กรมราชทัณฑ์พบผู้ต้องขังติดโควิดเพิ่ม 1,408 ราย จาก 7 เรือนจำ รวมสะสม 11,670 ราย พร้อมแจงกรณีมีการนำเสนอข่าวว่ามีงบแก้ปัญหาโควิดเพียง 750,000 บาท ชี้เป็นงบจัดการประชุมสัญจร ซึ่งเป็นคนละส่วนกับงบประมาณที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วย
................................................
เมื่อวันที่ 18 พ.ค.2564 นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายพัฒนา แถลงรายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดในเรือนจำ และทัณฑสถานว่า ข้อมูล ณ วันที่ 18 พ.ค.2564 เวลา 12.00น. มีผู้ติดเชื้อทั้งหมด 11,670 ราย จากเรือนจำและทัณฑสถาน 13 แห่งทั่วประเทศ
โดยวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 1,408 ราย จาก 7 เรือนจำ แบ่งเป็น เรือนจำกลางเชียงใหม่ 50 ราย ทัณฑสถานหญิงกลาง 245 ราย เรือนจำกลางคลองเปรม 159 ราย เรือนจำพิเศษธนบุรี 277 ราย เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา 7 ราย เรือนจำจังหวัดนนทบุรี 342 ราย เรือนจำกลางบางขวาง 328 ราย ส่วนเจ้าหน้าที่พบติดเชื้อเพิ่มอีก 35 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรักษาตัว
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตรวจหาเชื้อทางโพรงจมูก หรือ Swab 100% และจะให้เอ็กซเรย์ปอด เพื่อจะเร่งใ้ห้การรักษาอย่างทันถ่วงที พร้อมจะจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม และจัดหายามาดูแลผู้ต้องขังต่อไป
"สำหรับผู้ต้องขังที่ยังตรวจไม่พบติดเชื้อ จะให้ดำเนินการ Swab ทุกๆ 7 วัน จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อสร้างความมั่นใจ ทั้งนี้จะทำการตรวจหาเชื้อเมื่อหายแล้วอีกทีด้วย" นายสิทธิ กล่าว
สำหรับกรณีที่มีการนำเสนอข่าวว่า กรมราชทัณฑ์มีงบประมาณในการดูแลควบคุมการระบาดของโควิดในเรือนจำ เพียง 750,000 บาทนั้น นายสิทธิชี้แจงว่า งบประมาณดังกล่าว เป็นเพียงงบประมาณที่จัดสรรไว้สำหรับการประชุมเชิงปฏิบัติการสัญจร แต่เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของโควิด ทำให้ไม่สามารถจัดการประชุมสัญจรได้ จึงได้นำเงินดังกล่าวไปจัดสรรให้กับเรือนจำทั่วประเทศแก้ปัญหาโควิดเพิ่มเติม ซึ่งเป็นคนละส่วนกับงบประมาณที่ใช้ในการดูแลรักษาผู้ป่วยที่อยู่ในงบประมาณปกติอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเจอสถานการณ์โควิดในปัจจุบัน ทำให้งบประมาณในภาพรวมที่ต้ังไว้ไม่เพียงพอ จึงได้เสนอคำขออนุมัติจากงบกลาง ไปยังสำนักงบประมาณ 411 ล้านบาท โดยจะนำเงินก้อนนี้มาใช้ในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ที่จะต้องใช้ดูแลรักษาผู้ต้องขัง โดยขณะนี้เรื่องกำลังอยู่ที่สำนักงบประมาณ ที่จะต้องนำเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอช่ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณาเห็นชอบ และหาก พล.อ.ประยุทธ์ ให้ความเห็นชอบ จะนำเรื่องเสนอไปยังคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/