว้นภาษีออกไปอีก 1 ปี สนับหนุนการบริจาคช่วงโควิด สำหรับบุคคลธรรมดา บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
.............................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2564 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงาน ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีที่เรียกเก็บตามพระราชบัญญัติโรงงานปี 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติมให้แก่ผู้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 2 ซึ่งมีเครื่องจักรไม่เกิน 50 แรงม้า และคนงานไม่เกิน 50 คน และจำพวกที่ 3 หรือมีเครื่องจักรเกิน 50 แรงม้าและคนงานเกินกว่า 50 คน หรือเป็นโรงงานที่มีมลภาวะ ทุกขนาดเป็นเวลา 1 ปี โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย.2564 - 9 มิ.ย.2565
ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 272 ล้านบาท โดยโรงงานจำพวกที่ 2 มีจำนวน 3,021 แห่ง มีรายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม 2.6 ล้านบาท และโรงงานจำพวกที่ 3 จำนวน 56,010 แห่ง รายได้จากการจัดเก็บค่าธรรมเนียม 269.5 ล้านบาท
แต่จะเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบกิจการโรงงาน อันเนื่องมาจากภาวะทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด และเพื่อเป็นการพยุงสถานะของโรงงานให้มีการประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมและมีมูลค่ามากกว่ารายได้ที่รัฐจะต้องสูญเสียไป
@ เว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตอุตสาหกรรมถึง 30 เม.ย.65
นอกจากนั้น คณะรัฐมนตรี (ครม.) ยังอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง
โดยให้มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 15 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาจนถึงวันที่ 30 เม.ย.2565 เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด และการชะลอตัวของภาคเศรษฐกิจและภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการประสบกับภาวะรายได้ตกต่ำและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับการยกเว้นค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 64.8 ล้านบาท และการยกเว้นค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ประกอบการตรวจสอบและรับรอง จะทำให้รัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท
ส่วนประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ จะเป็นการลดภาระและบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการ จากภาวะทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด และเพื่อเป็นการพยุงสถานะของโรงงานให้มีการประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเกิดผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมและมีมูลค่ามากกว่ารายได้ที่รัฐต้องสูญเสียไป
@ ขยายเวลายกเว้นภาษีออกไปอีก 1 ปี หนุนการบริจาคช่วงโควิด
ในวันเดียวกันนี้ ยังอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร สำหรับมาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการบริจาค เพื่อแก้ไขปัญหาโควิด ซึ่งเป็นการขยายระยะเวลาการยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บุคคลธรรมดาและบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับการบริจาคเงินหรือทรัพย์สินผ่านระบบบริจาคอิเล็กทรอนิกส์ (e-Donation) ของกรมสรรพากร และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ประกอบการสำหรับการบริจาคสินค้า ให้แก่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหาโรคโควิด ซึ่งสิ้นสุดมาตรการไปเมื่อวันที 5 มี.ค.2564 โดยการขยายเวลารอบนี้มีผลตั้งแต่การบริจาคในวันที่ 6 มี.ค.2564 - 5 มี.ค.2565 หรือขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี
ทั้งนี้คาดว่าจะทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ประมาณ 5 ล้านบาท แต่จะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนและภาคเอกชนได้มีส่วนในการแก้ไขปัญหาการระบาดของโควิด และทำให้เกิดพลังสามัคคีในประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยลดภาระการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาโควิดได้ด้วย
สำหรับสาระสำคัญของร่างพระราชกฤษฎีกาฯ ในส่วนของบุคคลธรรมดากำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนเท่าจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับเงินบริจาคแล้วต้องไม่เกิน 10 % ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน สำหรับบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้ยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้เท่าจำนวนเงินหรือราคาทรัพย์สินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ต้องไม่เกิน 2% ของกำไรสุทธิ
มาตรการดังกล่าวในรอบที่ผ่านมาช่วงวันที่ 5 มี.ค.2563 - 5 มี.ค.2564 มีผู้บริจาคที่เป็นบุคคลธรรมดาจำนวน 53 ราย ยอดบริจาคจำนวน 3.96 ล้านบาท และผู้บริจาคที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจำนวน 64 ราย ยอดบริจาคจำนวน 22.07 ล้านบาท ซึ่ง สปน. ได้นำเงินบริจาคดังกล่าวไปใช้ในการช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่ได้รับผลกระทบจากการปฏิบัติหน้าที่ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิดจำนวน 102 ราย
ภาพจาก: Freepik
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage