ตำรวจแถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีพบเจ้าหน้าที่ยศ ร.ต.อ. สังกัดตำรวจรถไฟ ป่วยโควิด ผูกคอเสียชีวิตในโรงพยาบาล เผยเจ้าตัวเครียด ทำครอบครัวเป็นกลุ่มเสี่ยง ขณะที่ยอดสะสมตำรวจป่วยโควิดระลอกใหม่ รวม 498 ราย
----------------------------------------------------
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.พรชัย สุธีรคุณ นายแพทย์ (สบ 8) โรงพยาบาลตำรวจ , พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 (ผบก.น.6) , พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ปทุมวัน ร่วมกันแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี ร.ต.อ.บุญชู พรรณกลิ่น อายุ 59 ปี รองสารวัตรป้องกันและปราบปราม กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจรถไฟ เสียชีวิต ขณะเข้ารักษาอาการป่วยโควิด ภายในห้องพักผู้ป่วยชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติโรงพยาบาลตำรวจ
พล.ต.ต.ยิ่งยศ กล่าวว่า ผลการชันสูตรและการสอบพยานแวดล้อม ร.ต.อ.บุญชู ไม่ได้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด แต่เสียชีวิตเนื่องจากทำให้ตัวเองตายด้วยความเครียดส่วนตัวด้วยโรครุมเร้า ตำรวจชันสูตรพลิกศพตามระเบียบข้อกฎหมายทุกประการ วันนี้ศพอยู่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อรอรับกลับไปบำเพ็ญกุศล
ด้าน พล.ต.ท.พรชัย กล่าวว่า ร.ต.อ.บุญชู เดินทางมารักษาในช่วงแรกยังไม่มีอาการ แต่มีโอกาสไปสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด จึงไปตรวจที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้รับผลเป็นบวกคือติดเชื้อโควิด จึงติดต่อมาที่โรงพยาบาลตำรวจ และถูกนำตัวมารักษาดูแลที่นี่ ช่วงแรกที่มาถึงโรงพยาบาลผู้ป่วยไม่มีอาการจึงให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามในวันที่ 18 เม.ย. วันถัดมาเริ่มมีอาการหายใจติดขัด เมื่อพบอาการเพิ่มมากขึ้น จึงย้ายผู้ป่วยเข้าไปรักษาตัวที่อาคารเฉลิมพระเกียรติ ทั้งนี้ผู้ป่วยมีประวัติเป็นเบาหวาน มีอาการหายใจไม่ค่อยสะดวก มีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ ในวันเกิดเหตุผู้ป่วยขออนุญาตไปเข้าห้องน้ำแล้วหายเงียบไป พยาบาลจึงติดตามไปดูพบผู้ป่วยอยู่ในห้องน้ำ และหยุดหายใจ ทีมแพทย์พยายามกู้ชีพอย่างเต็มที่ สุดท้ายไม่สามารถช่วยชีวิตได้
พล.ต.ท.พรชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ป่วยรายนี้ เราไม่ทราบว่าผู้ป่วยเครียด เพราะผู้ป่วยเข้ามาในโรงพยาบาลเพียง 2-3 วัน สิ่งที่แพทย์ระมัดระวังในช่วงแรกคืออาการเจ็บป่วยกับปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำ จึงไม่ทันระวังในเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้ได้เพิ่มมาตรการในการระมัดระวังเรื่องความเครียดของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น พร้อมยอมรับว่า ขณะนี้แนวโน้มผู้ติดเชื้อมีเพิ่มมากขึ้นทุกวัน บางครั้งการคัดกรองอาจทำได้ยาก อีกทั้งสถานพยาบาลขณะนี้ มีปัญหาการรองรับผู้ติดเชื้อไม่เพียงพอต่อผู้ป่วยแต่ละวัน จึงทำให้มีการส่งตัวผู้ติดเชื้อมายังโรงพยาบาลสนามของโรงพยาบาลตำรวจ ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบประวัติ หรือภาวะความเครียดย้อนหลังก่อนเข้ามารักษาตัวได้
ด้าน พ.ต.อ.พันษา กล่าวถึงรายละเอียดการชันสูตรพลิกศพ ว่า ช่วงหลังเวลา 17.00 น. วันที่ 20 เม.ย. ตรวจที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์ผู้ชันสูตร ที่ภายในห้องน้ำหอพักผู้ป่วย ชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติ รพ.ตำรวจ เบื้องต้นสาเหตุเสียชีวิตมาจากการขาดอาการหายใจ และทำให้ตนเองเสียชีวิต ไม่ได้เสียชีวิตจากโรคโควิดจากนั้นได้ส่งศพไปที่นิติเวช รพ.ตำรวจ
จากการสอบสวนถึงมูลเหตุจูงใจ ทราบว่า ผู้ตายเครียดที่ทำให้แม่ ภรรยา และลูก เสี่ยงติดเชื้อ ขณะนี้แม่กับภรรยา ได้ไปตรวจหาเชื้อ และอยู่ระหว่างกักตัว ผู้ตายก็ยังไม่รู้ผลว่าแม่และภรรยาติดเชื้อหรือไม่ ประกอบกับผู้ตายมีโรคประจำตัวเป็นความดันและเบาหวาน รักษาตัวอยู่ที่ รพ.รามาธิบดี ระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ รพ.ตำรวจ รู้สึกรักและเป็นห่วงครอบครัว แต่ไม่กล้าโทรไปคุยกับแม่และภรรยา เพราะรู้สึกละอายใจ แต่ได้โทรไปคุยญาติสนิท และบ่นว่าทำไมต้องมีโรคนี้ด้วย ซึ่งสอดคล้องกับการพูดคุยกับเพื่อนผู้ป่วย ที่มีการบอกว่า ฝากแม่กับครอบครัวด้วย จนกระทั่งวันเกิดเหตุ ผู้ตายเข้าห้องน้ำตั้งแต่ 15.00 น. จนเวลา 16.00 น. มีโทรศัพท์ดังขึ้นหลายครั้ง เพื่อนที่อยู่ในห้องพักด้วยกันจะตามให้มารับโทรศัพท์ แต่เรียกไม่ตอบและเห็นว่านานเกินไป จึงตามแพทย์และพยาบาลมาดู จึงพบว่าเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำ โดยใช้เข็มขัดผูกคอตัวเองกับตะขอเหล็กบริเวณอ่างกระจกล้างหน้าในห้องน้ำ
โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังเปิดเผยจำนวนตำรวจที่ติดเชื้อโควิดล่าสุดด้วยว่า ณ วันที่ 20 เม.ย.มีตำรวจเข้ารับการรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 412 ราย ทำให้ยอดรวมสะสมตั้งแต่ มี.ค.จนถึงปัจจุบัน มีตำรวจติดโควิดจากการระบาดระลอกใหม่ รวม 498 ราย
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่https://www.facebook.com/isranewsfanpage/