ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา พิพากษาคุก 1-4 เดือน ไม่รอการลงโทษ วัยรุ่นมั่วสุมเสพยาเสพติด ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2563 นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2563 ที่ผ่านมา ที่ศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา นางนารีรัตน์ ไพศาลธนวัฒน์ อัยการจังหวัดคดีศาลเเขวงพระนครศรีอยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.สายลม เเก้วดี กับพวกรวม 18 คนในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1. (เมทเเอมเฟตามีน)โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเจ้าหน้าที่ สภ.ช้างใหญ่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองพระนครศรีอยุธยา ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมากรวมกลุ่มมั่วสุมกัน สังสรรค์และมีการเสพยาเสพติดที่แพตกปลา ริมตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อแพปลาสมหมาย ที่ต.ราชคราม อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2563 เวลา 22.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสนธิกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมปรากฏว่าพบวัยรุ่นหญิงชายรวม 27คนโดยมีผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน1คนกำลังมั่วสุม สังสรรค์ และพบยาเสพติดเป็นกัญชาแห้ง เคตามีน ยาอี พร้อมอุปกรณ์การเสพยาเสพติด จึงได้จับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดพร้อมยึดยาเสพติดและอุปกรณ์เป็นของกลาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเเจ้งข้อหาร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ต่อมาวันที่ 1 เม.ย.พนักงานสอบสวน สภ.ช้างใหญ่ ได้นำตัวผู้ต้องหาจำนวน 18 คนพร้อมสำนวนซึ่งกระทำความผิดในอัตราโทษคดีศาลแขวง ส่งพนักงานอัยการสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงพระนครศรีอยุธยาเพื่อพิจารณา ส่วนผู้ต้องหาที่เหลือได้แยกดำเนินคดียังศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในความผิดฐานร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมและมั่วสุม ณ.ที่ใดใดในสถานที่แออัดโดยฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในถานะการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และมีและเสพยาเสพติดให้โทษโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายและผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชนแยกส่งสำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อพิจารณาเเยก
โดยศาลได้มีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1 เเละ 2 ซึ่งกระทำความผิดฐาน ร่วมกันชุมนุมทำกิจกรรมหรือการมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ ในสถานที่แออัดอันเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ให้ลงโทษจำคุก 1 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ ส่วนจำเลย ที่ 3-18 กระทำความผิดฐานเสพยาเสพติด นอกจากความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมชุมนุมฯด้วยนั้นศาลให้ลงโทษจำคุกฐานเสพยาเสพติดอีกเป็นเวลา 3 เดือนเมื่อรวมกับโทษฐานมั่วสุมชุมนุมกัน ตามพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินฯอีก 1 เดือนจึงจำคุกจำเลยที่ 3 ถึง 18 เป็นเวลา 4 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ (อ้างอิงข้อมูลจาก : https://www.dailynews.co.th/crime/766635?fbclid=IwAR0kE8ODJODD2CplCnMZe0K88nCFQDEZwwqG2_hDXULpnpNRFyxX3oD3U-4)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/